หนัง The Shape of Water หรือชื่อไทยว่า เดอะ เชพ ออฟ วอเทอร์ เรื่องราวของ Eliza (แสดงโดย แซลลี ฮอว์คกินส์) ภารโรงสาวผู้เป็นใบ้ เธอทำงานทำความสะอาดให้กับห้องแล็ปของรัฐบาล สถานที่ที่เธอได้พบรักกับสิ่งที่เรียกว่าเป็น “สมบัติล้ำค่า” ของที่แห่งนี้ มันคืออมนุษย์ใต้น้ำ (แสดงโดย ดั๊ก โจนส์) มันถูกคุมขังและเตรียมถูกทดลองที่โหดร้ายทารุณ ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของเจ้าหน้าที่สตริคแลนด์ (แสดงโดย ไมเคิล แชนนอน) นั่นทำให้อิไลซาที่เริ่มมีความรู้สึกดี ๆ ให้กับเจ้าอมนุษย์ตัวนี้เริ่มวางแผนที่จะพามันหลบหนีให้ได้
หนัง The Shape of Water หรือชื่อไทยว่า เดอะ เชพ ออฟ วอเทอร์ An other-worldly fairy tale, set against the backdrop of Cold War era America circa 1962. In the hidden high-security government laboratory where she works, lonely Elisa (Sally Hawkins) is trapped in a life of isolation. Elisa's life is changed forever when she and co-worker Zelda (Octavia Spencer) discover a secret classified experiment.
The Shape Of Water | Guillermo del Toro
หนังลำดับล่าสุดของเดลโทโร ผู้กำกับมากความสามารถ และยังเป็นหนึ่งในผู้กำกับที่น่าจับตามองมากๆ ในปีนี้ โดยคราวนี้กลับมาพร้อมกับรวบรวมองค์ประกอบมากมายที่เขาได้ผจญภัยในฮอลลีวูด มีส่วนผสมโหดร้ายแบบแพนไลเบอลินท์หนังยุคแรกเริ่มของเดลโทโร กับโลกใหม่ๆ จากเฮลบอย ความบันเทิงเฮฮาแบบตลาด และความตระกาลตาCGเทพๆ โดยหนังเรื่องนี้เป็นการรวมองค์ประกอบในตัวของเขาตลอดมา กลั่นอย่างลงตัว ออกมาได้อย่างงดงาม และน่าจับใจ
The Shape Of Water เป็นเรื่องราวของอิไลซ่า พนักงานทำความสะอาดใบ้ ซึ่งค่อยๆ ตกหลุมรักต้องห้ามกับสัตว์ประหลาดในแล็บ จนนำไปสู่การดิ้นรนต่อสู้ และอิสระของตัวสัตว์ประหลาด หนังได้รับแรงบันดาลใจจากหนังอสูรกายยุคเก่า แต่ก็เปี่ยมล้นไปด้วยประเด็นร่วมสมัย พอก้าวผ่านมาสู่ยุคนี้ ผ่านผู้กำกับมือดี มันก็ออกมาได้ลงตัวจนน่าตกใจ สนุก งดงาม ตื่นเต้น และก็รุนแรงดี
เราชอบองค์ประกอบความรุนแรงที่แสดงออกอย่างเจาะจง และแนบเนียนอยู่ระหว่างนาทีในหนังได้อย่างบ้าคลั่ง คือถ้าหนังไม่มีความโหดร้าย และเลือดในระดับนี้ มันก็จะกลายเป็นหนังรักโรแมนติกใสๆ ไปเลย แต่พอมีมีบรรทัดของความรุนแรงรองรับเนื้อเรื่องอยู่เสมอ ที่นอกจากจะออกมาจากการแสดงออกแล้ว มันยังคุกกรุ่นแฝงตัวอยู่ในระหว่างตัวละครทุกตัวได้อย่างแนบสนิท มันก็เลยกลมกล่อมอย่างน่าประหลาด เป็นส่วนผสมที่โรแมนติคคาวเลือดสุดๆ
