หนัง Peninsula 4 ปีหลังจาก Train to Busan ดินแดนที่เต็มไปด้วยฝูงซอมบี้กระหายเลือดและเหลือจำนวนผู้รอดชีวิตแค่เพี
,หนัง Train to Busan Peninsula หรือชื่อไทยว่า ฝ่านรกซอมบี้คลั่ง Four years after South Koreas total decimation in TRAIN TO BUSAN, the zombie thriller that captivated audiences worldwide, acclaimed director Yeon Sang-ho brings us PENINSULA, the next nail-biting chapter in his post-apocalyptic world. Jung-seok, a soldier who previously escaped the diseased wasteland, relives the horror when assigned to a covert operation with two simple objectives retrieve and survive. When his team unexpectedly stumbles upon survivors, their lives will depend on whether the bestor worstof human nature prevails in the direst of circumstances.
ผู้ชมทั้งหมด
33,661 ครั้ง
|
เข้าฉาย
23 กรกฎาคม 2563
|
ออกโรงแล้ว |
31 กรกฎาคม 2563 13:12:04 (IP 113.53.62.xxx)
|
||||||||
ใครจะไปคิดว่าหนังถึงยุคที่หนังซอมบี้เกาหลี จะได้รับความนิยมขนาดนี้ ถ้าพูดถึงหนังซอมบี้เกาหลีแล้ว Train to Busan คงอยู่ในอันดับต้นๆเป็นแน่ เรื่องนี้ถือเป็นหนังเรือธงปลุกกระแสหนังซอมบี้แดนกิมจิเลยกว่าได้ จนทำให้มีหนังแดกกิมจิ หรือซีรีส์แนวๆนี้ตามออกมากันอีกมากมาย ซึ่งไม่ว่าจะแตกแยกย่อยมาแค่ไหน ก็คงไม่มีอะไรสามารถบิ้วความสนุกได้เทียบเท่า Train To Busan อีกแล้ว 4 ปีผ่านไปภาคต่อของเรื่องนี้ก็ได้เวลาฝ่า Covid-19 เข้าโรงในที่สุด เนื้อเรื่องว่าด้วย 4 ปีให้หลังจากเหตุการณ์ในภาคแรก เมื่อเกาหลีได้เกิดเหตุไวรัสระบาดทั้งประเทศทำให้แต่ละคนต้องรีบหนีออกจากเมือง ออกจากประเทศให้เร็วที่สุด เพราะสุดท้ายแล้ว ประเทศเกาหลีใต้ก็ถูกทำให้เป็นเขตกักกันในที่สุด เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อร้ายและซอมบี้ ออกไปแพร่กระจายในจุดต่างๆของโลก ซึ่งในเมื่อเกาหลีถูกปล่อยร้างแล้ว เงินตราต่างๆ ที่เคยถูกขนย้ายในช่วงเวลาโกลหน ได้ถูกทิ้งไว้ ทำให้บางคนอยากที่จะฉวยโอกาสนี้ กลับเข้าไปขนเงินออกมา ทำให้เกิดเรื่องราวต่างๆในภาคนี้ จะว่าไปแล้วผมรู้สึกดีนะที่ทางผู้สร้างเลือกที่จะเปลี่ยนโทนหนังจากหนังดราม่าครอบครัว ไปเป็นแนวแอคชั่น Fast & Furious