หนัง 4 Kings หรือชื่อไทยว่า อาชีวะยุค 90 “4 kings อาชีวะ ยุค 90's” ถือเป็นภาพยนตร์น้ำดีที่ตีแผ่สะท้อนปัญหาของสังคมไทยอีกเรื่องหนึ่ง โดยเหล่าผู้สร้างได้มุ่งหวังให้เป็นอุทาหรณ์สะท้อนปัญหาสังคม และความจริงอีกมุมของกลุ่มนักเรียนนักศึกษาสายอาชีพในยุคอดีตที่ผ่านมา โดยถ่ายทอดผ่านเรื่องราวชีวิตของเด็กอาชีวะในยุค 90 กลุ่มหนึ่ง แบบตีแผ่บทเรียนชีวิตที่พวกเขาได้พบเจอ พร้อมนำเสนอตัวอย่างบทเรียนชีวิตที่ก้าวผิดเหล่านั้น
ผู้ชมทั้งหมด
56,869 ครั้ง
|
เข้าฉาย
9 ธันวาคม 2564
|
ออกโรงแล้ว |
13 ธันวาคม 2564 15:23:19 (IP 184.22.214.xxx)
|
||
[รีวิว] 4 Kings อาชีวะยุค 90 เป็นกระแสมาตั้งแต่ก่อนหนังจะเข้าโรงพอสมควร กับเรื่อง 4 kings อาชีวะยุค 90 ที่สร้างมาจากหนังสั้น (หรือจะใช้ว่าตัวอย่างความยาว 15 นาที) ที่บอกเล่าเรื่องราวของเด็กช่างในยุค 90 กับสิ่งที่พวกเขาต้องเผชิญ เอาจริง ๆ ตั้งแต่ตัวอย่างก็คงจะรู้ได้เลยว่านี่มันไม่ใช่หนังแอ็คชัน มันคือหนังดราม่าแน่ ๆ และพอได้ดูมันก็เป็นอย่างที่คิด หนังขับเคลื่อนด้วยความดราม่าที่มีฉากหลังเป็นอาชีวะยุค 90 และจากที่ได้ดูก็จับได้ว่าผู้กำกับมีเป้าหมายไม่ได้อยากให้มันเป็นหนังแอ็คชันอยู่แล้ว เอาจริง ๆ ซีนแอ็คชันน้อยมาก แทบจะแค่ 20% ของหนังด้วยซ้ำ มีก็มีแป๊บ ๆ ไม่ได้มาบู๊ตีกันเหมือนอย่าง Tokyo Revenger หรืออีกา เป้าหมายแท้จริงของหนังคือเป็นอุทาหรณ์สอนใจ ข้อคิด คติในการใช้ชีวิต กับความพลั้งพลาดในอดีตของคนที่เคยเป็นเด็กอาชีวะ รวมถึงยังเตือนใจให้เด็กอาชีวะในยุคปัจจุบันด้วย พร้อมด้วยคำถามที่สังคมถามถึงเด็กช่างมาตลอดว่า "ตีกันทำไม ?" ผ่านความดราม่าทั้งหมดทั้งมวลที่เกิดขึ้น เริ่มกันที่แอ็คชันก่อน อย่างที่ได้บอกไปว่ามันน้อยถึงน้อยมาก และหนังไม่ได้เน้นความเป็นแอ็คชันเลย พอมันจะบู๊กันก็มีให้เห็นไม่กี่วิแล้วตัดฉึบ หนังเล่นฉากแอ็คชันแบบนี้แทบจะตลอด ซึ่งมันก็ดีเพราะคนจะได้ไม่โฟกัสตรงนั้น แต่ใจจริงแล้วเราอยากเห็นการกระทำในฉากนั้น ๆ ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ตัวละครนั้นโดนแบบนี้ ตัวละครนี้โดนแบบนั้น มันน่าจะอิมแพ็คอะไรได้มากกว่านี้ พอมันตัดอารมณ์มันเลยขาด ๆ นิดหน่อย โดยส่วนตัวคิดว่าบางฉากมันสามารถขยายออกมาให้ยาวกว่านี้ได้แหละ และสามารถเพิ่มความบันเทิงใส่ฉากแอ็คชันมัน ๆ เข้าไปได้ เอาเป็นว่าโดยส่วนตัวอยากเห็นซีนแอ็คชันหมัดดวลหมัดแบบดิบ ๆ ของไทยเหมือนกัน แต่ก็อย่างที่บอกในเมื่อมันไม่ใช่หนังแอ็คชัน มันเรียกได้ว่านี่คือหนังดราม่าหนักเลยก็ว่าได้ เพราะความดราม่ามีทุกช่วง เราจะเห็นแต่ละตัวละครต้องเผชิญความดราม่าต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นตัวละครของเป้ อารักษ์ หรือ จ๋าย