แถมหนังยังมีประเด็นของเรื่องผู้คนชายขอบที่สังคมละเลยเอาไว้เป็นจำนวนมากจากความรุนแรงทั้งหลาย ไม่ใช่แค่ผู้หญิงที่เป็นประเด็นในสังคมภาพยนตร์ตอนนี้เท่านั้น แต่หนังได้ขยายตัวเองไปในพื้นที่ของคนพิการ LGBT คนดำ วิทยศาสตร์ รวมถึงสัตว์ประหลาดอันเปรียบเปรยได้เคียงเทพเจ้า ภายใต้การปกครองของชายผิวขาวผู้เป็นใหญ่ สถานที่ที่ผู้คนเชิดชูคาดิแลค หน้าที่การงาน ที่แม้กระทั่งวิทยาศาสตร์ยังไม่อาจต่อกรได้
ไม่มีใครต่อกรกับ “ห้าดาว” บนไหล่ของนายพลฮอยด์ได้เลย
โดยถ้าหากสังเกตุดีๆ อย่างตัวร้ายชายผิวขาว ริชชาร์ด สติคแลนด์ ก็เป็นตัวอย่างของการกดทับอำนาจที่ส่งต่อมาจากเบื้องบน คือ สูงใหญ่ เป็นอดีตทหาร สนใจหน้าที่การงาน รถ มีไอ้แท่งไฟฟ้าอันเบ้งไว้ข่มใครต่อใคร เราชอบความกลมของตัวละครตัวนี้นะ ถ้าดูดีๆ เราจะพบว่า ริชชาร์ด สติคแลนด์ ก็เป็นแค่ผลของกระบวนการทำซ้ำ เขาเป็นพ่อที่ดีซะด้วยซ้ำ ภรรยารัก เด็กๆ ก็รัก เขาก็แค่คนธรรมดาคนหนึ่งที่ทำตามหน้าที่ โดยเฉพาะหน้าที่ดูแลรักษาความปลอดภัย ซึ่งแน่ล่ะว่าเราก็จะสามารถตีความตัวละครตัวนี้ไปถึงตัวแทนของอเมริกาได้เลย ดังนั้นตัวร้ายที่แท้จริงก็คือดาวบนไหล่ ซึ่งมันใหญ่โตกว่าแทงไฟฟ้าของสติคแลนด์มากนัก ที่ปกครองอย่างเสร็จสรรพ ทำซ้ำผลผลิตน่าหวาดกลัวนี้ จนสามารถทำอะไรกับใครก็ได้ โดยเฉพาะการ “ฆ่า” อะไรบางอย่างที่พวกเขาไม่เห็นสมควรว่าควรอยู่ในสังคมของเขา (ถ้าสังเกตต่อไปอีก เราจะพบว่าผู้ชายในหนังเรื่องนี้ทุกคนล้วนห่วยแตกไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง)
เรื่องราวของหนังจึงไม่ใช่การดิ้นต่อสู้เพื่อสิทธิหรืออะไรทั้งนั้น แต่เป็นกระบวนการช่วยเหลือที่มีต่อการใช้ชีวิต คือยังไม่ต้องไปถึงสิทธิขั้นพื้นฐานหรืออิสระภาพใดๆ หรอกในเมื่อชีวิตในมือกำลังจะถูกฆ่า ยังไงก็ต้องเอาตัวรอดไปก่อน มันก็เลยเป็นการกบฏเล็กๆ ภายใต้สิ่งที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงอยู่ดี ดูเผินๆ หนังอาจโรแมนติคมากๆ จนหลงลืมหนังเก่าๆ ของเดลโทโรไป แต่หากเข้าไปสัมผัสเนื้อเรื่อง เราจะพบว่ารอยต่อของความรุนแรงยังคงดำเนินต่อเสมอ ไม่ว่าจะในพื้นที่ไหนๆ ของเนื้อเรื่องที่ปฏิบัติต่อคนชายขอบทั้งหลาย องค์ประกอบความรุนแรงก็ยังเปี่ยมครบ ดำเนินต่อไปในอนาคตของหนัง เพียงแต่มีอยู่อย่างหนึ่งที่เดลโทโรนำเสนอออกมาให้แตกต่างจากปกติหน่อยหนึ่งก็คือ การมีความสุข และการมีความรัก ภายใต้อำนาจจากการถูกกดทับของชายผิวขาวเหล่านั้น
พวกเขามีชีวิตอยู่ เอาตัวรอดต่อไปในวันพรุ้งนี้ ก็เพื่อที่จะมีความสุข ...เพื่อจะมีชีวิต
