รีวิวหนัง Alpha - ผจญนรกแดนทมิฬ 20000 ปี

รีวิว Alpha ฉบับเด็กเดินตั๋ว

บอกเลยว่าประทับใจมาก หลักๆ เลยเป็นเรื่องภาพที่สวยงามมาก ให้ประสบการณ์เหมือนดูสารคดีแนวธรรมชาติหรือท่องเที่ยว ภูเขา ดวงดาว จากค่ายBBC หรือ National Geographic อยู่เลย ภาพสวยงามมากๆ แค่ไปดูภาพก็คุ้มค่าแล้ว อีกเรื่องที่ชื่นชอบใน Alpha คือน้องหมาป่า น่ารักมากๆ ไม่รู้ว่าเป็น CG หรือหมาป่าจริงๆ คือดูเนียนจนแยกไม่ออกเลย เอาจริงๆ แค่ไปดูสองอย่างนี้ก็คุ้มค่ามากๆแล้ว แทบอยากดูแล้วอยากอีกหลายๆรอบเลย

ส่วนเรื่องเนื้อเรื่อง สำหรับเด็กเดินตั๋วออกแนวเฉยๆ นะ ไม่แย่ไม่ว้าวอะไรมาก อารมณ์ประมาณหนังเอาตัวรอด คล้ายๆเรื่อง Revenant ที่เฮียลีโอนาโด้ ดีคาร์ปรีโอฝากผลงานน่าประทับใจระดับสอยออสการ์มาได้จากการสู้หมีกรีซลีย์ปางตายแล้วตะเกียกตะกายเอาตัวรอดกลางป่าสนในอเมริกาทางตอนเหนือ แต่ความโหดดิบเถื่อนของเรื่อง Alpha นั้นแทบสู้ไม่ได้เลยครับ หรือถ้าหากใครเคยดูหนังแอคชั่นยุคโบราณอย่างเรื่อง 20,000 B.C. ที่แอคชั่นบู๊ระห่ำสนุกสนาน เมื่อเทียบกับเรื่อง Alpha นั้น...เรื่อง Alpha ก็สู้ไม่ได้เช่นกัน.... งั้นลองไปดูเนื้อเรื่องคล้ายๆ กัน สายEntertainment อย่าง The Good Dinosaur หนังอนิเมชั่นจากค่าย Disney Pixar ที่ทำไว้น่ารัก กลมกล่อม สนุกสนานลงตัว เรื่องAlpha ก็สู้ไม่ได้เช่นกัน เรื่องการแสดงหรือเรื่องการถ่ายทอดเรื่องราวนั้นยังไม่หนักแน่นเข้มข้นสักเท่าไหร่ เลยทำให้ความบันเทิงดูจืดจางลงไปหลายระดับเลย

- เด็กเดินตั๋ว -

Alpha (2018)

   Alpha หนังที่จะทำให้คุณหลงรักน้องหมาอย่างถอนตัวไม่ขึ้น ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้น่ารักขนาดนี้ ขนาดคนที่ไม่ได้เลี้ยงก็ต้องตกหลุมรักมันอย่างแน่นอน เผลอๆ ดูจบคุณต้องอาจจะคิดที่จะเลี้ยงมันบ้างแล้วหละ 

บทหนัง การดำเนินเรื่อง
   หนังทำน้องหมาได้น่ารักมาก เอาจริงๆ อัลฟ่าหรือน้องหมาในเรื่องนี่เป็นตัวเอกของเรื่องเลย ถ้าไม่มีน้องอัลฟ่านี่บอกเลยหนังจืดมาก ตัวบทหนังแทบไม่มีอะไร ในตัวอย่างหนังมีเท่าไร ในหนังก็มีแค่นั้น แต่ที่เซอร์ไพรส์มากๆ คือน้องอัลฟ่าทำได้น่ารักมาก ดีมาก จนอยากเลี้ยงหมาเลย(ส่วนตัวไม่ได้เลี้ยงครับ) ด้านการดำเนินเรื่องของหนังก็ไม่ค่อยมีจุดพีคที่ทำให้ตื่นเต้นสักเท่าไร เพราะไอ้ที่ตื่นเต้นก็ดันไปอยู่ในตัวอย่างหนังซะแล้วอะสิ 

คุณภาพของภาพและเสียง
   ได้ดูในระบบ IMAX3D ครับบอกเลยว่าภาพสวยมาก ภาพธรรมชาตินี่สุดลูกหูลูกตา สวยมาก และสามมิติก็นูนพอสมควรครับ บอกเลยคุ้มค่าตั๋วที่เสียไปแน่นอน ระบบเสียงในโรงก็โอเคครับ 

