หนัง Thor Love and Thunder หรือชื่อไทยว่า ธอร์ ด้วยรักและอัสนี ธอร์ (คริส เฮมส์เวิร์ธ) จะได้ไปผจญภัยในแบบที่ไม่เหมือนครั้งไหนที่เขาเคยเจอมาก่อน ภารกิจในการค้นหาความสงบสุขภายใน แต่การเกษียณของเขาถูกรบกวนโดยนักฆ่าข้ามจักรวาลนามว่า กอร์ นักเชือดเทพเจ้า (คริสเตียน เบล) ผู้แสวงหาการสูญพันธ์ของเทพเจ้าทั้งมวล เพื่อต่อสู้กับภัยคุกคามนี้ ธอร์ควานหาความช่วยเหลือจาก ราชาวัลคีรี่ (เทซซ่า ทอมป์สัน), คอร์ก (ไทก้า ไวตีติ) และแฟนเก่าของเขา เจน ฟอสเตอร์ (นาตาลี พอร์ตแมน) ผู้ที่ทำให้ธอร์ตกใจจนตาค้าง เมื่อเธอกำลังถือครองค้อนโยเนียร์ของเขา ในฐานะของ The Mighty Thor พวกเขาต้องร่วมมือกันผจญภัยข้ามจักรวาลไปเพื่อค้นหาความลับเบื้องหลังความแค้นของนักเชือดเทพเจ้าคนนี้ เพื่อหยุดยั้งเขาเอาไว้ก่อนที่มันจะสายจนเกินไป
Thor enlists the help of Valkyrie, Korg and ex-girlfriend Jane Foster to fight Gorr the God Butcher, who intends to make the gods extinct.
ผู้ชมทั้งหมด
43,861 ครั้ง
|
เข้าฉาย
6 กรกฎาคม 2565
|
ออกโรงแล้ว |
7 กรกฎาคม 2565 12:33:46 (IP 49.49.255.xxx)
|
||
[รีวิว] THOR: LOVE AND THUNDER - ธอร์: ด้วยรักและอัสนี เป็นภาคที่ 4 แล้วสำหรับหนังเดี่ยวของ Thor ที่แสดงโดย Chris Hemsworth ซึ่งนี่จะเป็นเรื่องราวต่อจากใน Avengers: Endgame (2018) ที่ Thor ได้เดินทางไปกับทีม Guardians of the Galaxy ออกปกป้องจักรวาล ในคราวนี้เขาต้องออกเดินทางอีกครั้ง เมื่อต้องมาเผชิญหน้ากับ Gorr ผู้ที่ได้สมญานามว่า the God Butcher (ผู้สังหารเทพเจ้า) รวมถึงการได้พบเจอกับรักอย่าง Jane Foster อีกครั้ง แต่ในคราวนี้เราจะได้เห็นเธอในฐานะ Mighty Thor บอกตรง ๆ ว่าจากตัวอย่างทำให้เราตื่นเต้นที่จะดูมาก ทั้งการได้เห็น Natalie Portman กลับมารับบท Jane Foster อีกครั้งและแถมยังมาเป็น Mighty Thor อีก รวมถึงการได้เห็น Christian Bale ในบทวายร้ายโคตรร้ายอย่าง Gorr ด้วย ผนวกกับความบ้าบอของผู้กำกับอย่าง Taika Waititi ที่ได้ทำ Thor: Ragnarok (2017) ออกมาได้โบ๊ะบ๊ะและจังหวะดีมากหวังว่าในภาคนี้จะจัดเต็มกว่าเก่า แต่พอได้ดูจริงกับน่าผิดหวังอย่างน่าเสียดาย อันดับแรกเลยคือความคาดหวังเราเองแหละ ต้องบอกก่อนว่าจริง ๆ เราไม่ได้ชอบภาค Ragnarok มากขนาดนั้น เพราะมันค่อนข้างจะหลุดธีมจาก Thor สองภาคแรกพอสมควร แต่จังหวะการเล่า จังหวะมุกมันดี ถึงแม้มันจะเยอะไปเสียหน่อยก็ตาม ฉากแอ็คชันก็ดีสุด มีจังหวะเฮให้ได้สนุกได้ตื่นเต้น มันพอทำให้เราได้เห็นว่าผู้กำกับอย่าง Taika Waititi เขามีแนวทางในการทำหนังยังไง และพอมาภาคนี้เราจึงกะปล่อยจอย เข้าไปเสพความฮา ความบ้าความบวมของผู้กำกับที่จะใส่มาในเนื้อเรื่อง ทั้งการออกมาบอกว่าภาคนี้จะโคตรปั่นบ้าบอกว่าที่ผ่านมาก็ยิ่งทำให้เกิดความคาดหวัง แต่ผลมันไม่ใช่แบบนั้นน่ะสิ เรื่องความฮาก็มีหยอดมาเป็นช่วง ๆ แต่จะให้เทียบกัน ก็ต้องบอกว่าภาค Ragnarok ฮากว่ากันเยอะ จังหวะมุกดีกว่ากันเยอะเลย ภาคนี้มันก็ยังฮา แต่เป็นช่วง ๆ และจังหวะไม่ได้ดีเท่า หลายมุกก็ฝืดเสียด้วยซ้ำ ฮาสุดขอยกความดีงามให้ไอ้แพะอวกาศสองตัวเท่านั้นเลย และด้วยความที่หนังมันไม่ได้มามู้ดซีเรียสขนาดนั้น มันจึงทำให้ฉากต่าง ๆ ที่ต้องใช้อารมณ์ร่วมมันทำได้ไม่ถึงเลย มันลงดราม่าไม่ได้เลย ซึ้งก็ไม่ได้ ยิ่งฉากท้าย ๆ ของเรื่องทำได้ไม่ถึงไม่อินจริง ๆ ไม่ว่าจะเรื่องราวระหว่าง Thor กับ Jane หรือเรื่องของ Gorr ก็ตาม ฉากแอ็คชันในภาคนี้ก็ยังสู้ไม่ได้ ภาค Ragnarok ลงตัวกว่าเยอะ เอาจริง ๆ มันมีวัตถุดิบหลายอย่างที่ทำให้มันออกมาแปลกแหวกแนวและสนุกได้มากกว่านี้อีกเยอะเลยอะ มันดูผิดที่ผิดทาง กั๊ก ๆ ไม่กล้าเล่น เพลเซฟอีกต่างหาก ตัวบทเลยแบนมาก เนื้อเรื่องมันเลยกลายเป็นเบาหวิวไปเลย ไม่ได้หวือหวา หลายเหตุการณ์มาไวไปไวมาก ถึงแม้หนังจะพยายามยัดเยียดพลังความรักเข้ามาอย่างยิ่งใหญ่ให้มีผลต่อเรื่อง แต่มันเบาเหลือเกิน กลายเป็นเหมือนองค์ประกอบที่น่ารำคาญของหนังไปเลย เส้นเรื่องตรงแหน่ว เล่าแบบเบสิค ทุกอย่างดูง่ายดายไปหมดเลย ฉากแอ็คชันในเรื่องนี้ก็จัดว่าเฉย ๆ มาก ด้วยความที่ตัวละคร Thor มันจัดหนักจัดเต็มความเท่ไปแล้วทั้งใน Ragnarok หรือ Endgame ภาคนี้มันจึงไม่ได้มีอะไรโดดเด่น ไม่ได้รู้สึกทึ่งหรือว้าวกับการออกแอ็คชันใด ๆ ของตัวละครนี้เลย แม้กระทั่ง Last Fight ก็ไม่ได้รู้สึกเท่อะไรสักนิด ความเท่ทั้งหมดดันตกไปอยู่ในตัวละคร Jane Forster ที่ซีนปรากฏตัวในฐานะ Mighty Thor ครั้งแรก โคตรเท่เลย เท่จริง ๆ และบอกตรง ๆ ว่าแย่งความโดดเด่นความเท่จากตัว Thor ไปหมดเลย ส่วนฉากแอ็คชันอื่น ๆ จัดว่าเฉย ๆ มาก ทางด้านตัวละครอย่างที่กล่าวไปย่อหน้าที่แล้ว เราไม่ได้รู้สึกว่า Thor จะแตกต่างจากการปรากฏตัวภาคที่ผ่าน ๆ มาเท่าไหร่ ยังคงเป็น Thor ที่คุ้นเคย ไม่ค่อยมีการพัฒนาการทางตัวละครเท่าไหร่เลย ถึงแม้ Jane Foster ในร่างของ Mighty Thor จะเท่แค่ไหนก็ตาม แต่การเขียนเส้นเรื่องให้ตัวละครนี้กลับมาปรากฏตัวผนวกเรื่องราวมาเจอกับ Thor เราไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ มันดูรวบรัดตัดตอนง่ายดายไปเสียหมด ส่วน Valkyrie ก็ยังคงความเท่ แต่น่าเสียดายสุด ๆ ที่เธอเหมือนกลายเป็นตัวประกอบไปเลย โดนลดความสำคัญลงไปอย่างเห็นได้ชัด ส่วนทางด้านตัวร้ายอย่าง Gorr ต้องขอชมเลยว่า Christian Bale เล่นได้ดูร้าย น่ากลัวจริง ๆ แต่บทไม่ส่งเลย ไม่ได้เอื้อความโหดให้ตัวละครนี้เลย ถ้ามีฉากการฆ่าเทพแสดงพลังของตัวละครนี้มากกว่านี้ก็คงจะดีกว่านี้มาก ๆ และถือว่าน่าเสียดายอีกเช่นกันที่ตัวละครนี้กลายเป็นแค่ตัวร้ายในระดับกลาง ๆ ที่ไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นในตอนต่อสู้กับ Thor ในฉากท้าย ๆ เลย เพราะไม่ได้มีความรู้สึกว่าตัวละครนี้จะชนะได้ยังไงยังงั้น สิ่งที่ดีงามที่สุดขอยกให้เพลงและดนตรีประกอบเลย โคตรเข้ากับทุกฉากที่เลือกสรรค์ และมันยกระดับให้ฉากนั้น ๆ มันมีอะไรมากกว่าที่มันเป็นเสียอีก ไม่รู้ว่าที่ภาคนี้มันสนุกน้อยลงเพราะขาดเสน่ห์ของ Loki และเคมีที่เข้ากันของเขากับ Thor ด้วยหรือเปล่า แต่ภาพรวมมันสนุกน้อยกว่า Ragnarok อย่างเห็นได้ชัดเลย ตัวเนื้อเรื่องก็เบา ความฮาก็ไม่ได้จัดเต็มขนาดนั้น แอ็คชันก็ธรรมดา หากไม่ได้เหล่านักแสดงช่วยไว้หนังมันจะแย่กว่านี้เอามาก ๆ เลย จัดว่าผิดหวังพอสมควร สรุปผลวิจารณ์หนัง
บทหนัง
4
การดำเนินเรื่อง
5
ดนตรีประกอบ
10
ฝีมือนักแสดง
8
กราฟฟิก
8
คะแนนเฉลี่ย
7
|
ยังไม่มีรีวิวหนังเรื่องนี้
ถูกใจ
ไม่ถูกใจ