กราฟฟิคของเดลโทโรยังไงก็เป็นเลิศอยู่แล้ว ทั้งงดงาม น่าหวาดกลัว และคุมโทนสีได้เหงา แปลกประหลาดได้สุดๆไปเลย โดยเฉพาะการเล่นสีเขียวและแดงของทั้งเรื่อง การแสดงของอิไลซ่านี่ดีมากๆ โดยเฉพาะฉากพาฝันที่เหมือนระเบิดออกมาจากความรู้สึกทั้งหลาย และเพลงก็เพราะ หยาดเยิ้มในไสตล์โบราณ
เป็นผลงานที่ลงตัว มีองค์ประกอบที่พอจะท้าทายออสการ์ได้ มันทำให้เรารู้จักโลกที่ไม่ใช่แค่ไร้เพศสภาพเท่านั้น แต่มันไปถึงความไร้พรหมแดนของความสัมพันธ์ เป็นสิ่งที่ Beauty and The Beast ไม่เคยไปถึง แต่หนังเรื่องนี้ก็นำเสนอความรักอันไร้พรหมแดนได้อย่างเปี่ยมชัด ที่ไม่ใช่แค่เรื่องของความรักหนุ่มสาวเท่านั้น
เป็นหนังวาเลนไทน์คาวเลือดที่งดงามจริงๆ
The Shape of Water
123 min | Drama/Fantasy | Directed by Guillermo del Toro
นี่คือ 1 ในภาพยนตร์ที่ยอดเยี่ยมเรื่องนึง ไม่เพียงแต่การันตีด้วย การเข้าชิงถึง 13 รางวัลออสการ์ แต่หนังเต็มเปี่ยมไปด้วยความสวยงาม และลายเส้นอันเป็นจุดเด่นเฉพาะของผู้กำกับ กีเยร์โม เดล โตโร โดยในเรื่องนี้พูดถึงเรื่องราวของสาวใบ้ผู้เป็นภารโรงอยู่ในห้องแล็บของรัฐบาล ในอเมริกายุค 60 ซึ่งที่นั่นเองทำให้เธอได้พบกับสิ่งมีชีวิตลึกลับครึ่งบกครึ่งน้ำ ที่ถูกจับมาทดลองและถูกทารุณ นอกจากความสงสารแล้วทั้งสองเหมือนมีบางอย่างที่เชื่อมโยงเข้าหากันและเกิดความสัมพันธ์บางอย่างขึ้นระหว่างสองสายพันธุ์
การออกแบบสิ่งมีชีวิตที่ไม่ใช่มนุษย์ของเดล โตโร คือสิ่งที่ผมหลงไหลมาก เพราะมันดูน่าค้นหา และเต็มไปด้วยจินตนาการที่ค่อนข้างล้ำมาก หากใครได้ดูหลายต่อหลายเรื่องของเขาจะเข้าใจเป็นอย่างดี ซึ่งจุดเด่นตรงนี้ถูกนำไปจัดวางในภาพยนตร์หลากหลายประเภท ตั้งแต่สยองขวัญ ระทึกขวัญ แอคชั่น หนังหุ่นยนต์ และล่าสุดในเรื่องนี้คือโรแมนติก เพิ่มเติมคือไม่ได้สวยงามและน่าหลงไหลแค่อมนุษย์ แต่งาน set up ฉากต่างๆ บรรยากาศ อเมริกา 60's ในเรื่องก็ยังน่าสนใจและเสริมหนังให้เราดูอินมากขึ้น งานภาพก็ดี เสียงดีทุกอย่างดีมากกกก รวมๆ แล้วคืออวยแหละ เพราะชอบมาก
นอกจากนี้แม้ตัวหนังจะพีเรียดมาก แต่ก็ยังมีประเด็นที่ทันสมัยแฝงอยู่มากมาย ทั้งประเด็นคนชายขอบในสังคมที่กลายเป็นประเด็นร่วมสมัย ไม่ว่าจะอยู่ในหนังช่วงไหนหรือแนวอะไรก็ไม่เชย แถมถ้ามองในแง่มุมของหนังรัก มองมุมนึงมันก็มีความคลีเชอยู่บ้าง (อาจเพนราะส่วนใหญ่คล้ายกับโฉมงานกับเจ้าชายอสูร) แต่ความขม ความดาร์คที่คอยตัดอยู่ตลอดทั้งเรื่องถือว่าเป็นรสชาติที่ใหม่และลงตัวกว่าที่คิดไว้มาก
