หนัง Fantastic Beasts The Secrets of Dumbledore หรือชื่อไทยว่า สัตว์มหัศจรรย์ ความลับของดัมเบิลดอร์ เมื่อศาสตราจารย์ อัลบัส ดัมเบิลดอร์ (จู๊ด ลอว์) รู้ว่าพ่อมดศาสตร์มืด เกลเลิร์ต กรินเดลวัลด์ (แมดส์ มิคเคลสัน) เริ่มเดินแผนการหวังปกครองโลกเวทมนตร์ด้วยตัวเอง แต่เขาก็ไม่สามารถหยุดอดีตเพื่อนรักได้ด้วยตัวคนเดียว เขาจึงมอบหมายให้ศิษย์รักนักสัตว์วิเศษวิทยา นิวท์ สคามันเดอร์ (เอ็ดดี้ เรดเมย์น) นำทัพเหล่าพ่อมด-แม่มด รวมถึงมักเกิลนักทำเบเกอรี่ผู้กล้าหาญเผชิญหน้ากับภารกิจเสี่ยงอันตราย ที่พวกเขาต้องต่อสู้กับสัตว์วิเศษทั้งเก่าและใหม่ รวมถึงกองทัพผู้ติดตาม กรินเดลวัลด์ ในสถานการณ์ที่ต้องเดิมพันสูงเช่นนี้ ดัมเบิลดอร์ จะสามารถดึงตัวเพื่อนรักของเขากลับมาได้หรือไม่?
The third installment of the 'Fantastic Beasts and Where to Find Them' series which follows the adventures of Newt Scamander.
ผู้ชมทั้งหมด
29,486 ครั้ง
|
เข้าฉาย
13 เมษายน 2565
|
ออกโรงแล้ว |
14 เมษายน 2565 02:11:05 (IP 49.228.107.xxx)
|
||
[รีวิว] Fantastic Beasts: The Secrets of Dumbledore หลังจากผิดหวังในภาคสอง (มาก ๆ) ที่ในภาพรวมมันดูน่าเบื่อ ช้า ยืด และให้น้ำหนักกับจุดไม่สำคัญเท่าไหร่ มาในภาคนี้ทำตรงกันข้ามเลย ไม่ได้น่าเบื่อ ดำเนินเรื่องเร็ว ไม่ช้า ไม่อืด ไม่ยืด แต่...ก็ลืมให้น้ำหนักสำคัญกับจุดที่ควรโฟกัสเช่นกัน Fantastic Beasts: The Secrets of Dumbledore บอกเล่าเรื่องราวหลังจากที่ Gellert Grindelwald ได้รวบรวมกลุ่มพ่อมดแม่มดเพื่อหมายปฏิวัติโลกเวทมนต์ ให้เหล่าพ่อมดแม่มดได้ใช้ชีวิตอิสระ ซึ่ง Albus Dumbledore ก็ได้ร่วมมือกับ Newt Scamander และรวบรวมพรรคพวกเพื่อหยุดยั้งอุดมการณ์ของ Grindelwald ก่อนจะสายไป อย่างที่ได้จั่วหัวไว้ว่าในภาพรวมมันสนุกกว่าภาคสองจริง ๆ แต่มันเฉย ๆ หนังยังคงมีประเด็นหลายอย่างที่ทิ้งให้เราสงสัย ตลอดทั้งเรื่องมันจะมีคิ้วขมวดเป็นระยะ ๆ ว่าแบบ อะไร? ทำไม? ยังไง? ประมาณนั้น หนังดูรีบ ๆ ไม่ค่อยใส่ใจจะเล่ารายละเอียดที่ควรจะบอกเล่าสักเท่าไหร่ ละเลยเนื้อหาไปหลายจุด กิมมิคหลายอย่างโดนเขวี้ยงทิ้ง ด้วยความที่หนังรีบ และยังมีปมอีกมากมาย การคลี่คลายปมแต่ละอย่างไม่มีชั้นเชิงเลยสักนิด น่าผิดหวังมากอีกต่างหาก การตัดสินใจของตัวละครไม่มีน้ำหนัก แถมช่วงท้ายมันมีการขมวดปมสำคัญหลายอย่างแบบรีบมาก และดันทุกปมให้หาทางลงง่าย ๆ แบบน่าหงุดหงิดใจ แถมที่สำคัญไอ้จุดที่ควรเน้นมันก็ไม่ให้เวลาบอกเล่าอะไรเลยเท่าไหร่เลย และไอ้จุดที่ว่านั่นดันเอามาห้อยเป็นชื่อภาคซะด้วยสิ The Secrets of Dumbledore