หนัง Batman v Superman: Dawn of Justice หรือชื่อไทยว่า แบทแมน ปะทะ ซูเปอร์แมน แสงอรุณแห่งยุติธรรม ด้วยความเกรงกลัวของการกระทำของซูเปอร์ฮีโร่ที่เหมือนพระเจ้า วีรบุรุษไร้เทียมทานแห่ง Gotham ได้ท้าทายผู้ปลดปล่อยและเป็นที่เคารพนับถือมากที่สุดแห่งปัจจุบัน ขณะเดียวกันโลกก็ต้องต่อสู้กับสิ่งที่ฮีโร่ต้องเผชิญ โดยระหว่างที่แบทแมนกับซูเปอร์แมนทำศึกสงครามกันได้เกิดมหันตภัยร้ายขึ้นอย่างรวดเร็ว จนมนุษยชาติต้องพบกับอันตรายที่เลวร้ายกว่าที่เคยเจอ
Batman v Superman: Dawn of Justice Fearing the actions of a god-like Super Hero left unchecked, Gotham City's own formidable, forceful vigilante takes on Metropolis' most revered, modern-day savior, while the world wrestles with what sort of hero it really needs. And with Batman and Superman at war with one another, a new threat quickly arises, putting mankind in greater danger than it's ever known before.
ผู้ชมทั้งหมด
47,239 ครั้ง
|
เข้าฉาย
24 มีนาคม 2559
|
ออกโรงแล้ว |
24 มีนาคม 2559 18:27:08 (IP 171.96.244.xxx)
|
||||||||||||||||||||
Batman v Superman : Dawn of Justice - แบทแมน ปะทะ ซูเปอร์แมน แสงอรุณแห่งยุติธรรม 153 min | Action/Fantasy | Directed by Zack Snyder
สิ้นสุดการรอคอยกับหนังที่ต้องบอกก่อนเลยว่าเปรียบเสมือนเป็นวงเปิดของจักรวาลภาพยนตร์ดีซี(อย่างเป็นทางการ แม้ว่าจะแย๊บๆมาก่อนแล้วใน Man of Steel) ซึ่งการมาครั้งนี้เขาไม่ได้มาเล่นๆแต่เพื่อสร้างความต่อเนื่องของภาพยนตร์ซุปเปอร์ฮีโร่ดีซีให้มีความเชื่อมต่อกันเป็นจักรวาลอีกครั้ง และเพื่อที่จะนำพาทั้งหมดไปสู่หนังรวมฮีโร่ของค่ายดีซี "จัสติซ ลีก" นั่นเอง และที่ยิ่งกว่านั้นวงเปิดที่ผมว่านี้ยังหยิบ 2 ฮีโร่ที่ดังที่สุดตลอดกาลของค่ายมาเผชิญกัน แบทแมน ปะทะ ซุปเปอร์แมน ความคาดหวังทั้งจากแฟนดีซีเอง แฟนฮีโร่หรือแม้กระทั่งคนดูหนังทั่วไป แน่นอนว่าสูงมาก และยังได้ผกก.เจ้าเก่าจากหนังซุปก่อนหน้านี้มากำกับด้วย โดยเนื้อเรื่องจากตัวอย่างเล่าต่อเนื่องจาก Man of Steel แต่เป็นอีกมุมมองนึง เมื่อการต่อสู้ของซอดและซุปส่งผลกระทบทำให้ผู้บริสุทธิ์ต้องล้มตายเป็นจำนวนมาก และในจำนวนนั้นเองก็มีเหล่าลูกน้องและพนักงานของบรูซ เวย์น ทำให้เขาเองโกรธแค้นมาก และต้องการที่จะหาทางเพื่อโค้นล้มซุปเปอร์แมน