ไม่อยากให้คนทั่วไปมองข้ามเพียงเพราะนี่เป็นหนังที่เข้าชิงออสการ์เยอะมาก หนังดูไม่ยากอย่างที่คิดและดูเพลิดเพลิน อาจมีภาพที่โหดร้าย และโป๊เปลือยอยู่บ้าง ไม่เหมาะสำหรับเด็ก แต่อยากให้ได้ลองไปชมกันมากๆ เพราะเป็นหนังที่ครบถ้วนและสมบูรณ์ในแง่มุมของศิลปะภาพยนตร์ มีสารอาหารครบถ้วน แต่ไม่ได้บริโภคยากเลย อยากให้ลองไปชมกันดูครับ
แปลกในแปลก - รีวิว Shape Of Water ฉบับเด็กเดินตั๋ว [ไม่สปอยล์]
หนังมาแรงกระแสดี มีรางวัลพ่วงท้ายมากมาย และยังได้เข้าชิงออสการ์สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และผู้กำกับยอดเยี่ยมและอีกหลายสาขามากมาย แถมหน้าหนังยังน่าสนใจขนาดนี้ เด็กเดินตั๋วแทบปักหมุดตั้งตารอเลย
หนังอลังการงานสร้างจากจินตนาการของหนึ่งผู้กำกับขาโหด เฮียกิลเลอโม เดอโตโร่ (อ่านถูกไหมหว่า) เจ้าของงานเหนือจินตนาการสายดาร์กอย่าง Pan's Labyrinth และ Pacific Rim คราวนี้รสชาติหนังไม่ต่างกันมากนัก ดาร์กๆ หลอนๆ เต็มไปด้วยภาพสยองๆ ติดเรทตามสไตล์ผู้กำกับ (ประมาณเดียวกับ Pan's Labyrinthเลย) ที่ต่างกันคือคราวนี้เต็มไปด้วยเรื่องราวความรักโรแมนติกของสาวใบ้กับตัวกัปปะ หรือมนุษย์ปลาทะเล ที่มีความโรแมนติกอยู่ในความไซไฟอยู่ในความสยองขวัญเล็กน้อยคลุกเคล้ากันไปตลอดทั้งเรื่อง
เนื้อเรื่องเหนือจินตนาการแต่แอบมีความเรียบง่ายพอคาดเดาได้ประมาณนึงตามสไตล์หนังฮอลลีวู้ด แต่แอบแฝงด้วยสัญญะต่างๆ ให้ชวนกับไปขบคิด สะท้อนมุมมองสังคม ขนบยุคสมัยพอให้กลับไปตกผลึกเล่นได้ประมาณนึง แต่ไม่ถึงค้างคาใจ วิชวลหรืองานด้านภาพช่างออกแบบมาอย่างสวยงามใช้ได้เลย การออกแบบเสียงและเพลงก็โดดเด่นเลยทีเดียว งานสร้างต่างๆก็อยู่ในมาตรฐานของฮอลลีวู้ดกำลังดี ที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือนักแสดงแทบมีมิติทุกตัวจริงๆ ถ่ายทอดลึกมากๆ แม้จะตัวประกอบของตัวประกอบก็ยังจะมีมิติ นักแสดงนำล้วนเอาทุกอย่างโกยมาเทใส่หนังเรื่องนี้ทั้งฝีมือการแสดง ทั้งร่ายกาย ทั้งจิตใจแทบเปี่ยมล้นทะลักจอออกมาจริงๆ ทุกอย่างล้วนประคองหนังไปด้วยกันอย่างลงตัว สมกับการเป็นหนังที่กระแสดี และมีรางวัลมากมายก่ายกองจริงๆ
ก็เป็นอีกรสชาติที่แปลก เรียกได้ว่ามีความ Exotic ในหนังไซไฟ มีความแปลกในความเดิม มีความใหม่ในความเก่า น่าสนใจทีเดียว อาจจะหารอบยากหน่อย มีบางโรงฉายต้องเช็คดีๆ หนังเรื่องนี้ติดเรทด้วยนะทั้งเปลือยทั้งเลือดเต็มไปหมด ไม่ฟรุ้งฟริ้งนะจ้ะ อย่าพาลูกพาหลานไปดูหล่ะ ไม่แนะนำเด็กๆอาจจะฝันร้ายได้เลย
- เด็กเดินตั๋ว -
ความคิดเห็น (0)