จัดหนังฉากซิ่งหนีซอมบี้ ที่เรียกได้ว่า โดมินิค โทแรตโต้ คงได้มาเทียบเชิญไปเข้าแก๊งค์แน่ๆ เป็นอะไรที่ดูสนุกมากจริงๆ แต่ก็ไม่วายด้วยความที่เป็นหนังเกาหลี คงจะหนีไม่พ้นปม และเรื่องราวดราม่าสไตล์ไทยประกันชีวิต ที่ใส่เข้ามาในช่วงท้าย แต่ด้วยความที่จุดนี้มันเหมือนใช้ซ้ำจากภาคก่อนมาก ทำให้ผมเองไม่ค่อยอินเท่าไหร่ ออกแนวๆรำคาณด้วยซ้ำไป เหมือนกับว่าทางผู้สร้างจงใจยัดเยียดฉากดราม่าเพื่อดึงเวลาหนังออกไปอีกซักหน่อย แทนที่จะสามารถตัดจบได้เร็วกว่านั้น 5-10 นาทีเลยทีเดียว 7.5/10 สรุปผลวิจารณ์หนัง
บทหนัง
7
การดำเนินเรื่อง
7.5
ดนตรีประกอบ
8
ฝีมือนักแสดง
8
กราฟฟิก
7
คะแนนเฉลี่ย
7.5
|
||||||||
30 กรกฎาคม 2563 19:10:40 (IP 49.228.152.xxx)
|
||||||||
Train to Busan: Peninsula " เมื่อเกาหลีกลายเป็นพื้นที่ที่ไม่มีใครอยากเข้า.. " 116 min | Action/Horror | Directed by Sang-ho Yeon เรื่องราวหลังจากเหตุการณ์ใน Train to Busan 4 ปีประเทศเกาหลีกลายเป็นดินแดนที่รกร้างและเต็มไปด้วยฝูงซอมบี้ จอง ซุก อดีตทหารเกาหลีใต้แม้ว่าเขาจะอพยพออกมาแล้วแต่ก็มีเหตุให้ต้องเดินทางกลับไปยังบ้านเกิดอีกครั้งเพื่อค้นหาอะไรบางอย่าง แต่การตัดสินใจมาในครั้งนี้ทำให้เขารู้ว่ายังมีคนหลงเหลืออยู่บนแผ่นดินนี้ อีกทั้งยังพาตัวเขาหวนคืนไปยังอดีตที่ค้างอยู่ในใจ การต่อสู้และเอาชีวิตรอดในดินแดนอันสิ้นหวังจึงเริ่มขึ้น ต้องบอกว่าไม่แปลกเลยด้วยความที่หนังโปรโมทและแปะป้ายชื่อของ Train to Busan 1 ในภาพยนตร์ที่เป็นเหมือนดาวของวงการภาพยนตร์เกาหลีด้วย ทำให้เราจะต้องคาดหวังกับมันในหลาย ๆ ด้านอยู่แล้ว ยิ่งเป็นผู้กำกับคนเดียวกันด้วย เลยยิ่งไปใหญ่ แต่พอมาดูในภาพรวมของ Peninsula แล้วต้องบอกตรง ๆ แล้วว่าค่อนข้างน่าผิดหวังในหลาย ๆ แง่เลยทีเดียว ทั้งคุณภาพในงานโปรดักชั่นที่พอมาขยายสเกลให้ตัวหนังมีกลิ่นอายของความเป็น apocalypse แต่ทำไม่ถึงมันเลยดูแปลกไปเลย คือจริง ๆ แล้วตัวหนังมีแมสเสจแฝงในเรื่องที่ดีเลยนะ ในการเปรียบเปรยมุมมองทางการเมืองต่าง ๆ แอบแฝงมาได้ดีและน่าสนใจ หรือจะพูดถึงในแง่มุมของความสนุก ความดูเอามันส์ มันอาจจะพอดูได้ก็จริงแต่เหมือนจังหวะในการขยี้ของหนังมันอยู่ผิดที่ผิดทางไปหมดจนทำให้ความสนุกนั้นมันมาไม่ค่อยถึง ไปไม่ค่อยสุด