หนัง Isle of Dogs หรือชื่อไทยว่า เกาะเซ็ตซีโร่หมา ภาพยนตร์แอนิเมชั่นเรื่องล่าสุดจาก Fox Searchlight’s. Isle of Dogs ผลงานการกำกับชอง เวส แอนเดอร์สัน พร้อมได้นักแสดงมาให้เสียงพากย์อย่างคับคั่ง อาทิ ไบรอัน แครนสตัน (Bryan Cranston), ทิลด้า สวินตัน (Tilda Swinton), เกรต้า เกอร์วิก (Greta Gerwig), เจฟฟ์ โกลด์บลัม (Jeff Goldblum), บ็อบ บาลาแบน (Bob Balaban), บิลล์ เมอร์เรย์ (Bill Murray), คอร์ทนีย์ บี. แวนซ์ (Courtney B. Vance), เจสัน ชวาร์ตซ์แมน (Jason Schwartzman), มาริ นัตซึกิ (Mari Natsuki) ฯลฯ
Set in Japan, Isle of Dogs follows a boy's odyssey in search of his lost dog.
ผู้ชมทั้งหมด
9,440 ครั้ง
|
เข้าฉาย
19 กรกฎาคม 2561
|
ออกโรงแล้ว |
28 กรกฎาคม 2561 15:09:40 (IP 184.22.230.xxx)
|
||
Isle of Dogs "เกาะเซ็ตซีโร่หมา" 101 min | Animation/Comedy | Directed by Wes Anderson เรื่องราวเกี่ยวกับอะไร ? ผลงานล่าสุดของผู้กำกับขวัญใจหนังอินดี้ เวส แอนเดอร์สัน กับสต็อปโมชั่นอนิเมชั่นเรื่องใหม่ หนังว่าด้วยเรื่องราวของประเทศญี่ปุ่นที่เกิดโรคระบาดในสุนัขทำให้ผู้นำต้องเนรเทศบรรดาน้องหมาไปยังเกาะร้างเพื่อทำการกักกันโรค แต่แล้ววันนึงก็มีเด็กคนนึงขับเครื่องบินมาลงที่เกาะแห่งนี้เพื่อตามหาสุนัขของเขาโดยได้รับการช่วยเหลือจากแกงค์น้องหมาที่อยู่ในนั้น ความรู้สึกแรกหลังดูจบ.. แม้ว่าอาจจะไม่เป็นที่สุดหรือทำได้ไม่ดีเท่า Fantastic Mr. Fox แต่ Isle of Dogs ก็ยังเป็นงานที่อยู่ในมาตรฐานของผู้กำกับสุดเซอคนนี้ เพราะภายใต้ความน่ารัก มีการจิกกัดสังคมมากมายที่ซ่อนอยู่ และเข้าถึงไม่ยากจนเกินไป อีกทั้งยังคงความเซอซึ่งเป็นลายเส้นอันเป็นเอกลักษณ์ของเขาได้อย่างดีเยี่ยม แต่ที่ชอบเป็นพิเศษก็คือการที่มีนักแสดงชื่อดัง(มาก ๆ) มากมายมาให้เสียงเหล่าน้องหมาในเรื่องนี่แหละ สิ่งที่น่าชื่นชม แม้ว่าจะเป็นงานที่เข้าถึงง่ายกว่าเรื่องอื่นมาก แต่ก็แลกมาด้วยความสนุกดูเพลินที่เพิ่มมากขึ้นไปกว่าเดิม บวกกับความที่ผมเป็นคนที่ชื่นชอบและรักน้องหมาอยู่แล้ว หนังยังคงจุดเด่นของหนังที่เกี่ยวกับหมาไว้ได้ค่อนข้างดี