หนัง Creed III หรือชื่อไทยว่า ครี้ด 3 ผลงานจาก Metro Goldwyn Mayer Pictures สู่ “Creed III” กับ ไมเคิล บี. จอร์แดน ผู้ผันตัวมารับหน้าที่กำกับภาพยนตร์ และกลับมารับหน้าบทบาท อโดนิว ครีด ในภาคต่อลำดับที่สามของแฟรนไชส์ดัง ภาพยนตร์ร่วมแสดงโดย เทสซา ธอมป์สัน (แฟรนไชส์ “Creed”, “Passing”), โจนาธาน เมเจอร์ส (“Da 5 Bloods,” “Lovecraft Country”), วูด แฮรร์ริส (แฟรนไชส์ “Creed”, “Blade Runner 2049”), ฟลอเรียน มันทิอานู (“Creed II,” “Shang-Chi and the Legend of the Ten Rings”) พร้อมนักแสดงหน้าใหม่ มิลา เคนท์, ฟิลิเซีย ราเชด (แฟรนไชส์ “Creed”, “Soul”) จอร์แดน กำกับภาพยนตร์จากบทภาพยนตร์เขียนโดย คีแนน คูเกลอร์ (“Space Jam: A New Legacy”) และแซ็ค เบย์ลิน (“King Richard”) จากเรื่องราวโดย ไรอัน คูเกลอร์ (“Black Panther: Wakanda Forever”) รวมถึง คีแนน คูเกลอร์ และแซ็ค เบย์ลิน อำนวยการสร้างโดย เออร์วิน วิงก์เลอร์, ชาร์ลส์ วิงก์เลอร์, วิลเลียม ชาร์ตอฟฟ์, เดวิด วิงก์เลอร์, ไรอัน คูเกลอร์, ไมเคิล บี. จอร์แดน, เอลิซาเบ็ธ ราโปโซ, โจนาธาน กลิกแมน และซิลเวสเตอร์ สตอลโลน ควบคุมการสร้างโดยทีมเอ็กซ์เซ็กคูทีฟ เซฟ โอฮาเนียน, ซินซี คูเกลอร์, นิโคลัส สเติร์น และอดัม โรเซ็นเบิร์ก พร้อมด้วยทีมเบื้องหลังคุณภาพ ผู้กำกับภาพ เครเมอร์ มอร์เก็นธู (“Creed II,” “Thor: The Dark World”), นักออกแบบงานสร้าง จาห์มิน อัสซา (“mid90s,” “Angelyne”), นักตัดต่อ ไทเลอร์ เนลสัน (“The Batman,” “Rememory”), นักออกแบบเครื่องแต่งกาย ลิซ วูล์ฟ (“Creed II,” “Pacific Rim: Uprising”) ประพัมธ์บทเพลงประกอบโดย โจเซฟ เชอร์ลีย์ (“Jackass Forever,” “The Book of Boba Fett”)
After dominating the boxing world, Adonis has been thriving in his career and family life. When a childhood friend and former boxing prodigy resurfaces, the face off between former friends is more than just a fight.
ผู้ชมทั้งหมด
4,754 ครั้ง
|
เข้าฉาย
2 มีนาคม 2566
|
ออกโรงแล้ว |
6 มีนาคม 2566 01:34:50 (IP 49.228.106.xxx)
|
||
[รีวิว] CREED III การกลับมาอีกครั้งของแฟรนไชส์ Creed ที่ย้อนไปภาคที่ 2 ก็เป็นระยะเวลากว่า 5 ปีมาแล้ว และไม่คิดด้วยว่ามันจะมีภาคต่อออกมา จุดเริ่มต้นตั้งแต่ 8 ปีที่แล้ว เรื่องราวของ Adonis Creed (Michael B. Jordan) นักมวย no name underdog ลูกชายของนักชกชื่อดัง Apollo Creed ที่พยายามสร้างชื่อให้เส้นทางการชกของตัวเองของ ฝึกฝนและบ่มเพาะโดย Rocky Balboa (Sylvester Stallone) จนก้าวขึ้นมาเป็นแชมป์โลก และในครั้งนี้มันคือการก้าวเข้ามากำกับหนังครั้งแรกของตัว Michael B. Jordan ด้วย ในภาคนี้จะบอกเล่าเรื่องราวของ Adonis Creed ที่ต้องมารับมือกับอดีตอันมืดมนที่มาในรูปแบบของเพื่อนรัก Damian Anderson (Jonathan Majors) ทำให้ Creed ต้องเผชิญหน้ากับอดีตที่มากกว่าการลงสังเวียน อย่างที่บอกไปย่อหน้าแรกว่าไม่คิดว่ามันจะมีภาคต่อ และก็คิดไม่ออกว่าเรื่องราวมันจะออกทางไหนได้ เอาจริง