หรือในบางช่วงของหนังก็มีความล้นจนเกินไปอย่างฉากไล่ล่าในช่วงท้ายที่ยาวนานเหมือนเอาหนัง mad max ทั้งเรื่องมาอัดอยู่ในช่วงท้ายเลย ยาวนานเกินไปมาก ๆ โดยรวมมันเป็นงานที่น่าเสียดายมาก ไม่แน่ใจว่ามันหลุดไปที่ process ไหน เพราะตัวหนังภาคแรกมันเข้าขั้นยอดเยี่ยมเลย เป็นหนังซอมบี้ที่มีการปูเรื่องที่ดี มีที่มาที่ไป การดำเนินเรื่องที่มีชีวิต และตัวละครที่มีมิติน่าจดจำ มันไม่ใช่ว่าเรื่องนี้ไม่มีกงยูแล้วตัวหนังจะหมดความน่าสนใจนะ แต่เรื่องนี้เหมือนเขาลืมการวางตัวละครไปเลย อยู่ดี ๆ ยัดมายัดมา แล้วเน้นไปที่ความใหญ่โตของหนังอย่างเดียวจนลืมหัวใจไป (ไม่แน่ใจว่าการขยี้อารมณ์หนัก ๆ ทั้งเรื่องของหนังคือหัวใจของหนังเค้าหรือเปล่า) จริง ๆ ตัวหนังมันก็ไม่ได้ต่อเนื่องกันมาก อาจจะเพราะมันเว้นช่วงเวลาในการเล่าที่ผ่านมานานด้วย เป็นหนังในจักรวาลเดียวกันเฉย ๆ ฉะนั้นไม่จำเป็นต้องดู Train to Busan มาก่อนก็ดูเรื่องนี้ได้หรือถ้าคุณเป็นคนที่ดูและรัก Train to Busan มาแล้วจะต้องดูภาคต่อเรื่องนี้มั้ย ผมเองก็มองว่าไม่จำเป็นนะ มันไม่ได้ขยายอะไรในภาคแรกเลย แต่ก็ถ้าเกิดสนใจจริง ๆ ก็อาจจะต้องลดความคาดหวังลงไปบ้างประมาณนึง ก็พอดูเอาเพลิน ๆ ได้ในยามที่โรงหนังไม่ได้มีโปรแกรมอะไรใหม่ ๆ น่าสนใจช่วงนี้ครับ สรุปผลวิจารณ์หนัง
บทหนัง
6
การดำเนินเรื่อง
6
ดนตรีประกอบ
6
ฝีมือนักแสดง
6
กราฟฟิก
6
คะแนนเฉลี่ย
6
|
||||||||
23 กรกฎาคม 2563 17:21:43 (IP 180.183.244.xxx)
|
||||||||
[รีวิว] Train to Busan: Peninsula - ฝ่านรก ซอมบี้คลั่ง ภาคต่อของหนังซอมบี้น้ำดีอย่าง Train to Busan ที่เรียกได้ว่าปลุกกระแสหนังซอมบี้หลังจากซบเซามานาน ให้มีคนมาสนใจและติดตามเยอะมากๆ แถมยังปลุกกระแสหนังเกาหลีในไทยให้บูมอีกแบบสุดๆ นั่นจึงไม่แปลกว่าทำไมมันจึงเกิดภาคต่อออกมาใน Train to Busan: Peninsula แต่ในภาคนี้เรียกได้ว่าเปลี่ยนแนวจากหนัง survival หนีเอาชีวิตรอดจากซอมบี้ เป็นแอ็คชันแบบเต็มสูบ ปะทะกับซอมบี้กันแบบโต้งๆ เลย Peninsula บอกเล่าเรื่องราว 4 ปีให้หลังเหตุการณ์ในภาคแรก เมื่อเกาหลีกลายเป็นนรก เมืองทั้งเมืองร่มสลาย เต็มไปด้วยซอมบี้ ไม่มีมนุษย์คนไหนกล้าอาศัยอยู่เหลือผู้รอดชีวิตเพียงหยิบมือ จึงทำให้กลายเป็นแหล่งของนักแสวงโชค ที่อยากลองเสี่ยงชีวิตเข้าไปหาเงินและนำออกมา