นั่นก็คือเรื่องราวของความสัมพันธ์ของคนกับสุนัข.. (ด้วยคีย์เวิร์ด เพื่อนที่ดีที่สุด !?) แต่ก็ไม่ได้เล่นตามขนบไปเสียทุกอย่างซึ่งการล้อขนบและแหวกความจำเจเองก็เป็นจุดเด่นของผู้กำกับคนนี้เช่นกัน สรุป Isle of Dogs เป็นอนิเมชั่นดูเพลินอีกเรื่อง ที่แฝงประเด็นที่น่าสนใจมากมาย ไม่ซ้ำซากเหมือนหนังที่เกี่ยวกับหมาทั่วไป แต่ก็ไม่ได้เข้าถึงยากจนเกินไป แถมยังพาไปสำรวจโลกวัฒนธรรมที่แปลกใหม่มากขึ้น สาวกเวส แอนเดอร์สันไม่ควรพลาด สรุปผลวิจารณ์หนัง
บทหนัง
8
การดำเนินเรื่อง
8.5
ดนตรีประกอบ
8.5
ฝีมือนักแสดง
8.5
กราฟฟิก
9
คะแนนเฉลี่ย
8.5
|
||
27 กรกฎาคม 2561 16:31:54 (IP 96.30.103.xxx)
|
||
หนังลำดับต่อมาของ Wes Anderson ผู้กำกับผู้จัดจ้านด้านอาร์ต หมกมุ่นอยู่กับวิธีการเล่าเรื่องตรงไปตรงมา ภาพสมมาตร และสีสันเข้าคู่สีที่จัดจ้าน หลังจากทำหนัง Master Piece ที่ไม่ได้เพียงแค่ครบทุกอารมณ์ที่แอนเดอสันรัก แต่สามารถเข้าไปสู่คนทั่วไปอย่างแนบชิดอย่าง Grand Budapest hotel หนังเรื่อง Isle of dog เองก็มีรูปร่างไม่ต่างกันนัก ออกจะดูง่าย เข้าถึงผู้คน มันเป็นหนังที่ละเอียดมากๆ เนื่องจากเป็น Stop motion ที่เคลื่อนไหวนุ่มนวล ใช้เวลาทำหลายปี บทหนังดีมาก ออกไปทางดาร์คๆ แต่ถูกออกแบบให้เล่าเรื่องแบบเบาสบาย ประกอบด้วยตัวละครแบบ Wes Anderson ที่มีเสน่ห์น่าหลงรักทุกตัว Isle of dog เป็นเรื่องราวของหมาที่ถูกทิ้งไว้ที่เกาะขยะ เกาะที่รัฐบาลญี่ปุ่นอยากเนรเทศหมาเนื่องจากเต็มไปด้วยโรค ความก้าวร้าว โดยมีความพยายามแอบแฝงในการกำจัดหมาไปให้หมดไป จากความแค้นในอดีตของตระกูลนายกเอง โดยมีการเล่าถึงตำนานการปลดเอกหมาเป็นฉากหลัง นอกจากนี้ตำนานยังกล่าวถึงเด็กชายที่ออกไปต่อสู้เพื่อหมาที่ถูกกดขี่ ซึ่งเป็นภาพสะท้อนในปัจจุบันได้พอดิบพอดี ในระหว่างที่เหล่าหมาทั้งหลายถูกผลักไสไปให้ไกลที่สุด ก็ปรากฏตัวของเด็กชายในกองขยะ หลานนายกที่ออกตามหา “Spots” หมาองค์รักที่เขารักยิ่งกว่าใคร หลานนายกประสบอุบัติเหตุล่วงลงมาที่ต้นเกาะขยะ และได้เจอกับฝูงหมา 5 ตัวที่เป็นสุดยอดจ่าฝูง ทั้งหมดจะร่วมมือกันเพื่อตามหาหมาให้กับเด็กชายคนนั้น และจะนำไปสู่ความขัดแย้งที่จะเปลี่ยนแปลงทุกอย่างไปตลอดกาล