หนัง Whisper of the Heart หรือชื่อไทยว่า วันนั้น วันไหน หัวใจบรรเลง ชิซึคุ เด็กสาวมัธยมต้นแสนสดใส ผู้ชอบอ่านหนังสือเป็นชีวิตจิตใจ เธอได้แต่คิดวนเวียนถึงชื่อที่เธอมักจะเห็นในการ์ดของบัตรยืม-คืนในของห้องสมุด อามาซาวะ เซอิจิเขาอ่านหนังสือก่อนหน้าฉันหมดเลย เขาเป็นคนอย่างไรกันนะ แต่เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้ทั้งสอง “พบกันอย่างไม่น่าจดจำ” ขึ้น แต่พอได้รู้ถึงความฝันอันยิ่งใหญ่ของเซอิจิ กลับยิ่งดึงดูดใจของชิซึคุเข้าไปเท่านั้น เซอิจิช่วยผลักดันให้ชิซึคุมีความฝันในใจของตัวเอง จนวันนึงเซอิจิสารภาพกับเธอว่าจะไปตามความฝันที่อิตาลี แม้ทั้งสองจะห่างกันไปตามหาความฝันบนเส้นทางของตัวเองแต่ทั้งคู่ได้แลกคำสัญญาว่าจะกลับมาเจอกันอีกให้ได้ จนเวลาผ่านไป 10 ปี ในปี 1998 ชิซึคุทำตามความฝันของตัวเองโดยการเข้าทำงานในสำนักพิมพ์ ตำแหน่งบรรณาธิการหนังสือเด็ก แต่หลายๆอย่างกลับไม่เป็นดั่งใจ จนเธอเริ่มคิดยอมแพ้ ทุกครั้งที่ความรู้สึกท้อครอบงำ เธอจะนึกถึงเซอิจิเธอกำลังต่อสู้อย่างสุดกำลังที่สถานที่อันแสนห่างอย่างอิตาลีแล้วกลับมาฮึดใหม่ กลับกันชีวิตเซอิจิก็ไม่ได้ราบรื่น ทุกวันของเขาเต็มไปด้วยความสับสนและไม่ได้ดั่งใจ สิ่งที่เยียวยาจิตใจเขาได้ก็คือชิซึคุเหมือนกัน วันหนึ่งชิซึคุทำงานผิดพลาดครั้งใหญ่ จนเธอต้องเลือกระหว่างงานและความฝัน สถานที่ที่เธอมุ่งไปเพื่อหาคำตอบนั้นคือ...
Tsukishima Shizuku was a junior high school student who loved reading when she met classmate Amasawa Seiji. Her first impression of him wasn't good, but gradually she fell for him since he pursued his dreams. Seiji learns of Shizuku's dream to become a novelist and also falls for her. The duo vow that they will 'surely make their dreams come true'. Now ten years have passed since that vow. Shizuku, now twenty-four years old, is an editor for children's novels at a publishing company. She gave up her dream of becoming a novelist, and became someone desperate to sell books. There's now distance between her and Seiji, who continues to pursue his dreams and lives abroad.
