หนัง Kin สิ่งที่เขาค้นพบ คือสิ่งที่จักรวาลตามล่า เมื่ออาวุธ “โคตรปืนเอเลี่ยน” ที่จักรวาลออกตามล่า ต้องตกอยู่ในมือเด็กผู้ชายธรรมดาหนึ่งคน จากสุดยอดอาวุธถูกสร้างมาเพื่อฆ่า แต่เขาจะใช้มันเพื่อปกป้องคนที่เขารักและอนาคตโลก ผลงานไซไฟสุดคูลจากผู้อำนวยการสร้าง Arrival และซีรีส์ฮิต Stranger Things
Chased by a vengeful criminal, the feds and a gang of otherworldly soldiers, a recently released ex-con and his adopted teenage brother are forced to go on the run with a weapon of mysterious origin as their only protection.
ผู้ชมทั้งหมด
16,225 ครั้ง
|
เข้าฉาย
6 กันยายน 2561
|
ออกโรงแล้ว |
6 กันยายน 2561 15:04:25 (IP 119.46.186.xxx)
|
||
[รีวิว] เรื่องราวของเด็กหนุ่มผิวสีคนหนึ่ง Eli ที่ดันบังเอิญไปเจอกับปืนของเอเลี่ยนแล้วก็เลยหยิบติดมือกลับบ้านมา เขาต้องหนีไปพร้อมกับพี่ชายที่พึ่งออกจากคุกมา จากการตามล่าของพวกทวงหนี้และเจ้าของปืนที่แท้ทรู! คะแนนรีวิวจาก 2 เว็บดังไม่สู้ดีนัก ทั้งจาก Imdb 5.8/10 ส่วน Rotten Tomatoes นี่คะแนนแตกต่างอย่างสิ้นเชิง ทางฝั่งนักวิจารณ์ให้เพียง 33% ส่วนทางด้านผู้ชมให้ถึง 63% เรียกได้ว่าคนละทางกันเลยทีเดียว ซึ่งพอได้ดูก็พอจะเข้าใจบ้างแหละ… จริงๆ แล้วหนังถูกดัดแปลงมาจากหนังสั้นของผู้กำกับเรื่องนี้เนี่ยแหละ (Jonathan Baker & Josh Baker) ในชื่อเรื่อง Bag Man (2014) ได้ Michael B. Jordan มาเป็น Executive Producer ตัวขับเคลื่อนการทำงานของหนังเรื่องนี้ให้ โดย KIN ยังคงคอนเซ็ปเป็นเด็กหนุ่มผิวสีที่มีปืนเลเซอร์ของใครก็ไม่รู้ไว้ในครอบครอง แต่เปลี่ยนเนื้อเรื่องหลักให้มันมีเนื้อหาในการเล่ามากขึ้น มีประเด็นมากขึ้น และเหมือนจะมากเกินไป หนังดำเนินเรื่องช่วงต้นเรื่องได้ดี มีการเปิดเรื่องราวตัวละครเด็กหนุ่มได้รวดเร็ว เราสามารถรู้จักนิสัยใจคอของตัวละครตัวนี้ได้เพียงไม่กี่ฉากไม่กี่นาทีเท่านั้น และคนที่มารับบท Eli (Myles Truitt) ก็แสดงได้ดีพอสมควร ไม่แพ้กันกับบทพี่ชาย Jimmy (Jack Reynor) ซึ่งทั้งสองยังคงประคองหนังให้ไปได้ตลอดรอดฝั่งอยู่บ้าง ส่วนการแสดงของ James Frango ดูไปดูมาชวนให้นึกถึงบทบาทจากหนังสุดพังใน Future World ซึ่งไม่ใช่เขาแสดงแย่นะ เพียงแต่บทและการดำเนินเรื่องในเรื่องนี้ มันแย่กว่าการแสดงของเขานั่นเอง