ผู้ชมทั้งหมด
6,867 ครั้ง
|
เข้าฉาย
19 กุมภาพันธ์ 2558
|
ออกโรงแล้ว |
30 ตุลาคม 2557 18:39:37 (IP 101.108.145.xxx)
|
||
Gone Girl (David Fincher / USA / 2014)
ความดีความชอบคงต้องแบ่งกันครึ่งๆ ระหว่างคนเขียนหนังสือและคนเขียนบท Gillian Flynn กับผู้กำกับ เพราะด้วยพล็อตและการเรื่องราวการเล่าที่แข็งแรงอยู่แล้วอีกทั้งงานนี้ David Fincher ก็ไม่ได้ไปไกลกว่าหนังท็อปฟอร์มเรื่องก่อนๆ อย่าง Se7en ที่สร้างบรรยากาศได้ยอดเยี่ยมหดหู่งดงามมาก, The Social Network ที่เล่าเรื่องลำดับภาพได้ฉกาจแพรวพราวไปด้วยชั้นเชิงและลูกล่อลูกชนที่สนุกสนานมาก แต่สำหรับ Gone Girl รู้สึกว่าส่วนเหล่านี้กลับเบาบางโดยเฉพาะช่วงแรกของเรื่องที่ค่อนข้างเรื่อยเอื่อยถึงแม้ส่วนตัวจะชอบบรรยากาศล่องลอยในฉากแฟลชแบ็กอยู่มาก แต่พอตัวละครและพล็อตมันเริ่มแข็งข้อและลึกลับได้น่าสนใจมากขึ้นก็เลยกลายเป็นตัวดึงดูดให้ติดตามโดดเด้งกว่าตัวหนังและบรรยากาศ แต่ถึงจะเบาบางแต่ยังไม่ขาดหายวิธีการเล่าของ David Fincher ยังเก่งกาจในการหลอกล่อด้วยการทิ้งร่องรอยรายทางไม่มากไปน้อยไปคล้ายกับอาชญากรโรคจิตที่ตั้งใจวางเบาะแสให้นักสืบตามได้ ขณะที่แต่ละก้าวของอาชญากรมือฉมังก็ยังวางแผนทิ้งระยะห่างให้นักสืบเดินตามก้นเสมอเดิมได้ตลอดรอดฝั่ง
พอได้ยินหลายๆ คนบอกว่าเรื่องมันเดายาก ตอนดูก็เลยพยายามปล่อยสมองไหลตามหลุมพรางไป แต่พอสักพักสมองอีกครึ่งหนึ่งมันก็พยายามไขไปตามกลไกความอยากรู้อยากเห็นตามประสาเวลาดูหนังลึกลับสืบสวนสอบสวน ในฉากทำความรู้จัก ฉากขอแต่งงาน และเซ็กส์ซีนในห้องสมุด ทำให้มุมแรกเราหักตามไปถูกทาง แต่ตอนจบนี่ด้วยความที่ยังอยากเห็นคมเฉือนคมตอหลดเฉือนตอแหลเจ็บกระชากใจไปข้างหนึ่งเลย และนึกไม่ถึงว่าจะหักจบด้วยจิตวิทยาแบบนี้จริงๆ ส่วนตัวก็คิดว่ามันสะเทือนแกมสมน้ำหน้าตัวละครได้สะใจดีนะ แต่ก็รู้สึกว่าตัวละครที่น่าจะต่อเวลาขึ้นชกมากกว่านี้มันกลับประนีประนอมยอมตามความรู้สึกผิดของตัวเองจนทำให้อีกมุมก็รู้สึกว่ามันเบาไป
ชอบสื่อในเรื่องนี้มากๆ เป็นส่วนที่ทำให้หนังสนุกมากๆ ทั้งยียวนกวนตีนกลับกลอก บทบาทของรายการโทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ อินเทอร์เน็ต มันนำพาสถานการณ์ได้ไวไฟมาก ถึงแม้ทุกวันนี้เป็นโลกที่ใครก็เตือนว่าต้องฟังหูไว้หูแต่คนก็เลือกหูผึ่งเชื่อไปตามความรู้สึกของตัวเองไหลไปตามความโกรธเคือง ความสงสาร ความเห็นอกเห็นใจ จนความจริงมันกลายเป็นเรื่องโกหกหลอกลวง ความลวงกลายเป็นความจริงในที่สาธารณะที่ถูกอำพรางด้วยภาพมายา ซึ่งทั้ง Rosamund Pike กับ Ben Affleck ก็รับหน้าที่เล่นหน้าเป็นหน้าตายต่อหน้าสื่อตบชงกันไปมาผลัดกันโหนกชาได้ดีจริงๆ
...สปอยล์...