ในกลุ่มหมามีตัวหนึ่งเป็นหมาจรจัดชื่อ “ชีฟ” ซึ่งเป็นหมาจรจัด ที่ไม่เคยได้รับการดูแลมาก่อน ซึ่งตัวละครจะค่อยๆ ก้าวผ่านสิ่งต่างเพื่อไปสู่ “หมา” ที่แท้จริง นอกจากนั้นตัวบทเองก็มีการเปรียบเปรยถึงการเหยียดชนชาติ รวมไปถึงความเป็นมนุษย์ในรูปแบบที่น่าสนใจ และด้วยความเฉลียวฉลาดของหนังที่เลือกจะเล่าอย่างเบาสบาย ทำให้หนังไม่หนัก เสพง่าย สนุกนานกำลังดี เพราะถ้าลองคิดสภาพเหล่าหมาที่ถูกกดขี่เป็นมนุษย์ซิ ภาพของหนังคงหนักอึ้งมากกว่านี้ การนำเสนอ เล่าเรื่องแบบติดตลก ท่ามกลางฉากขยะสุดอลังการ ทำให้หนังเรื่องนี้มีลักษณะเฉพาะตัว ช่วงจังหวะเศร้าของตัวละครแต่ล่ะตัวก็ออกแบบมาเป็นอย่างดี เรียกว่าทุกฮุคของความเศร้า ฉากน้ำตาไหลของหมาแต่ล่ะตัวสะท้อนลึกไปในใจเราเสมอ นั่นทำให้ตัวละครมันน่าหลงรักขึ้นไปอีก “เมื่อได้เรียนรู้ความรักจากมนุษย์แล้ว หมาตั้วนั้นก็จะไม่หักหลังใครอีก” หนังเรื่องนี้แสดงความรักที่งดงามอย่างหนึ่งได้น่าสนใจ ความรักที่ชื่อว่า “ความภักดี" Wes Anderson ได้สร้างสรรค์งาน Stop Motion ที่งดงามและสนุกมากๆ เสน่ห์ของตัวละครหนังเรื่องนี้ทำให้เราหลังรักแบบสุดๆ นักแสดงแต่ล่ะคนที่มาพากษ์เรียกว่าเป็นขาประจำของ Wes อยู่แล้ว การเล่าเรื่องที่เรียบง่ายแต่สมมาตร เนี๊ยบ พร้อมกับบทเพลงที่ติดหู ทำให้หนังเรื่องนี้จะขึ้นหิ้งพูดถึงไปอีกนานแน่นอน สรุปผลวิจารณ์หนัง
บทหนัง
9.5
การดำเนินเรื่อง
9
ดนตรีประกอบ
9.5
ฝีมือนักแสดง
9
กราฟฟิก
9.5
คะแนนเฉลี่ย
9.3
|
||
26 กรกฎาคม 2561 14:19:21 (IP 171.5.250.xxx)
|
||
รีวิว Isle of Dog ฉบับเด็กเดินตั๋ว เป็นอีกหนึ่งงานที่ยอดเยี่ยมมากๆ ของเวส แอนเดอร์สันเลย ชื่นชมและชื่นชอบทุกอย่างที่อยู่ในหนังเลย ดูเพลิ๊นเพลิน... มีความสนุก น่าตื่นเต้น น่าติดตาม ถูกจริตมากๆ ทั้งวิธีการเล่าเรื่อง การออกแบบตัวละคร ตัวหุ่นตุ๊กตาหมาน้อย(นักแสดง)ต่างๆ เพลง ทุกอย่างดูน่าตื่นตาตื่นใจ หนังจบอารมณ์ไม่จบแน่ๆ คาดว่าหลายคนหลังจากดูต้องทำอะไรบางอย่างต่อ เช่นโหลดเพลงมาฟัง หาภาพสวยๆจากในหนังมาใช้เป็นวอลเปเปอร์ หางานเบื้องหลังการสร้างมาดู หรือย้อนดูงานเก่าๆของเวส แอนเดอร์สันไปเสพต่อก็จะดีเหมือนกัน....