และเหตุการณ์ก็จับพลัดจับพลูนำพาพระเอกให้กลับไปสู่บ้านเกิดเผชิญหน้าความอันตรายจากซอมบี้กระหายเลือดและเดนมนุษย์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ หนังไม่ได้ผิดที่เลือกที่จะเปลี่ยนการเอาชีวิตรอดจากเหล่าซอมบี้เหมือนในภาคแรก เป็นหนังแอ็คชันเผชิญหน้ากับเหล่าซอมบี้แทน เพราะถ้าดำเนินแบบเดิมมันอาจจะไม่แตกต่างและกลายเป็นน่าเบื่อแทนก็ได้ แต่ความที่เลือกจะทำแนวแอ็คชันแบบนี้แล้วต้องเอาให้สุด มีเท่าไหร่ จับใส่ จับยัดมาเลย จะเวอร์ยังไงอะไรก็ได้ แต่ต้องจัดเต็มกว่านี้ ซึ่งฉากแอ็คชันในภาคนี้ก็ถือว่าไม่เยอะไม่น้อย ซึ่งฉากยิงปืนก็ทำได้ไม่เลว ทำให้นึกถึง John Wick และฉากขับรถไล่ล่าจุดขายที่ผู้กำกับเน้นก็ทำให้นึกถึง Mad Max แต่มันกลับทำได้ไม่ถึง ไม่สุดเอาซะเลย เอาจริงๆ เราชอบที่หนังเลือกที่จะเล่าโลกแบบ Post-Apocalypse แต่หนังเอาไม่อยู่จริงๆ เหมือนอยากใส่อะไรก็ใส่เข้ามา ภาพและ CG ในเรื่องนี้เราไม่ค่อยชอบเลย โดยเฉพาะฉากขับรถ CG ลอยมากเลยทีเดียว ทางด้านเนื้อเรื่องก็เรียกได้เลยว่าแทบจะไม่มีอะไรเลย ดำเนินเรื่องเป็นเส้นตรงสุดๆ คาดเดาไม่ยาก หลายอย่างไม่สมเหตุสมผล ไดนามิกในการเล่าเรื่องช่วงท้ายนี่เหมือนภาคแรกมาก และในเมื่อเลือกที่จะมาแนวนี้แล้ว เราไม่ชอบความที่หนังพยายามขยี้ ยัดเยียดความเป็นดราม่าเข้ามาใส่แบบ "ไม่อิน" เอาซะเลย อย่างนึงที่ทำให้เราไม่อินกับเนื้อเรื่องคือเพราะตัวละครแต่ละตัว "ขาดเสน่ห์" ขาดแรงดึงดูด ขาดความผูกพันระหว่างคนดูกับตัวละคร ที่เป็นสิ่งสำคัญสำหรับเรื่องราวในหนังแบบนี้ ถ้าพูดจะให้เห็นกันชัดๆ ฉากที่เราซึ้งกินใจน้ำตาไหลกันในภาคแรกคือ ฉากที่กงยูตาย นั่นเพราะเราผูกพันกับตัวละครนั้นมาตั้งแต่ต้น มีเรื่องราวหลายอย่าง หลายสถานการณ์มานำพาให้เราอยากเอาใจช่วยตัวละครนี้และอีกหลายๆ ตัว แต่มันช่างต่างกับภาคนี้เหลือเกินที่ไม่สร้างความผูกพันนี้ให้กับคนดูเลย ถึงมีก็น้อยมาก มันเลยไม่อินจริงๆ สรุป เราค่อนข้างผิดหวังกับ Peninsula จริงๆ ไม่มีอะไรที่สู้ภาคแรกได้เลยสักจุด ฉากแอ็คชันรวมๆ ของภาคนี้ ยังสู้ฉากแอคชันสุดตื่นเต้นบนรถไฟภาคแรกไม่ได้เลยด้วยซ้ำ และเราโคตรไม่ชอบตอนจบเลย สรุปผลวิจารณ์หนัง
บทหนัง
5
การดำเนินเรื่อง
5
ดนตรีประกอบ
5
ฝีมือนักแสดง
5
กราฟฟิก
5
คะแนนเฉลี่ย
5
|
ยังไม่มีรีวิวหนังเรื่องนี้
ถูกใจ
ไม่ถูกใจ