หนัง One for the Road หรือชื่อไทยว่า วันสุดท้าย..ก่อนบายเธอ ภาพยนตร์ดราม่าแนว Road Trip ของเพื่อนเก่าเพื่อนแก่สองคนที่แยกห่างกันไปมานาน ต้องกลับมาร่วมเดินทางไปด้วยกัน ระหว่างทางนั้นพวกเขาหนึ่งคนในนี้ได้ป่วยเป็นโรคมะเร็ง ความสัมพันธ์ครั้งนี้จะถูกรื้อฟื้นกลับขึ้นมาได้หรือไม่ หรือภายในภาพยนตร์จะมีประเด็นอะไรต่อเนื่องต่อไป ต้องรอชม โดยในนักแสดงที่จะมาร่วมแสดงในภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ไม่ใช่ใครอื่น นั่นคือ ต่อ-ธนภพ, ไอซ์ซึ ณัฐรัตน์
Boss, a high end club owner living in New York, who receives a call from his friend in Thailand, Aood, revealing he is in the last stages of terminal cancer.
ผู้ชมทั้งหมด
24,237 ครั้ง
|
เข้าฉาย
10 กุมภาพันธ์ 2565
|
ออกโรงแล้ว |
12 กุมภาพันธ์ 2565 14:56:59 (IP 184.22.226.xxx)
|
||
[รีวิว] วันสุดท้าย...ก่อนบายเธอ - ONE FOR THE ROAD วันสุดท้าย...ก่อนบายเธอ - One for the Road คือผลงานการกำกับของ บาส นัฐวุฒิ ที่ได้ หว่องกาไว มาอำนวยการสร้าง เล่าเรื่องราวผ่านการแสดงของ ต่อ ธนภพ, ไอซ์ซึ ณัฐรัตน์, วิโอเลต วอเทียร์, พลอย หอวัง, นุ่น ศิรพันธ์, ออกแบบ ชุติมณฑน์ บอกเล่าเรื่องราวของ อู๊ด ชายผู้เป็นโรคมะเร็งได้ตัดสินใจใช้ช่วงระยะเวลาสุดท้ายของชีวิตออกเดินทางไปหาแฟนเก่าในอดีต โดยชักชวน บอส เพื่อนจากนิวยอร์กให้มาพาเขาไปหาเธอเหล่านั้นที อู๊ดอยากคืนบางสิ่งให้พวกเธอ พร้อมทั้งอยากเจอหน้า ขอบคุณและขอโทษเป็นครั้งสุดท้ายก่อนลาโลกนี้ไป เรื่องแรกที่ต้องชมคืองานภาพ ไม่รู้ว่าได้อิทธิพลของหว่องกาไวมามากน้อยแค่ไหน แต่เราได้เห็นเลยว่าทีมงานตั้งใจรังสรรค์แต่ละซีนออกมาจริง ๆ แต่ละซีนที่เราเห็นในหนังจึงถูกคิดประดิษฐ์และถ่ายออกมาอย่างดิบดี ใช้คำว่าสวยได้หลายฉากเลย ทั้งมุมกล้อง การถ่ายทำ การเกรดดิ้ง เป็นหนังที่ภาพสวยมาก ตามมาด้วยเพลงประกอบของเรื่องนี้ที่เปิดเรื่องมาก็ใช้เพลงแจ๊สอย่าง Whiplash นำเสนอซีนของตัวละครบอส และแฟนเก่าแต่ละคนก็มีเพลงประกอบเรื่องราวในแต่ละคนได้อย่างลงตัว ระหว่างเดินทางก็มีเพลงไพเราะอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Tiny Dancer - Elton John, One is the Lonliest Number - Three Dog Night, Walk you Home - สุรสีห์ อิทธิกุล, Father And Son - Cat Stevens, Time is on My Side - The Rolling Stones, One for my Baby and One more for the Road - Frank Sinatra และอีกหลายเพลงที่ต้องบอกเลยว่าแต่ละซีนที่เพลงเข้ามาช่างเหมาะเจาะลงตัวกับเรื่องราวและถูกอารมณ์ในช่วงนั้นมาก ๆ รวมถึงเพลงอย่าง Nobody Knows - STAMP & CHRISTOPHER CHU หรือเวอร์ชันไทย ถ้าเธอ - STAMP & VIOLETTE WAUTIER พอได้ไฟในโรงแล้วยิ่งไพเราะเข้าไปใหญ่ เรียกได้ว่าด้านเพลงประกอบไร้ที่ติมากจริง ๆ มาถึงการแสดง เริ่มตั้งแต่ ต่อ ธนภพ ในบทบอส บาร์เทนเดอร์จากนิวยอร์ก ต้องบอกว่าเขารับหน้าที่นี้ได้ดีจริง ๆ โดยเฉพาะซีนอารมณ์ต่าง ๆ เราได้เห็นต่อปล่อยของแบบรัว ๆ ที่ยังมีความกวน ๆ เท่ ๆ เหมาะกับคาแรคเตอร์สุด ๆ รวมถึงไอซ์ซึในบทอู๊ด ที่เรียกได้ว่าทุ่มสุดตัวมาก เจ้าตัวลดน้ำหนัก 17 กิโลกรัมภายในเดือนครึ่งเพื่อบทนี้เลย การแสดงของเขาในบทผู้ป่วยเป็นมะเร็งก็ทำได้ดี ซีนอารมณ์ก็ไม่ได้น้อยหน้าไปกว่าต่อเลย รวมถึงตัวละครหญิงอื่น ๆ วิโอเลต วอเทียร์, พลอย หอวัง, นุ่น ศิรพันธ์, ออกแบบ ชุติมณฑน์, หญิง รฐา ก็รับหน้าที่ของตัวเองได้ดีในแบบที่ควรจะเป็น ถึงแม้จะไม่ได้โดดเด่นเท่าต่อและไอซ์ซึ แต่ก็ทำหน้าที่ในบทของตัวเองได้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้วแหละ แต่ทั้งหมดทั้งมวลนั้น สิ่งสำคัญเลยคือหนังไม่สามารถทำให้เรามีอารมณ์ร่วมกับเหตุการณ์ต่าง ๆ ในหนังได้เลยแม้แต่น้อย ไม่ว่าจะประเด็นโรคมะเร็งใกล้ตาย ที่เอาจริง ๆ เราก็ไม่ค่อยได้เห็นว่าตัวละครนี้ใกล้ตายจริง ๆ บางครั้งหนังทำให้เราลืมไปเลยว่าตัวละครนี้เป็นมะเร็งนะ อาการหนักนะ ตามมาด้วยประเด็นการกลับไปหาแฟนเก่า ที่เราเข้าใจทุกการกระทำ ทุกการตัดสินใจ (และเห็นด้วยมาก ๆ กับซีนท้าย ๆ ที่ตัวละครบอสพูดกับอู๊ด) ซึ่งการกลับไปหาแฟนเก่าต่าง ๆ มันไม่ได้อินเลย ไม่ได้รู้สึกตามเลย หนังไม่สามารถสร้างให้เรามีอารมณ์ร่วมกับเหตุการณ์เหล่านั้นได้เลย ด้วยความที่หนังไม่ได้พาเราไปรับรู้เหตุการณ์การปลูกต้นรักของตัวละครเหล่านั้นสักเท่าไหร่ มันเลยส่งมาไม่ถึงว่ามันเศร้านะ มันผิดหวัง มันอยากขอบคุณ มันอยากขอโทษ เราเลยกลายเป็นเหมือนคนห่าง ๆ ที่ไม่ได้รู้จักพวกเขาเลย บทแฟนเก่าแต่ละคนเลยแบน ๆ เหมือนพยายามทำมาให้มันมีดราม่าและเพื่อปูไปเรื่องราวของบอสเท่านั้น ทางด้านบอสก็จะมีดราม่าเป็นของตัวเองกับแฟนเก่า พริม (วี วิโอเลต) เป็นจุดเหมือนเปลี่ยนหน้าเทปที่เทความสำคัญทั้งหมดครึ่งเรืองที่ผ่านมาเหมือนปูเพื่อมาเล่าเรื่องของบอสเนี่ยแหละ มันเลยกลายเป็นครึ่งเรื่องแรกความสัมพันธ์ของอู๊ดกับแฟนเก่าเลยดูผิวเผิน เบาบาง ยิ่งเจอแฟนเก่าแต่ละคนยิ่งเบาลงเรื่อย ๆ พอหนังเสียเวลาเล่าไปตรงนั้นครึ่งเรื่อง และมาทางด้านบอสกับพริมที่ถึงแม้จะเล่าเยอะกว่าแฟนเก่า(ส์)แต่ละคนของอู๊ด มันก็ไม่มีเวลามากพอที่จะพาเราไปสนิทสนมกับตัวละครจนอินหรือรู้สึกร่วมตามได้ รวมถึงประเด็นครอบครัวของบอสก็เหมือนจะมีอะไรแต่ก็แตะผิวเผิน แม้กระทั่งเรื่องราวความสนิทสนมกันของอู๊ดและบอสก็ตาม ดราม่าจึงส่งไม่ถึงเราเท่าไหร่ สรุปแล้ว วันสุดท้าย...ก่อนบายเธอ - One for the Road จึงเปรียบเสมือนค็อกเทลแก้วนึงที่มีการผสมผสานหลายอย่างเข้าด้วยกัน หน้าตาดูดี สีสันสวยงาม มีเสน่ห์ ดูน่าทาน แต่แก่นรสชาติของมันยังไม่ถูกใจเราสักเท่าไหร่ มันคือหนังที่งดงามในด้านภาพ เสียงและการแสดง แต่เรื่องราวเหตุการณ์ต่าง ๆ ทำให้เราอินและมีอารมณ์ร่วมไม่ได้เลยจริง ๆ สรุปผลวิจารณ์หนัง
บทหนัง
4
การดำเนินเรื่อง
5
ดนตรีประกอบ
10
ฝีมือนักแสดง
9
กราฟฟิก
9.5
คะแนนเฉลี่ย
7.5
|
ยังไม่มีรีวิวหนังเรื่องนี้
ถูกใจ
ไม่ถูกใจ