ไททศมิตร รวมถึงพาเราไปเข้าใจถึงเด็กอาชีวะ ไม่ใช่เข้าใจสิ ใช้คำว่ารับรู้ละกันว่าที่พวกเขาทำแบบนั้น ทำแบบนี้ ทำไปทำไม ซึ่งหนังไม่ได้ชี้ให้เราเห็นดีเห็นงามกับเรื่องพวกนั้นหรอก หนังบอกด้วยซ้ำว่ามันไม่ดี มันผิด ผลกระทบที่ตามมามันจะเป็นแบบนี้นะเว้ยถ้ายังทำกันอยู่ ชี้ให้เห็นกันชัด ๆ เลยว่ามันไม่เท่เลย ปกติไอ้หนังนักเลงทั่วไปมันจะขายความเท่ แต่เรื่องนี้มันไม่มีอะไรที่ทำให้เรารู้สึกแบบนั้นเลยสักนิด ซึ่งมันดีจริง ๆ และตอบโจทย์เป้าหมายของหนังเรื่องนี้มาก พอมันมีฉากแบบไม่ดี หนังมันก็จะตบ ๆ เราด้วยดราม่าว่าเห้ยมันไม่ดีนะเว้ย เป็นแบบนี้อยู่ตลอดทั้งเรื่อง พูดถึงความดราม่า มีหลายฉากในเรื่องนี้ที่เราชอบมาก มาพร้อมคำพูดคม ๆ ไม่ว่าจะเป็นฉากที่บ้านเมตตา ที่เป็นฉากคุยกันธรรมดาแต่แม่*เจ๋ง น้อยแต่มาก ทรงพลังจริง ๆ, ฉากซีนอารมณ์ของเป้ อารักษ์ที่เล่นโคตรถึง คนที่เข้าซีนนั้นทุกคนเล่นถึงมาก โคตรดี บทก็อิน อินจนแบบทำเราน้ำตาคลอได้เลย, หรือแม้กระทั่งซีนก่อนจบเรื่องที่กระแทกใจสุด ๆ ก็เล่นเราน้ำตาคลอได้อีกรอบเลย ทางด้านการแสดง ถ้าไม่ติดที่หน้าตาเกินอายุ (เห็นในหนังบอกอายุ 17 ปี) แต่ละคนที่ว่าคัดเลือกมาได้ดีมากเลย ทั้ง จ๋าย ไททศมิตร, เป้ อารักษ์, ภูมิ รังษีธนานนท์, โจ๊ก อัครินทร์, ณัฏฐ์ กิจจริต, ทู สิราษฎร์, แหลม 25 Hours และ บิ๊ก D Gerrard ถึงแม้หนังจะเน้นไปที่ฝั่งอินทรอาชีวะ กับตัวละครของ จ๋ายและเป้ แต่การแสดงของทุกคนในแต่ละฉากก็ทำออกมาได้ดีไม่ได้ด้อยไปกว่ากันเลย แม้พี่แหลมจะออกมาไม่กี่ฉากก็เท่กวนส้นไม่ใช่เล่น ยิ่งพี่บิ๊ก D Gerrard ที่เรียนได้กวนส้น อ้อนตีนมาก 555+ ก็เป็นตัวละครที่แบบไม่มีไม่ได้ เล่นได้บ้าดี ทีมนักแสดงถือว่าทำได้ดีทุกคนเลยสำหรับเรื่องนี้ สรุปแล้ว 4 kings อาชีวะยุค 90 เป็นหนังที่ตั้งใจทำมาดราม่าเพื่อบอกว่าปลายทางมันไม่สวยนะเว้ย และมันก็ทำดราม่าแต่ละประเด็นได้โคตรสุดโคตรถึง ทำได้มีหัวจิตหัวใจสุด ๆ ถ้าใครดูเรื่องนี้จบแล้วยังจะมีอารมณ์ฮึกเหิม เลือดสูบฉีดอยากตีกัน ก็บ้ามากแล้ว แต่ก็นะ...น่าเสียใจที่ยังบ้าคิดไม่ได้อยู่ ตัวบทดี อาจมีสงสัยถึงแบบชะตากรรมตัวละครแต่ละตัวนิดนึง หรือติดตรงการคัทฉากที่น่าจะขยายได้อีก ลดบางซีนขยายอีกบางซีนน่าจะเยี่ยมมาก แต่แค่นี้ก็ถือว่าดีแล้ว ส่วนนักแสดงก็อยู่ในระดับดี โปรดักชันถ่ายทำก็ดีไม่แพ้กัน เรียกได้ว่า เป็นหนังความยาว 2 ชั่วโมงกว่าที่คุ้มค่าแก่การดูด้วยประการทั้งปวง สรุปผลวิจารณ์หนัง
บทหนัง
8.5
การดำเนินเรื่อง
8.5
ดนตรีประกอบ
10
ฝีมือนักแสดง
8
กราฟฟิก
9
คะแนนเฉลี่ย
8.8
|
ยังไม่มีรีวิวหนังเรื่องนี้
Nararak
8 ธันวาคม 2564 13:21:56 (IP 124.122.41.xxx)
|
||
GUEST |
ฉายกี่โมงครับ
|
ถูกใจ
ไม่ถูกใจ