เพื่อแก้แค้นด้วย หลังจากที่ผมดูจบสิ่งแรกที่ผมรู้สึกเลยคือทางวอร์เนอร์เดินหมากพลาดที่ปล่อยสิ่งที่อาจจะเซอร์ไพร์สคนดูอย่าง วอนเดอร์วูแมนก็ดี หรือตัวร้ายหลักของเรื่องอย่างดูมส์เดย์ก็ดี ซึ่งมันทำให้ตลอดหนังทั้งเรื่องขาดความเซอร์ไพร์สในส่วนนี้ไป แถมด้วยความยาวของหนังซึ่งนานพอสมควร แต่ตัวผกก.เหมือนพยายามที่จะเล่าหลายๆสิ่งหลายๆอย่างเพื่อปูไปยังจัสติซลีกมากเกินไป จนไม่รู้ว่าตกลงหนังเรื่องนี้จะเล่าอะไรกันแน่ !? และที่ชัดเจนที่สุดคือแซ็ค ชไนเดอร์เองเหมือนจะลืมไปว่า title ของหนังคือ Batman v Superman แต่ผมเองกลับรู้สึกว่าพวกเขาไม่ได้ปะทะกันมากเท่าไหร่นัก ซีนปะทะหลายต่อหลายซีนถูกเผยให้เห็นเกือบหมดแล้วในตัวอย่างนั่นทำให้หนังเองค่อนข้างล้มเหลวเป็นอย่างมาก ยิ่งในช่วงต้นเรื่องที่พยายามปูหลายสิ่งหลายอย่างจนน่าเบื่อ เพราะขาดความกระชับ และเต็มไปด้วยข้อมูลมากมาย จนทำให้คนดูหลุดโฟกัสจากหนังไปได้ ส่วนหนึ่งอาจจะเพราะว่าพล็อตหลักไม่แข็งแรง ซับพล็อตที่มากไป รวมไปถึงการตัดต่อที่แย่ทำให้อรรถรสในการติดตามช่วงต้น-กลางเรื่องนั้นล้มเหลว สปอย
ในส่วนของความสนุก ฉากแอคชั่นก็น่าตื่นตาตื่นใจโดยเฉพาะช่วงท้ายของเรื่องถือว่าปลุกคนที่หลับอยู่ให้ตื่นขึ้นมาได้เลย อึกทึกครึกโครมและมีความวินาศสันตะโร (คล้ายคลังกับช่วงท้ายของ Man of Steel) แต่ถ้าเราจะมองภาพรวมของหนังจริงๆในส่วนของความมันส์นั้นมันเป็นสัดส่วนที่น้อยมากจริงๆ แต่ส่วนที่หนังน่าจดจำนั้นกลับเป็นส่วนที่ผิดคาดนั่นก็คือทีมนักแสดง โดยเฉพาะ เบ็น แอ็ฟเฟล็ก ในบทบาทแบทแมน และ เจเรมี่ ไอรอนส์ ในบทบาทอัลเฟร็ดนั้น ออกมาดีมาก ใครที่เคยเล่นเกมแบทแมน (โดยเฉพาะ arkham) อาจจะได้เห็นซีนเจ๋งๆระหว่างสองคนนี้อยู่บ้าง สปอย
ส่วนอีกอย่างนึงคือลูกเล่นในการพรีเซนท์ตัวละครลับต่างๆที่จะมาในอนาคตทำได้น่าสนใจมากๆ ตรงนี้จี๊ดสุดเลย กล่าวโดยรวม Batman v Superman ค่อนข้างน่าผิดหวัง อาจจะเพราะว่าผมเองก็คาดหวังไว้กับเรื่องนี้มากๆ แต่อาจจะเป็นเพราะตัวผกก.แซ็คเองอาจจะไม่เพียงพอในการแบกหนังสเกลใหญ่แบบนี้ไว้ ทำให้ภาพรวมหนังค่อนข้างน่าเบื่อ และน่าเสียดายที่ออกมาไม่ดีเท่าที่ควรครับ .. สรุปผลวิจารณ์หนัง
บทหนัง
6
การดำเนินเรื่อง
5
ดนตรีประกอบ
7
ฝีมือนักแสดง
8
กราฟฟิก
7
คะแนนเฉลี่ย
6.6
|
ยังไม่มีรีวิวหนังเรื่องนี้
ถูกใจ
ไม่ถูกใจ