ๆ ภาคสองจบสวยละนะ พอมาในภาคนี้เรื่องราวมาเล่นกับอดีตในวัยเด็กของ Adonis โดยส่วนตัวก็รู้สึกว่ามันค่อนข้างแถละจับยัดไปเสียหน่อย คือมันไม่เคยมีการกล่าวถึงพูดถึงหรืออะไร พอจู่ ๆ มันโผล่มาก็แปลก ๆ เกิดเป็นดราม่าต่าง ๆ มากมาย คือเหมือนเรื่องมันพยายามให้ Adonis กับ Damian ชกกันให้ได้ มันดูไม่ค่อยสมเหตุสมผลสักเท่าไหร่ นี่เป็น Creed ภาคที่มีความยาวสั้นที่สุดในแฟรนไชส์เลยทีเดียว แต่กลับมีประเด็นมากมายให้พูดถึง ทั้งเรื่องอดีต, เรื่องแฟน, เรื่องลูก, เรื่องแม่ คือมันไม่สามารถเคลียร์หมดทุกประเด็นได้ ต่อให้บางประเด็นเคลียร์ก็ไม่ได้ลงลึกชวนให้อินตามในประเด็นในเรื่อง เรื่องที่น่าเสียดายที่สุดคือการไม่มีตัวละครอย่าง Rocky Balboa มันทำให้ดราม่าเบาลงอย่างเห็นได้ชัด การไม่มี Mentor มาคอยแนะนำคอยชี้แนะ เตือนสติ เหมือนอย่างภาคก่อน ๆ ก็ทำให้เสน่ห์บางอย่างมันหายไป ในแง่ของบทเข้าใจได้ว่าตัวละคร Adonis เติบโตแล้ว อยากหลุดพ้นจากอดีตตัวละครอย่าง Rocky แล้วสร้างอนาคตใหม่ แต่ควรให้น้ำหนักและเหตุผลการหายไปของตัวละคร Rocky หน่อยก็ยังดี ถึงแม้เหตุผลการถอนตัวของ Stallone คือความเห็นไม่ตรงกันกับคนอื่นก็ตาม พอไม่มีตัวละครนี้ การตัดสินใจของ Adonis ในภาคนี้จะเหมือนกลายเป็นคนอยากทวงแค้นอยากเอาชนะ ตัดสินใจไม่สมกับเป็นคนที่มีประสบการณ์มามากมาย แต่สิ่งที่น่าชื่นชมที่สุดในเรื่องนี้คือฉากบนเวทีมวยนั่นแหละ ดุเดือด จัดหนัก จัดเต็ม อาจจะไม่ได้มีฉาก Long Take ล้ำ ๆ เหมือนอย่างภาคแรก หรือดราม่าบนเวทีเหมือนภาค 2 แต่มันถูกทดแทนด้วยเสียง sfx แน่น ๆ, ดนตรีประกอบมันส์ ๆ, การตัดสลับมุมคม ๆ, มุมภาพ CU+ECU, การ slow-motion สุดล้ำเห็นเม็ดเหงื่อ น้ำลายกระเด็น, มีความแฟนตาซีด้วย คือดูแล้วเพลินสนุกมากจริง ๆ โดยเฉพาะซีนซัดกันของ Adonis กับ Damian มันส์มาก น่าเสียดายที่แอบรู้สึกว่าการปูมาถึงจุดไคลแม็กปะทะกันตอนจบมันรวดเร็วมาก และฉากสู้กันก็จบหาทางลงง่ายไปเสียหน่อย การแสดงอันน่าชื่นชมในเรื่องนี้ขอยกให้กับ Jonathan Majors เลย การปรากฏตัวแต่ละฉากแต่ละซีนดูมีของมาก ๆ ดูอันตราย บทจะร้ายก็ร้ายถึง บทจะน่าเห็นใจก็ทำได้ดี คือเราว่าแทบจะกลบการแสดงของ Michael B. Jordan เลยทีเดียว ยิ่งตอนลงนวมท่าทางเป็นเอกลักษณ์มาก ดูดุดันมากจริง ๆ คือไม่ใช่ว่า Michael B. Jordan แสดงไม่ดีนะ แต่ในภาคนี้การแสดงของเขา อาจจะเพราะด้วยบทก็ไม่ได้มีอะไรที่แตกต่างหรือน่าชื่นชมไปมากกว่า 2 ภาคแรกสักเท่าไหร่ สรุปแล้ว Creed III ยังคงเป็นหนังชกมวยดราม่า ที่ในภาคนี้ฉากบนสังเวียนเดือด สนุกและเพลินมาก ถึงแม้จะยังคงมีดราม่าแต่ก็ไม่ได้ขยี้ได้มากเท่าที่ควร และไม่ค่อยสมเหตุสมผลเท่าไหร่ ประเด็นก็มากมายเกินไป การไม่มีตัวละคร Rocky ก็ส่งผลมากกว่าที่คิด ในภาพรวมอาจไม่ได้น่าประทับใจเท่าภาคแรก แต่ก็ยังตอบโจทย์ความเป็นหนังชกมวยดราม่าได้เป็นอย่างดี สรุปผลวิจารณ์หนัง
บทหนัง
6
การดำเนินเรื่อง
6
ดนตรีประกอบ
8
ฝีมือนักแสดง
8
กราฟฟิก
9.5
คะแนนเฉลี่ย
7.5
|
ยังไม่มีรีวิวหนังเรื่องนี้
ถูกใจ
ไม่ถูกใจ