เนี่ยแหละ หนังไม่ได้ลงรายละเอียดเรื่องราวความลับของตัว Dumbledore อะไรสักเท่าไหร่เลย มาก็มาแบบผิวเผิน รวมถึงสิ่งสำคัญอย่างความสัมพันธ์ของตัว Dumbledore กับ Grindelwald หนังก็เหมือนจะละเลยไปอย่างน่าเสียดาย มีเพียงบทพูดใส่กันที่ไม่ได้ส่งให้คนดูเข้าใจสักเท่าไหร่ ยิ่งถ้าหากใครรู้เรื่องราวความสัมพันธ์ของทั้งคุ่มาจากหนังสือก็ยิ่งจะน่าเอะใจว่าทำไมเล่าออกมาแค่นี้เองนะ หลังจากภาคที่แล้วมีหลายสำนักรีวิวว่าตัวหนังละเลยสัตว์มหัศจรรย์ที่เป็นเสน่ห์จากภาคแรกมา ภาคนี้เลยใส่มาเพิ่ม และให้ความสำคัญมากขึ้น แต่มันก็ยังไม่ได้ช่วยขับเสน่ห์เหมือนที่ภาคแรกทำได้สักเท่าไหร่ แต่ถึงบทมันจะแย่และชวนคิ้วขมวดแค่ไหน ต้องยอมรับว่าฉากแอ็คชันในภาคนี้ดูเพลิน และมาถูกจังหวะมาก ถึงแม้จะไม่ได้มีเยอะเท่าไหร่ก็ตาม สิ่งที่น่าชื่นชมที่สุดในเรื่องนี้คงเป็นการแสดง ของนักแสดงนำทั้ง 3 เริ่มจาก Newt Scamander รับบทโดย Eddie Redmayne ที่ยังคงเสน่ห์ของตัวละครเอาไว้ได้อย่างดีแบบไม่ขาดตกบกพร่อง บุคลิกต่าง ๆ ที่ชื่นชอบก็ยังคงทำให้เราชื่นชอบได้เหมือนเดิม และอีกสองนักแสดงที่น่าชื่นชมสุด ๆ และเป็น MVP เลยก็ว่าได้ ยกให้ Jude Law ในบท Albus Dumbledore ที่แม่งโคตรเท่ คิดไม่ถึงเลยว่า Dumbledore จะเท่ขนาดนี้ การวางมาด การพูดจา เท่มาก ชอบมาก ถูกจริตแบบสุด ๆ ตามมาด้วย Mads Mikkelsen ที่มารับบท Gellert Grindelwald ต่อจาก Johnny Depp ที่ต้องบอกว่าแตกต่างกันพอสมควร ไม่รู้ว่าด้วยตัวบทหรือการแสดง และตัดสินใจถูกแล้วแหละที่เจ้าตัวเคยให้สัมภาษณ์ว่าจะไม่แสดงเหมือน Depp แต่โดยส่วนตัวชอบเวอร์ชัน Mikkelsen มากกว่านี่แหละ มันดูร้าย น่าเกรงขาม สุขุม ฉลาด มีเสน่ห์ มาดดูดี แค่อยู่นิ่ง ๆ มันก็ดูร้ายมาก ๆ แล้วอะ ถึงแม้จะน่าเสียดายที่บทไม่ค่อยมีอะไรให้ตัวละคร Grindelwald เท่าไหร่ก็ตาม แต่เคมีของ Jude Law กับ Mads Mikkelsen ยอดเยี่ยมมาก ดูแบบมี something กันจริง ๆ ทั้งสีหน้าและแววตา พอมาเข้าซีนร่วมกันยิ่งดูยอดเยี่ยม สรุปแล้ว Fantastic Beast: The Secret of Dumbledore ภาพรวมมันสนุกกว่าภาคสองจริง ๆ ไม่ชมนกชมไม้ รีบเล่า รีบไป แต่ด้วยความรีบมันเลยละเลยจุดที่ควรให้ความสำคัญไปหลายอย่าง และหาทางลงหลายอย่างแบบน่าผิดหวัง ทั้งนี้ทั้งนั้นเรายังคงอยากเห็นการปะทะบทบาทกันของ Jude Law และ Mads Mikkelsen ในภาคหน้าอยู่ดี ที่สำคัญแนวทางของแฟรนไชส์นี้ก็ยังคงไม่ชัดเจนว่าตกลงจะเอายังไงกันแน่ สรุปผลวิจารณ์หนัง
บทหนัง
4
การดำเนินเรื่อง
6
ดนตรีประกอบ
7
ฝีมือนักแสดง
9
กราฟฟิก
8
คะแนนเฉลี่ย
6.8
|
ยังไม่มีรีวิวหนังเรื่องนี้
ถูกใจ
ไม่ถูกใจ