รีวิวหนัง Happy Death Day 2U - สุขสันต์วันตาย 2U

[รีวิว] Happy Death Day 2U - สุขสันต์วันตาย 2U
--- 5/10 ---
จากหนังระทึกขวัญกลายเป็นไซไฟตลกขบขันซะงั้น!?
หนังกาวมาก เลอะเทอะ เละเทะ ถ้าไม่บอกนี่นึกว่าหนัง Parody

ไม่คิดเลยว่าหนังอย่าง Happy Death Day จะทำภาคสองออกมาได้ เพราะทุกอย่างมันก็จบอย่างลงตัวของมันแล้ว แต่มันก็ยังแถออกมาได้อย่างเลอะเทอะพอสมควร

Happy Death Day 2U เป็นเรื่องราวที่ถูกเล่าต่อจากภาคแรกโดยที่ตัวละครอย่าง Tree ได้ประสบเหตุการณ์บางอย่างทำให้เธอต้องกลับมาวนลูปอีกครั้ง!!!

หนังเรื่องนี้เป็นภาคต่อที่ขยายเรื่องราวต่อจากภาคแรก ว่าเหตุการณ์เหล่านี้มันเกิดขึ้นได้อย่างไร ผสมความเป็นนวนิยายวิทยาศาสตร์ (Sci-Fi) เข้าไป บวกกับเพิ่มความตลก โปกฺฮาเข้าไป และดันเลือกที่จะลดทอนความระทึกขวัญตื่นเต้นสยองขวัญ แถมยังเบี่ยงประเด็น ลดค่าความสำคัญของตัวละครหน้ากาก Baby Face ทิ้ง หันไปพูดถึงเรื่องราววิทยาศาสตร์ของเหตุการณ์ในการวนลูปแทน

ถ้าใครไม่เคยดูภาคแรกมาก็อย่าพึ่งไปดูภาค 2 เลยจะดีกว่า (รวมถึงตัวอย่างภาค 2 ด้วย เพราะมันสปอยล์ภาคแรกซะยับเยิน) ซึ่งถ้าได้ดูภาคแรกมาก่อนมันก็จะเข้าใจและอินกับตัวละในภาคสองมากกว่าด้วย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ด้วยความที่ภาคสองมันเปลียวแนวจากภาคแรก ไม่สิ ใช่คำว่าฉีกแนวจากภาคแรกไปเลยดีกว่า การย้อนเวลาตายแล้วตายอีก อาจจะดูไม่แปลกใหม่ แต่ในภาคแรกก็ทำได้โอเคเพลินๆ ดี ตื่นเต้น ลุ้น ระทึก น่าหาคำตอบดีว่าใครเป็นฆาตกร แต่ภาคนี้มันไม่ใช่ไง เสน่ห์เหล่านั้นมันหายไปหมด!!! ยิ่งประเด็นเรื่องฆาตกรนี่กลายเป็นประเด็นรองของเรื่องไปเลย ไม่ได้มีการบอกใบ้ให้คนดูคอยลุ้นหรือคิดตามว่าเป็นใครอะไรยังไง ฉากเฉลยก็ยัดๆ มันเข้าไปแบบดื้อๆ ไม่มีการหักมุมใดๆ ทั้งสิ้น เลยทำให้หนังทั้งเรื่องค่อนข้างจะเรื่อยๆ ไม่มีจุดพีคเลยสักจุดเดียว

แต่จริงๆ แล้วมันก็น่าชื่นชมกับความบ้า ความกล้าแถของผู้กำกับอย่าง Christopher Landon เหมือนกันนะ ที่กล้าฉีกแนวมาขนาดนี้ ใครชอบก็คงชอบไปเลย ใครที่ไม่ชอบก็คงจะเกลียดไปเลย ปัญหามันจะไม่เป็นอย่างนี้ ถ้าหนังภาคนี้ไม่ใช่ภาคต่อ เพราะมันได้ทำลายเสน่ห์ของภาคแรกไปอย่างหมดสิ้น

สรุปแล้ว สำหรับเรา Happy Death Day 2U ทำให้เราผิดหวังพอสมควร แต่ถึงอย่างนั้นหนังมันก็ทำกำไรได้ (เพราะไม่ใช่หนังทุนสูง) และมันจะมีภาค 3 ตามมาแน่นอน! ถ้าใครชอบก็ลองไปสัมผัสได้ด้วยตัวคุณเองเลยครับผม

Happy Death Day 2U เปิดจักรวาล วนลูป

ใครจะไปคิดว่าโปรเจคสุดแนวอย่าง Happy Death Day จะฮิตจนค่ายหนังอย่าง Blumhouse เข็นภาค 2 ออกมาในปีนี้ ซึ่งย้ายเวลาฉายจากช่วงฮาโลวีนเป็นวาเลนไทน์ซะด้วย มันต้องมีอะไรเกี่ยวข้องกันแน่ๆ แต่ไอเดียภาค2 จะมีทิศทางไหนก็ยังน่าเป็นห่วงเพราะภาคแรกทำเอาไว้ดีใช้ได้ ในเรื่องความสดใหม่ แตกต่างจากหนังฆาตกรรมเรื่องอื่นๆ

เนื้อเรื่องภาคนี้จะเล่าต่อจากตอนจบในภาคที่แล้วเมื่อ ไรอัน ได้ถูกดึงเข้าลูปเวลา และมีฆาตกรไล่ฆ่าเขาจนตาย แล้วตื่นขึ้นมาใหม่ในเช้าของวันเดิม เมื่อทรี ได้ยินแบบนั้นจึงได้ช่วยกันตามหาฆาตกรและสาเหตุที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ทั้งหมดตั้งแต่ภาคแรก ใช่ครับ ภาคแรกหลังจากที่ดูจบตัวหนังเองยังไม่ได้เล่าถึงสาเหตุของการวนลูปเวลาเลยว่าเป็นสาเหตุมาจากไหน เพราะอะไร ทำไมถึงเกิดเหตุแบบนี้ ภาคนี้จะมีการเฉลยออกมาทั้งหมด และปรับเปลี่ยนโทนหนังทั้งเรื่องไปสิ้นเชิงเลยก็ว่าได้

ตัวหนังภาคนี้ปรับเปลี่ยนจากโทนหนังระทึกขวัญ ไล่ล่า ให้กลายเป็นภาพยนตร์ ไซ-ไฟ เต็มขึ้นและเล่นใหญ่ขึ้น ประเด็นใหญ่ขึ้นกว่าภาคแรกเยอะ จนส่วนตัวผมเองก็คาดไม่ถึงจริงๆว่าจะเขียนบทหนังให้มาแนวๆนี้ ส่วนตัวขอไม่เล่าอะไรเพิ่มเติมอีกแล้ว เดี๋ยวจะกลายเป็นSpoil มากเกินไป

สรุปแล้วภาคนี้ มีการสานต่อเรื่องราวจากภาคแรกอย่างเห็นได้ชัด และเป็นภาคที่สร้างจักรวาลของหนังได้อย่างก้าวกระโดดมาก โดยเฉพาะฉาก Mid-Cradit ที่ทำให้หลายๆคนต้องอุทานว่า เล่นงี้จริงดิ!! ส่วนตัวผมเองนั้นบอกได้เลยว่าโคตรบันเทิงกับเรื่องนี้จริงๆ 7.5/10