หนัง Shin Ultraman หรือชื่อไทยว่า ชินอุลตร้าแมน สิ่งมีชีวิตปริศนาขนาดยักษ์ที่เกิดขึ้นเหนือธรรมชาติ "ไคจู" ที่เป็นภัยคุกคามระดับพิเศษ ได้ปรากฏตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนกลายเป็นเรื่องประจำวันของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งรัฐบาลของประเทศญี่ปุ่นไม่สามารถจัดการได้ จึงได้ทำการก่อตั้งทีมห้องปฎิบัติการพิเศษต่อต้านไคจู มีชื่อว่า "หน่วยเฉพาะกิจปราบปรามไคจู" ในระหว่างที่ภัยอันตรายของสัตว์ประหลาดกำลังเข้ามาใกล้ จู่ๆ มนุษย์ยักษ์สีเงิน ได้ปรากฏตัวขึ้นอย่างกระทันหัน เหนือชั้นบรรยากาศของโลก ผู้มีตัวตนปริศนา "อุลตร้าแมน" "เจ้ารักในมนุษย์มากขนาดนั้นเลยเหรออุลตร้าแมน"
As the threat of giant unidentified lifeforms known as \"S-Class Species\" worsens in Japan, a silver giant appears from beyond Earth's atmosphere.
ผู้ชมทั้งหมด
5,405 ครั้ง
|
เข้าฉาย
22 กันยายน 2565
|
ออกโรงแล้ว |
27 กันยายน 2565 13:55:47 (IP 49.49.255.xxx)
|
||
[รีวิว] SHIN ULTRAMAN - ชิน อุลตร้าแมน ต้องออกตัวก่อนว่าอุลตร้าแมนคือหนึ่งในความทรงจำวัยเด็กที่ดีของเรา เราคงไม่เรียกตัวเองว่าแฟนขนาดนั้นหรอก ภาพจำคือ อุลตร้าแมนสู้กับไคจู, ปล่อยแสง, มีตัวจับเวลา, มีหน่วยต่อต้าน เราเอ็นจอยกับมันแบบนั้น ดูแบบสนุก ผ่านม้วนเทปบ้างทีวีบ้าง ซื้อของเล่น ไม่ได้จดจำขนาดนั้นว่าตัวไหนชื่ออะไร ไคจูมีไรบ้าง คือเพลิดเพลินแบบเด็ก ๆ นั่นแหละ พอมาถึงในปี 2022 แบบนี้ เราก็หวังจะได้เห็นการปรากฏตัวอีกครั้ง และได้ปลุกความเป็นเด็กบางอย่างในตัวให้ได้กรี๊ดกร๊าดบ้าง พร้อมกับอยากชมความใหม่ ที่จริงจังในเวอร์ชันใหม่ของอุลตร้าแมน ในรูปแบบของ "Shin" พอเห็นคำว่า Shin แล้ว หลายคนคงจะรู้ว่าแนวทางของหนังจะเป็นแบบไหน หากคุ้นเคยกับหนังอย่าง Shin Godzilla (2016) ที่เน้นการเมืองอย่างเข้มข้น โทนหนังจริงจัง เหมือนนำเสนอในแง่มุมของมนุษย์ที่ต้องมาเผชิญกับ Godzilla มากกว่านำเสนอตัว Godzilla เป็นพระเอก และนั่นก็คือความคาดหวังที่อยากให้เกิดขึ้นกับ Shin Ultraman หากเทียบกับ Shin Godzilla แล้ว ทางด้าน Shin Ultraman ดูง่ายกว่ากันเยอะ ประเด็นการเมืองมันเล่าง่ายกว่า เพราะความจริงจังทุกอย่างมันดูดร็อปลง มีการเพิ่มฉากแอ็คชันมากขึ้น หยอดมุกตลกมา มันเลยกลายเป็นว่าความเข้มข้นจริงจังมันลดน้อยลงไปมาก ๆ อย่างที่บอกว่าภาพจำการเป็น "Shin" ใน Godzilla มันคือความสมจริง การเมืองข้น ประเด็นเข้ม ให้เห็นถึงแง่มุมของมนุษย์ กับการรับมือหายนะ ซึ่งใน Shin Ultraman มันก็เป็น มีบทพูดตลอดเวลา คือถ้าหลุดโฟกัสจากบทพูดอาจไม่รู้เรื่องเลยก็เป็นได้ เพราะตลอดทั้งเรื่องจะมีบทสนทนาให้อ่านแทบจะตลอดเวลาที่หนังดำเนินไป ซึ่งมันมีประเด็นที่น่าขยี้อยู่เต็มไปหมด ความโลภในการอยากครอบครองอุลตร้าแมน, การหวังอำนาจ, การอยากหาผลประโยชน์, ความเป็นมนุษย์, อุลตร้าแมนที่เปรียบเสมือนพระเจ้า คือประเด็นมันดีจริง ๆ เพียงแต่ว่า มันง้างมาแล้ว แต่ไม่เล่น แตะหลายอย่างแบบผิวเผิน เอาไม่สุดสักทาง และเลือกที่จะรีบเล่ารีบไปหาทางลงแต่ละองค์ด้วยการให้อุลตร้าแมนมาสู้และตัดจบอย่างง่ายดาย คือรู้เลยว่าจบองค์นี้แล้ว บางตัวนี่จบแบบอิหยังวะ แบบนี้ก็ได้หรอ เข้าใจว่าในเรื่องนี้คงจะเซอร์วิสแฟน ๆ เป็นแน่แท้กับตัวอุลตร้าแมน ผู้กำกับคงรู้ตัวว่า Shin Godzilla มันการเมืองจ๋าเกินไป เลยเบาลงมาดีกว่า อุลตร้าแมนในภาคนี้เลยกลายเป็นตัวหลัก ที่ไม่ใช่แบ็คกราวในการดำเนินเรื่องแบบ Godzilla ซะแล้ว แต่ต้องยอมรับว่าการปรากฏตัวของอุลตร้าแมนนี่โคตรเท่ ยิ่งฉากแรกนะ ชอบมาก การปรากฏตัวครั้งแรกของอุลตร้าแมนโคตรยอดเยี่ยม ตั้งแต่ลอยลงมา ปล่อยแสง คือแม่มเท่ทุกอริยาบถ ถึงแม้จะเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ ก็ตาม แต่ไม่ต้องห่วง เพราะเราจะได้เห็นการปรากฏตัวของอุลตร้าแมนแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วยมาก คือจุใจแฟน ๆ แน่ ๆ นี่คือจุดที่ชอบที่สุดของ Shin Ultraman แล้วมั้ง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นมันคือ Shin ไง เราอยากเห็นแบบใน Shin Godzilla พอมาแบบครึ่ง ๆ กลาง ๆ แบบนีก็รู้สึกไม่สุดเหมือนกัน แต่...ไม่รู้คิดไปเองหรือเปล่านะ กับเรื่องการเคารพต้นฉบับ คือเข้าใจว่าผู้กำกับอยากให้หนังมันเคารพต้นฉบับ ดูแล้ว Nostalgia หวนนึกถึงอดีต ทั้งการแปลงร่างแบบภาพแดง ๆ แว้ป ๆ แล้วอุลตร้าแมนขยายร่างมา หรือการเคลื่อนไหวที่แข็ง ๆ การบิน การขยับ คือเข้าใจว่าเค้าตั้งใจให้เป็นแบบนั้นเลย แต่ส่วนตัวกลับมาว่าพอมาอยู่ในยุคนี้มันแปลก เข้าใจว่าอยากเคารพต้นฉบับ แต่ ณ ตอนนั้นที่อุลตร้าแมนสร้างมันเก่ามากนะ มันคงจะมีข้อจำกัดต่าง ๆ มากมาย พอมาในยุคนี้ มาทำใหม่ มาเป็น "Shin" Ultraman อะ มันก็ควรจะทำให้มันสมจริง หรือไม่ต้องสมจริงก็ได้ ให้มันไม่ดูโบราณและแข็งทื่อขนาดนั้น บางฉากนี่กลางเป็นตลกไปเลย มันดูไม่ใช่เสน่ห์ที่เคารพต้นฉบับแล้วอะ มันน่าจะดีไซน์ออกมาได้ดีกว่านี้ อย่างเดียวที่เหมือนต้นฉบับแล้วรู้สึกดีคือการดีไซน์ตัวอุลตร้าแมน และการปล่อยลำแสงสเปเซี่ยมที่ฉากแรกเน้นว่าโคตรเท่ มุมกล้องในเรื่องนี้เราเฉย ๆ ทั้งการที่มีโฟร์กราวเยอะในหลาย ๆ ฉาก แต่เราติดตรงการตัดมุมกล้องไปมาหลายมุมในฉากเดียวนี่แหละ แรก ๆ ก็ไม่เท่าไหร่ ไป ๆ มา ๆ เริ่มรำคาญอย่างบอกไม่ถูกเหมือนกัน ส่วนทางด้านกราฟิกก็ไม่ได้ระดับฮอลลีวูดเนียนสมจริงขนาดนั้น หลายฉากก็ดูลอยอย่างเห็นได้ชัด และไม่พูดไม่ได้เลยเรื่องเพลงประกอบ ทำได้ดีมาก มีการใช้เพลงเก่ามาดัดแปลงใหม่ที่ยังคงกลิ่นอายแบบเดิม ที่คุ้นหู ทางนักแสดง ก็ไม่ได้มีอะไรโดดเด่น มีความเล่นใหญ่แบบหนังญี่ปุ่นส่วนใหญ่เป็น และก็มีความคาแรคเตอร์โบราณ ๆ เหมือนในหนังอุลตร้าแมนเป็นแต่ก่อนนั่นแหละ สรุปแล้ว Shin Ultraman เป็นหนังที่ดูได้ทุกคนแม้ไม่ใช่แฟนอุลตร้าแมน เด็ก ๆ ก็น่าจะดูได้นะ แต่อาจจะไม่เข้าใจพาร์ทการเมืองเท่าไหร่ ไปเอ็นจอยกับอุลตร้าแมนก็เพลินได้อยู่แหละมั้ง เสียดายที่แอบคาดหวังว่าจะได้รับความจริงจัง แง่มุมของมนุษย์ ประเด็นการเมือง ความเอารัดเอาเปรียบ ความเป็นมนุษย์ ความบ้าอำนาจมากกว่านี้ แต่ก็ได้ความเป็นอุลตร้าแมนเท่ ๆ มาทดแทนและเติมเต็มเพื่อไม่ให้หนังมันน่าเบื่อจนเกินไป พูดง่าย ๆ คือชอบอุลตร้าแมนในเรื่องนี้ แต่ไม่ค่อยชอบเนื้อเรื่องที่มันไม่จริงจังและแตะอย่างผิวเผินสักเท่าไหร่ ไป ๆ มา ๆ กลายเป็นชอบ Shin Godzilla มากกว่าเฉยเลย สรุปผลวิจารณ์หนัง
บทหนัง
5
การดำเนินเรื่อง
5
ดนตรีประกอบ
9.5
ฝีมือนักแสดง
6
กราฟฟิก
7
คะแนนเฉลี่ย
6.5
|
ยังไม่มีรีวิวหนังเรื่องนี้
ถูกใจ
ไม่ถูกใจ