ตอนแรกๆ ก็คิดอยู่ว่าทำไมต้องเป็น Ben Affleck ด้วยนะ แต่พอดูหนังไปสักพักก็นึกพระเอกคนอื่นไม่ออกนอกจาก Ben Affleck นี่แหละในบทสามีเจ้าชู้ที่โกหกลื่นเป็นปลาไหลที่ขนาดคู่แฝดเกิดมาจากท้องแม่คนเดียวกันพร้อมกันยังไม่รู้ไส้รู้พุง เป็นนักแสดงที่แค่เห็นหน้าบนจอก็ทำให้หมั่นไส้ได้โดยธรรมชาติสร้างมิติความสงสารที่ก้ำกึ่งระหว่างเห็นสมควรกับจุดจบได้ดี ส่วน Rosamund Pike ก็สมดุลบทบาทเมียในฝันที่น่าสงสาร นักเขียนโฉมงามฉลาดน่าทะนุถนอมและน่ายกย่อง เมียโรคจิตที่ตอแหลได้น่าหมั่นไส้ ด้วยการเชื่อมโยงพัฒนาการตัวละครได้พอดีไม่โดดไกลจนรู้สึกว่าเป็นร่างโคลนซึ่งเป็นคนละคนไป
ความอัดอั้นของคู่ผัวตัวเมียนี่มันสุดขีดจริงๆ ยิ่งมันไม่สาดซัดวัดพลังแค้นกันตรงๆแต่ซ่อนความจิตเก็บกดไว้ข้างในแล้วค่อยๆระบายด้วยแผนตลบหลังแบบนี้นี่ดูแล้วก็รู้สึกเสียวไส้ชีวิตคู่ขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก... สรุปผลวิจารณ์หนัง
บทหนัง
9
การดำเนินเรื่อง
8.5
ดนตรีประกอบ
9
ฝีมือนักแสดง
10
กราฟฟิก
8
คะแนนเฉลี่ย
8.9
|
||
26 ตุลาคม 2557 20:13:19 (IP 171.5.250.xxx)
|
||
ความแยบยล เมื่อเธอหายไป... “คมคาย แยบยล” คงเป็นคำจำกัดความสั้นๆสำหรับภาพยนตร์เรื่อง Gone Girl ได้อย่างไม่น่ากังขาใดๆ ภาพยนตร์เรื่องนี้มีความโดดเด่นในหลายๆเรื่อง แทบทุกองค์ประกอบทำให้ทุกวินาทีของภาพยนตร์เรื่องนี้ชวนติดตามเหมือนอยู่ในภวังค์ของหนังสือบนิยายเชิงสอบสวนสืบสวนเรื่อง Gone Girl ของกิลเลี่ยน ฟลินน์ แต่ทั้งนี้ต้องบอกก่อนว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ได้จบเหมือนในหนังสือเสียทีเดียว เป็นเพราะการตีความใหม่ของ เดวิด ฟลินซ์เชอร์ ผู้กำกับจอมเจ้าเล่ห์ ผู้มีสไตล์โดดเด่นสุดติ่งกระดิ่งแมวได้เฉียบขาดมากๆ(คืออะไร!!!?) ทำให้เกิดสไตล์การเล่าเรื่องที่เป็นเอกลักษณ์และโหดร้ายมาก และยังได้ให้เกียรติเจ้าของนิยายมาเขียนบทภาพยนตร์ใหม่ด้วยตัวเองอีกด้วย
เธอกำลังคิดอะไรอยู่