ด้านดี
   น้องอัลฟ่าแน่นอน ดีที่สุด ทาสหมาต้องใจละลาย ใครไม่ได้เลี้ยงก็ต้องตกหลุมรักเป็นแน่แท้ ตัวหนังทำด้านนี้มาดีมากๆ เรื่องราวทำให้เรารักอัลฟ่ามากๆ จะบอกว่ามันโคตรน่ารัก และก็สามมิติ ที่สวยมากๆ ธรรมชาติสวยมากจริงๆภาพหลายฉากนี่ทำให้เราเหมือนหลุดไปในโลกของหนังเลยละครับ

ด้านแย่
   ตัวบทหนังและการดำเนินเรื่องแหละครับ ที่ไม่ค่อยมีอะไรเลย ดูจืดมาก แทบไม่มีฉากให้ลุ้นเอาใจช่วยสักเท่าไร แถมฉากเด็ดๆก็ดันไปอยู่ในตัวอย่างซะเกือบหมด ทำให้หนังดูจบก็ไม่ได้รู้สึกอะไรเท่าไร

สรุป 
  ก็แนะนำให้ไปดูแบบ 3D นะครับเพราะภาพสวยมากจริงๆ และใครที่ชื่นชอบหมาแนะนำว่าอย่าพลาดโดยเด็ดขาดแต่ตัวบทหนังหรืออะไรผมว่าเฉยๆ 

Alpha
--- 8/10 ---
“ทาสหมา 20,000 ปี”
ภาพสวยมากกกก ความสัมพันธ์ของคนและหมาก็น่ารัก อบอุ่น แต่การดำเนินเรื่องชวนง่วงไปเสียหน่อย

เรื่องราวเกี่ยวกับเด็กหนุ่มคนหนึ่งซึ่งต้องออกล่าครั้งแรกกับพ่อของเขาที่เป็นหัวหน้าเผ่า แต่แล้วก็เกิดความผิดพลาด จนทุกคนคิดว่าเด็กคนนี้ได้เสียชีวิตไปแล้ว แต่ความจริงแล้วเขายังอยู่ เขาได้มาเจอกับหมาป่า จนเกิดเป็นเรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองขึ้น ทำให้เด็กหนุ่มและหมาป่าต้องเอาชีวิตรอดผ่านการผจญภัยต่างๆ เพื่อหาทางกลับบ้านให้จงได้

ต้องบอกก่อนว่าเรื่องนี้เป็นซับทั้งหมด เพราะว่าในเรื่องพูดเหมือนภาษาเผ่าอะไรสักอย่าง และหลายคนคงสงสัยว่าใช้สัตว์จริงในการถ่ายทำหรือเปล่า? สัตว์ใหญ๋หรือฉากอื่นๆ ก็มี CGI บ้าง จริงบ้าง แต่ที่จริงแท้แน่นอนคือหมาป่า Alpha ตัวเอกของเรื่องเนี่ยแหละ!

ความดีงามโคตรๆ ของเรื่องนี้คือภาพ ด้วยความที่ดูใน IMAX 3D บอกได้เลยว่าทุกช็อต ทุกฉาก ภาพสวยมาก! มากถึงมากที่สุด สวยจนแบบถ้ามีแผ่นคุณสามารถกดพอสแล้วแคปมาทำเป็นภาพวอลเปเปอร์สวยๆ รูปนึงได้เลย และถ้านับทั้งเรื่อง คุณอาจจะได้หลายสิบภาพเลยทีเดียว

การแสดงของทั้งสองถือว่าทำได้ดีมาก (คนกับหมา) ความสัมพันธ์ ความผูกพันของทั้งสอง ลงตัว ดูจริงมาก และทำให้เราเชื่อได้อย่างไม่ยากเลยทีเดียว ทั้งอบอุ่น ได้เสียงหัวเราะบ้าง และน่ารักมากๆ ตลอดเวลา 1 ชั่วโมง 36 นาทีของหนัง เราได้เห็นพวกเขากว่า 90% และพวกเขาเอาอยู่จริงๆ

บทดีแต่มีการดำเนินเรื่องที่ค่อนข้างจะเป็นเส้นตรง หนังจะเนิบๆ เรื่อยๆ มีลุ้นบ้างเป็นระยะ แต่ก็ไม่ได้หวือหวาสักเท่าไหร่ ในพาร์ทของดราม่า ก็ยังไม่สามารถบีบน้ำตาคนดูได้ ส่วนในพาร์ทของการฝ่าฟันเอาตัวรอดกลับบ้าน ก็ไม่ค่อยได้เห็นการฝ่าฟันอุปสรรคให้เราได้เอาใจช่วยมากเท่าที่ควร และด้วยความที่ดำเนินเรื่องเอื่อยๆ ก็อาจทำให้รู้สึกง่วงบ้างในหลายๆ ฉากเช่นกัน

สรุป เป็นหนังที่ภาพสวยมากๆ แต่ดำเนินเรื่องเอื่อยมากเช่นกัน หนังให้น้ำหนักไปที่ความสัมพันธ์ของคนกับสัตว์เสียมากกว่าการเอาตัวรอด ใครชอบแนวนี้ก็ต้องลองไปดูกันเองในโรงภาพยนตร์เลยจ้าาาา