ผู้ชมทั้งหมด
4,056 ครั้ง
|
เข้าฉาย
8 ธันวาคม 2565
|
ออกโรงแล้ว |
12 ธันวาคม 2565 03:35:47 (IP 49.228.102.xxx)
|
||
[รีวิว] WHISPER OF THE HEART - วันนั้น วันไหน หัวใจบรรเลง Whisper of the Heart - วันนั้น วันไหน หัวใจบรรเลง เป็นหนังที่ดัดแปลงมาจากอนิเมะชื่อเดียวกันของ Ghibli (แต่ภาษาไทยคนละชื่อ โดยฉบับอนิเมะใช้ชื่อว่า วันนั้น...วันไหน หัวใจจะเป็นสีชมพู) ซึ่งหนังเรื่องนี้ไม่เพียงแต่ Remake ใหม่มาเป็นฉบับ Live-action มันยังเป็นทั้งภาคต่อที่จะได้เห็นเรื่องราวการเติบโตของตัวละครด้วย ในแบบฉบับของผู้สร้างเองด้วย คำถามแรก คงมีคนสงสัยแน่ว่าถ้าไม่เคยดูฉบับอนิเมะมาจะดูรู้เรื่องมั้ย คำตอบคือ "ดูรู้เรื่อง" เพราะถึงแม้จะบอกไปว่ามันเป็นภาคต่อ แต่ตัวหนังก็มีเหตุการณ์ย้อนอดีตในช่วงวัยเด็กที่เป็นอนิเมะมาให้เราดูอยู่บ้าง แต่ถ้าหากจะให้แนะนำ "ถ้าตัดสินใจจะดูหนังเรื่องนี้แล้ว ไม่ว่าก่อนหรือหลังก็ต้องไปหาอนิเมะเรื่องนี้ดู" และเราดูหนังก่อนดูอนิเมะ เพราะมีอะไรหลายจุดที่มันไม่เหมือนกับในหนัง ทั้งรายละเอียดเล็กน้อย และรายละเอียดหลัก เช่น ความฝันของพระเอกเซอิจิที่เปลี่ยนจากช่างทำไวโอลินกลายเป็นนักดนตรีเชลโล่มืออาชีพ หรืออย่างงานเขียนแรกของนางเอกชิซึคุจากที่ให้ปู่ของเซอิจิอ่านก็กลายเป็นให้เซอิจิอ่านคนแรก อีกทั้งยังมีประเด็นหลายอย่างที่หนังก็ไม่ได้เล่าจากอนิเมะเช่นกัน แต่ในมุมมองของเราก็ผิดหวังในด้านความเป็นหนังหลังดูจบไปแล้วรอบนึง พอได้ดูอนิเมะก็ยิ่งผิดหวังกับหนังเข้าไปใหญ่ ขาดเสน่ห์แบบสุด ๆ ตัวหนังบอกเล่าเรื่องราวของ ชิซึคุกับเซอิจิที่ได้เติบโตมาเป็นผู้ใหญ่ ทั้งสองได้คบกันเป็นแฟนแต่ก็ต้องแยกกันอยู่ เพราะเซอิจิไปตามความฝันการเป็นนักเชลโล่มืออาชีพที่อิตาลี ส่วนชิซึคุกำลังตามฝันการเป็นนักเขียนอยู่ที่ญี่ปุ่นแต่ก็ยังไม่เป็นชิ้นเป็นอัน ทำได้แค่ใกล้เคียงด้วยการทำงานในสำนักพิมพ์หนังสือเด็ก หลายครั้งที่ทั้งคู่ท้อถอยกับความฝันของตัวเอง แต่พอนึกถึงกันและกันก็จะมีกำลังใจฮึดสู้อยู่เสมอ แต่ทางด้านชิซึคุเริ่มลังเลว่าการตามฝันของเธอมาเป็น 10 ปี มันดีแล้วหรอ เธอต้องเลือกอะไรกันแน่ระหว่างความฝันหรือความจริง ขอชื่นชมหนังเรื่องนี้สักหนึ่งย่อหน้าก่อน ชอบความที่หนังย้อนอดีตให้คนไม่เคยดูอนิเมะได้เข้าใจ และฉากย้อนอดีตต่าง ๆ ที่แฟน ๆ อนิเมะน่าจะชอบกัน เพราะหนังก็ได้รังสรรค์และสร้างมันขึ้นมาให้ได้ใกล้เคียงและคารวะฉากเด่นจากในอนิเมะมาให้ดีที่สุด และก็ทำได้ดีจริง ๆ ถึงแม้หนังจะไม่ได้ใช้เพลง Take Me Home, Country Roads ฉบับขับร้องญี่ปุ่นมาเป็นตัวขับเคลื่อนเรื่องราวแล้ว แต่ได้ใช้เพลงใหม่เข้ามาแทนที่ แน่นอนว่ามันแอบเสียดายและให้ความรู้สึกที่แตกต่างออกไป แต่ก็ต้องยอมรับว่ามันไพเราะจริง ๆ โดยเฉพาะฉากที่พระ-นางได้มาเล่นและร้องด้วยกัน หรือฉากที่พระเอกนั่งเล่นเชลโล่ในที่สาธารณะช่วงท้ายเรื่องก็งดงาม แต่...