แต่ไม่ว่าอย่างไร “Isle of Dog” มีความเป็นเวส แอนเดอร์สันสูงมาก ไม่ตกมาตรฐานของเฮียแกเขาเลย มีหลายๆอย่างที่เป็นสไตล์ของเฮียแกชัดเจนมากอยู่ในหนังเรื่องนี้ ไม่ว่าจะเป็นวิธีการเคลื่อนกล้อง การเลือกใช้สี วิธีการเล่าเรื่องเป็น Chapter เป็นองก์ เป็นบทๆไป... วิธีการสร้างตัวละคร ไม่ว่าจะเป็นท่าทาง บุคลิก การใช้คำพูด วิธีการคิดของตัวละครมันมีเสน่ห์มากๆ วิธีเล่าเรื่อง การหักมุม มุกต่างๆ มันช่างเป็นสไตล์เวส แอนเดอร์สันอย่างชัดเจนมากๆ ยิ่งดูยิ่งฟิน ชั้นเชิงเทพและเก๋ไก๋มากๆ เรื่องการออกแบบวิชวลก็ยังมีความสมมาตรแบบที่เฮียแกชอบใช้อยู่เยอะมาก ที่เห็นว่าจะแตกต่างจากเรื่องอื่นๆคือ ความบู๊แอคชั่น มีความน่าตื่นเต้นมากขึ้นเยอะ แทบตลอดทั้งเรื่องเลย ทำให้นึกถึงฉากนึงใน The Grand Budapest Hotel ที่ Mr. Gustave และ Zero หนีตายจากสถานการณ์ฉุกเฉิน ชั้นเชิงการเล่าแบบนั้นมีตลอดทั้งเรื่องเลย แถมเรื่องนี้มีความ “แก้แค้น” ที่มักเจอในหนังของเฮียหลายๆเรื่อง อยู่อย่างมากและมีชั้นเชิงการเล่าที่ทำให้ผู้ชมติดตามและรู้สึกมีส่วนร่วมอยู่ด้วยสูงมาก งานสร้างบอกได้เลยว่าคล้ายๆ Fantastic Mr.Fox ดูเป็นตุ๊กตาหุ่น แต่ดูเหมือนจริงขึ้นมากกว่า...นึดนิง... สีไม่จัดจ้านเท่างานเรื่องอื่นๆ แต่ก็คุมโทนสีได้แบบเวสเลย ชอบความที่ใช้ใยฟองน้ำแทนควัน เหมือนเรื่อง Fantastic Mr.Fox เด๊ะๆ เลย.... หลายๆอย่างในโมเดลดูค่อนข้างวินเทจเข้าใจว่าเป็นความเคารพที่เวสมีต่องาน Stopmotion ทุกอย่างลงตัวสวยงามดูมีความเป็นศิลปะสูง อีกอย่างที่ชอบและมักมีในหนังของเวสแทบทุกเรื่องเลยคือกระเช้าลอยฟ้าแบบรางเลื่อน แทบเห็นได้ในหนังเวสทุกเรื่องเลย จริงๆมีอีกหลายดีเทลที่แทบอยากกลับไปดูอีกเพื่อเก็บรายละเอียดจริงๆเลย... เรื่องของเพลงไม่พูดถึงไม่ได้เลย ทุกเรื่องของเฮียเวสจะมีความคราฟท์เรื่องเพลงสูงมาก คราวนี้เป็นคราวของกลองแบบญี่ปุ่นที่ดูฮึกเหิม มาเร้าความตื่นเต้นแทบตลอดทั้งเรื่อง จนดูจบยังต้องหาเพลงจากเรื่องนี้มาฟังต่อตอบสนองอารมณ์ที่ยังไม่จบหลังดูหนังจบของตัวเองเลยทีเดียว... น่าจะเป็นอนิเมชั่นที่ชอบที่สุดในปีนี้เลย ถ้ามีโอกาสคาดว่าจะกลับไปดูอีกรอบเพื่อเก็บรายละเอียด และแนะนำทุกท่านเลยว่าไม่ควรพลาดเรื่องนี้จริงๆ - เด็กเดินตั๋ว - สรุปผลวิจารณ์หนัง
บทหนัง
9
การดำเนินเรื่อง
9
ดนตรีประกอบ
9.5
ฝีมือนักแสดง
9
กราฟฟิก
9.5
คะแนนเฉลี่ย
9.2
|
ยังไม่มีรีวิวหนังเรื่องนี้
ถูกใจ
ไม่ถูกใจ