ขออธิบายเนื้อเรื่องสั้นๆ เมื่อเอมี่ ดันน์สาวชาวกรุงนิวยอร์ก รับบทโดย โรซามันด์ ไพค์ (ไพรด์ แอนด์ พรีจูไดซ์,แอนทอนเมนต์) ภรรยาของ นิค ดันน์หนุ่มบ้านนอกชาวมิสซูรี รับบทโดย เบ็น แอฟเฟล็ค (อาร์โก,เพิร์ล ฮาร์เบิล) หายตัวไปอย่างมีเงื่อนงำในเช้าวันครบรอบแต่งงานปีที่ห้า โดยนิคกลับรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากลอะไรบางอย่างของภรรยาเขา แต่เขากลับไม่รู้ว่านี่เป็นเกมที่เธอจงใจเล่นสนุกหรือถูกลักพาไปจริงๆ นำมาสู่การไขปริศนาของคดี “คนหาย” ของเอมี่ที่ลึกลับซับซ้อนที่สุดคดีหนึ่งในอเมริกาเลยทีเดียว
ขอเริ่มที่ผู้กำกับสไตล์จัดจ้าน สุดยอดนักเล่าเรื่องอย่าง “เดวิด ฟลินซ์เชอร์” การันตีด้วยผลงานยอดเยี่ยมอย่าง ไฟท์คลับ , เซเว่น , เบนจามิน บัทตัน , โซเชียลเนตเวิร์ก ทำให้ Gone Girl เป็นภาพยนตร์ที่มีการออกแบบวิธีเล่าเรื่องได้อารมณ์อย่างมาก แม้ไม่ได้สไตล์จัดอย่างไฟท์คลับ หรือบีบคั้นอย่างเซเว่น กลับใช้วิธีเล่าเรื่องและภาษาภาพค่อนข้างเรียบง่ายคล้ายๆโซเชียลเนตเวิร์ก เดวิดไม่ได้เพียงทำให้เรารับรู้อารมณ์ของตัวละคร เดวิดพยามสื่อสารให้ข้อมูล ให้เราเชื่อและรู้จักตัวละครทีละเล็กน้อยจนเราเริ่มคุ้นเคยกับนิคและเอมี่ สามีภรรยาที่ชีวิตเพรียบพร้อม แต่เมื่อเรื่องดำเนินไปตามเรื่องราว เดวิดกลับหักหลังเราอีกโดยทำให้เราแทบไม่รู้จักตัวละครตัวนั้นจริง ไม่ว่าจะเป็นเอมี่หรือนิคก็ตาม จนบางสถานะการณ์เรากลับหวาดกลัวตัวละครตัวนั้นขึ้นมาจริงๆ ไม่ใช่แค่รับรู้ตัวละครแต่เป็นความหวาดกลัวตัวละคร ซึ่งเป็นวิธีถ่ายทอดเรื่องราวที่หลักแหลมแยบยลน่าสนใจมาก นอกจากวิธีการเล่าเรื่องที่โดดเด่น เพลงประกอบเป็นอะไรที่ร้ายกาจไม่แพ้กัน เพลงประกอบเรื่องนี้ค่อนข้างทันสมัยไม่ได้ใช้วงออเครสตร้าแบบยุคเก่า เพลงสื่ออารมณ์เรียบง่ายแต่ให้อารมณ์ที่ค่อนข้างร้ายกาจ ในบางฉากเดวิดสื่ออารมณ์หวาดกลัว น่าหวาดหวั่นไม่ปลอดภัยด้วยท่วงทำนองเพลงโรแมนติก หวานซึ้ง ประกอบกับการแสดงของโรซามันด์ และ เบ็น ทำให้ทุกองค์ประกอบเกิดเป็นฉากที่ทรงพลัง น่าหวาดหวั่น รู้สึกได้ถึงความไม่ปลอดภัย