หลังดูจบต้องบอกตามตรงว่าหนังขาดเสน่ห์อะไรหลายอย่างมาก ๆ ตั้งแต่ต้นจนจบกราฟในทุก ๆ ด้านมันนิ่งมาก ทั้งอารมณ์ ความรู้สึก คือมันไม่มีฉากไหนที่ทำให้เรามีอารมณ์ร่วมกับมันได้เลย คือหนังพยายามแล้วนะ ด้วยการเล่าเรื่องในอดีตควบคู่ไปด้วย แต่มันน้อยไปจนไม่สามารถส่งผลทางด้านความรู้สึกต่อสองตัวละครเอกมาถึงคนดูได้เลย ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมหนังถึงเลือกตัดหลายอย่างให้มันกระชับ มันจึงกลายเป็นว่าหลาย ๆ อย่างในหนังมันดูไร้เสน่ห์มาก ๆ เลื่อนลอย จับต้องได้ยาก ไม่มีน้ำหนัก ในการตัดสินใจและการกระทำต่าง ๆ มันไม่ค่อยมีเหตุผลมารองรับการตัดสินใจเหล่านั้นเท่าไหร่ และที่สำคัญในฉบับหนังเราแทบจะไม่ได้เห็นสภาพบ้านเมืองที่ตัวพระนางอาศัยอยู่เลย ทั้ง ๆ ที่ในฉบับอนิเมะที่ว่าหลายฉากงดงามมากจนเราอยากเห็นมาในฉบับหนังเลย แต่หนังก็พยายามใช้ภาพโทนสีสวยสดชวนฝันมาให้สบายตาอยู่ ถึงแม้ประเด็นหลักของหนังยังคงเป็นเรื่องราว coming-of-age ความรัก ความฝัน เหมือนอย่างในอนิเมะ แต่หนังร้อยเรียงออกมาได้ไม่ได้ซึ้งกินใจ หรือน่าคล้อยตามไปมากกว่าฉบับอนิเมะเลยแม้แต่น้อย ฉบับอนิเมะแตะจุดนี้ได้ดีกว่าอย่างชัดเจน ถึงแม้มันจะไม่ได้ซึ้งกินใจน้ำตาไหล แต่มันเข้าใจและสัมผัสได้ มันเลยกลายเป็นเหมือนว่าเรื่องราวที่กำลังบอกเล่าต่อไปมันดูย่ำอยู่กับที่เกินไป เพราะโดยส่วนตัวยังคิดว่าหนังเหมือนไม่รู้จะไปต่อเรื่องราวยังไง เหมือนเอาเรื่องราวจากในอนิเมะมาวนกับปัญหาเดิม ๆ เพียงแต่ให้ตัวละครโตขึ้นเท่านั้น ซึ่งเราก็มองว่าตัวอนิเมะมันจบปลายเปิดเอาไว้แบบนั้นดีแล้ว มันกลมกล่อม ลงตัวและสมบูรณ์มากพอแล้ว ส่วนตอนจบในฉบับหนังก็หาทางออกง่ายเสียเหลือเกิน ง่ายแบบโคตรไม่น่าให้อภัย มันโลกสวยเกินไป... ทางด้านนักแสดงทั้งวัยเด็กและวัยผู้ใหญ่ ก็ถือว่าอยู่ในระดับมาตรฐานที่คอยประคับประคองเรื่องราวไปตั้งแต่ต้นจนจบเท่านั้น สรุปแล้ว Whisper of the Heart - วันนั้น วันไหน หัวใจบรรเลง เป็นหนังที่น่าผิดหวัง และขาดเสน่ห์อย่างเหลือเชื่อ ทั้งในแง่เปรียบเทียบกับฉบับอนิเมะ หรือในแง่ความเป็นหนังเดี่ยว ๆ ก็ตาม มันไม่สามารถมีจุดไหนที่ทำให้เราอิน คล้อยตาม หรือมีอารมณ์ร่วมไปกับตัวละครได้เลย
สรุปผลวิจารณ์หนัง
บทหนัง
4
การดำเนินเรื่อง
4
ดนตรีประกอบ
7
ฝีมือนักแสดง
6
กราฟฟิก
7
คะแนนเฉลี่ย
5.6
|
ยังไม่มีรีวิวหนังเรื่องนี้
ถูกใจ
ไม่ถูกใจ