ส่วนตัวนางเอก(หรือเปล่า?) จะไม่ขอพูดถึงละกัน เพราะเธอโผล่มาน้อยมาก แทบจะไม่มีบทบาทอะไรเลยด้วยซ้ำ และส่วนที่ดีที่สุดของหนังเรื่องนี้ เห็นจะเป็นกราฟฟิค effect สีสันต่างๆ เป็นทางด้านงานสร้างที่ทำออกมาได้ดี สวยงามเลยแหละ ทั้งฉากแอ็คชั่น การยิงเจ้าปืนเลเซอร์ CG เอยอะไรเอย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเหมือนหนังจะมั่วไปซะหน่อย หนังดูน่าสนใจและมีอะไรที่น่าจะขยี้ได้อีกเยอะแยะ แต่รู้สึกมันผิวเผินไปซะหมด หนังปูเรื่องได้นานถึงนานมาก และน่าเบื่อพอสมควร อารมณ์เหมือนคุณพึ่งดูซีรีส์ตอนแรก ที่ปูเรื่องราวทั้งหมดของซีรีส์นั้นๆ และค่อนข้างจะน่าเบื่อ พอตอนใกล้ๆ จบตอน ถึงจะมีอะไรน่าสนใจ น่าสนุก และตัดจบ พร้อมขึ้นว่าโปรดติดตามตอนต่อไป! นั่นแหละ หนังเรื่องนี้มันคือความรู้สึกแบบนั้นเลย ก็พอเข้าใจแหละว่าหนังอยากทำภาคต่อ แต่ถ้าภาคแรกมันไม่ดึงดูด คนจะอยากดูภาคสองหรอ? เริ่มจากประเด็นเรื่องปืน ที่ยังคงเกิดคำถามมากมาย ทิ้งไว้? ทำหล่น? หาย? ใครขโมยมา? หรือยังไง? หนังไม่ได้เจาะลึกถึงประเด็นนี้สักเท่าไหร่ ต่อด้วยประเด็นครอบครัว ที่ดูพังพินาศไปซะทุกส่วน ประเด็นพ่อลูกเอย รวมไปถึงเรื่องที่หนังพยายามปูให้เราเห็นว่าไอ้ตัวพี่เนี่ยมันตัวสร้างปัญหา และเรื่องพี่ชายทะเลาะกับพ่อที่ดูเหมือนเกลียดน้องมาก แต่ตอนหลังกลับรักกันปานจะกลืนกิน พาน้องไปไหนต่อไหน ปกป้องน้องสุดใจขาดดิ้น นั่นจึงส่งผลทำให้ส่วนตัวไม่รู้สึกเชื่อเลยว่ามันรักน้องจริงๆ สุดท้ายแล้ว KIN คืออะไร? ชื่อคน? ชื่ออาวุธ? หรือชื่อเหล่าเอเลี่ยน? เราแทบไม่รู้อะไรเกี่ยวกับปืนนี้เลยรู้เพียงแต่การทำงานของมัน และเหตุผลที่ว่าทำไมเด็กคนนี้ถึงสามารถใช้ปืนนี้ได้ หนังมีหลายๆ อย่างที่น่าจะทำออกมาได้ดีมากกว่านี้ และมันควรจะจับประเด็นเด่นๆ ไปสักทาง สำหรับใครที่อยากจะไปดูหนังแอ็คชั่น-ไซไฟ ก็อาจจะต้องผิดหวังกันเสียหน่อย พาร์ทสุดท้ายของหนังก็ยังพอให้ความบันเทิงกับเราอยู่บ้าง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องรอดูเสียงตอบรับ และเสียงวิจารณ์ว่าหนังเรื่องนี้จะได้ไปต่อหรือไม่ คุณเท่านั้นที่จะเป็นคนตัดสินมันได้ (มี Michale B. Jordan แสดงด้วยนะ ลองไปดูกันได้) สรุปผลวิจารณ์หนัง
บทหนัง
5
การดำเนินเรื่อง
5
ดนตรีประกอบ
5
ฝีมือนักแสดง
7
กราฟฟิก
8
คะแนนเฉลี่ย
6
|
ยังไม่มีรีวิวหนังเรื่องนี้
ถูกใจ
ไม่ถูกใจ