ต่อมาขอสาธยายถึงแคสติ้งนักแสดงและการแสดงของโรซามันด์และเบ็น เหตุใดถึงต้องเป็นสองคนนี้ ดูอย่างไรก็ออกจะขัดอารมณ์เล็กน้อย เพราะเบ็นดูจะทึ่มๆเกินกว่าจะเล่นคู่สาวสวยอย่างโรซามันด์ แต่เป็นเพราะการตีความของเดวิด เอมี่เป็นสาวสวยชาวกรุงนิวยอร์กที่มีเสน่ห์น่าหลงใหล ส่วนนิคเป็นหนุ่มชาวมิสซูรีอารมณ์คล้ายๆมาจากขอนแก่นทำนองนั้น เป็นเหตุผลที่ทำให้เราต้องเห็นสามีที่ดูคาแรกเตอร์ออกบ้านนอกคอนทราสกับภรรยาชาวกรุงที่ดูเป็นชาวเมืองมากกว่า ซึ่งทั้งเบ็นและโรซามันด์เก็บรายละเอียดความเป็นคู่สามีชาวบ้านนอกและภรรยาชาวกรุงได้อย่างน่าชื่นชม ทั้งการถ่ายทอดวิธีการคิดตัดสินใจของตัวละครผ่านการแสดง การถ่ายทอดอารมณ์หรือประสบการณ์ของตัวละครอันทำให้เรารู้จักตัวละครแล้วเลือกที่จะ ”เข้าใจ” หรือกลับกลายเป็น “ไม่รู้จัก” ตัวละครไปเสียอย่างนั้น นอกจากนี้ยังต้องชื่นชมการแสดงอันโดดเด่นของโรซามันด์ที่แสดงในบางซีน บางฉากได้อย่างถึงอารมณ์จริงๆ(แต่อยากให้ไปดูเองว่าเป็นอารมณ์ไหน)
ด้านภาพและการออกแบบงานสร้างก็ทำได้โดดเด่นไม่แพ้ส่วนอื่นๆ ถ่ายทอดความเป็นภาพยนตร์ทริลเลอร์น่าหวาดกลัว และการออกแบบฉากทำให้ฉากบ้านไม่ว่าจะหลังไหนๆในภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ดูมีปริศนาเงื่อนงำ ดูไม่ปลอดภัยได้อารมณ์อย่างมาก ภาพที่ใช้ในการเล่าเรื่องตามที่ได้อธิบายข้างต้นใช้วิธีการเคลื่อนกล้องอย่างเรียบง่ายไม่ได้หวือหวามากแต่อย่างใด เน้นการถ่ายทอดและเล่าเรื่องผ่านการแสดงและการตัดต่อเสียมากกว่า ซึ่งการตัดต่อสามารถเสริมการเล่าเรื่องได้อย่างมีพลัง รวมไปถึีงการออกแบบเสียงและเพลงประกอบตามที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น ทุกองค์ประกอบล้วนผ่านการตีความของเดวิด และทำให้ Gone Girl เป็นภาพยนตร์ที่มีเสน่ห์ชวนติดตามทุกวินาทีอย่างร้ายกาจเลยทีเดียว
-เด็กเดินตั๋ว-
26 -10-14 สรุปผลวิจารณ์หนัง
บทหนัง
10
การดำเนินเรื่อง
10
ดนตรีประกอบ
10
ฝีมือนักแสดง
10
กราฟฟิก
8
คะแนนเฉลี่ย
9.6
|
ยังไม่มีรีวิวหนังเรื่องนี้
ถูกใจ
ไม่ถูกใจ