หนัง Maze Runner 3 หรือชื่อไทยว่า เมซ รันเนอร์ ไข้มรณะ โทมัสรู้ว่าเหล่า Wicked นั้นไม่สามารถเชื่อใจได้ แต่พวกเขาบอกว่าเวลาแห่งการโกหกนั้นได้จบสิ้นลงแล้ว พวกเขาได้สิ่งที่ต้องการทั้งหมดจากวงกตและเหล่า Gladers เป็นที่เรียบร้อย ด้วยความทรงจำที่กลับคืนมาทั้งหมด โทมัสได้เข้าร่วมภารกิจสุดโหดหิน เพื่อให้เหล่า Gladers ได้เติมเต็มพิมพ์เขียวของการรักษาโรคไข้แฟลร์ แต่ Wicked ไม่รู้ว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นนอกเหนือจากที่พวกเขาคาดการณ์เอาไว้ โทมัสสามารถจดจำได้มากกว่าที่พวกเขาคิด และเขารู้ว่าเขาจะไม่สามารถเชื่อคำพูดของ Wicked ได้อีกต่อไป เวลาแห่งการโกหกจบลงแล้ว แต่ความจริงนั้นอันตรายมากกว่าที่โทมัสจะจินตนาการได้ จะมีใครสามารถรอดไปจาก Death Cure ได้หรือไม่?
ผู้ชมทั้งหมด
41,630 ครั้ง
|
เข้าฉาย
25 มกราคม 2561
|
ออกโรงแล้ว |
31 มกราคม 2561 19:05:26 (IP 110.171.229.xxx)
|
||
Maze Runner The Death Cure ผู้กำกับเทหมดหน้าตัก เหมือนจะไม่ได้กลับมาทำแล้ว!! นับตั้งแต่ปี 2014 The Maze Runner เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ ก็ทำเอาหลายคนสนุกสนานและอยากติดตามซีรี่ย์วงกตมฤตยู เรื่อยๆ จนจบ แต่เนื่องด้วยอะไรก็ไม่ทราบ 1 ปีถัดมาเหมือนจะมีเวลาสร้างน้อยเกินไป ทำให้ภาค 2 ของซีรี่ย์ชุดนี้นั้น ไม่ค่อยเป็นที่ชอบของกลุ่มแฟนๆ หนัง หรือหนังสือเองก็ตาม ทำให้ภาคที่ 3 นั้นต้องทำการบ้านกันยกใหญ่ และเดิมทีภาคที่ 3 นั้นมีกำหนดฉายในปี 2017 แต่ก็มีเหตุต้องเลื่อนฉายไปอีก 1 ปี เนื่องด้วยขณะถ่ายทำนั้น นักแสดงที่เล่นเป็นพระเอกของเรื่อง ได้ประสบอุบัติเหตุจนกระดูกร้าวต้องเลือนถ่าย ไปยาวๆ เพื่อรอพี่แกพักฟื้น ทำให้ยิ่งมีเวลาทำการบ้านในการถ่ายทำมากยิ่งขึ้นไปอีก จนในที่สุดก็ถ่ายทำจนจบ และเริ่มออกฉายไปเมื่อวันที่ 25 มกราคมที่ผ่านมา เนื้อเรืองเองนั้นเล่าต่อจากภาคที่แล้วไปหลายเดือน กับภาระกิจช่วยเพื่อนๆที่โดน WCKD จับตัวไปทดลองในตอนจบของภาคก่อน Point หลักของเรืองคือการบุกไปช่วยมินโฮ หนุ่มเอเชียขวัญใจสาวๆ นั่นเอง ทำให้เนื้อเรื่องถ้านับกันตามตรง เป็นภาคที่เนื้อเรื่องนั้นไม่ได้มีการนำพาไปผจญภัยหลากหลายสถานที่ ในแบบภาคก่อนแต่อย่างใด และเป็นภาคที่พยายามที่จะเฉลยปมต่างๆ ที่ค้างคากันมานานตั้งแต่ภาคแรก ว่าทำไมถึงต้องเอาเด็กๆ ไปใส่ไว้ในวงกต หลังจากดูจบต้องบอกเลยว่าภาคนี้เป็นอะไรที่เกินความคาดหมายไปมาก เนื่องจากผมเองก็ไม่เคยติดตามหรืออ่านหนังสือเต็มๆ ซักที แต่จากที่เคยคาดการณ์ไว้จากโทนหนังของภาค 1-2 ทำให้ในภาค 3 นี้นั้น เกินที่จินตนาการไว้มากๆ ไม่นึกว่าตัวหนังช่วงท้ายจะดำเนินมาในทางนี้ได้ และที่ยิ่งประหลาดในมากไปกว่านั้นคือ หลังจากดูจบผมถึงกับต้องไปเสิร์ชหาข้อมูลทุนสร้างของภาคนี้ ผลประกฏว่า เป็นหนังที่ใช้ทุนสร้างไม่ถึง 100 ล้านเหรียญสหรัฐเลยด้วยซ้ำ แต่ผู้กำกับสามารถสร้างสรรค์ฉากต่างๆ ในเรื่อง ให้ดูเวอร์วังอลังการชนิดที่ว่า นึกว่าใช้ทุนสร้าง 150 ล้าน UP แบบหนังฟอร์มยักษ์เรื่องอื่นๆ เลยจริงๆ จุดนี้ขอชมในตัวผู้กำกับเลยทีเดียว ยิ่งไปกว่านั้น ในระบบ IMAX ได้มีการทำอัตราส่วนภาพขยาย ทำให้เห็นภาพกว้างกว่าระบบทั่วไปถึง 26% ตลอดทั้งเรื่อง ระบบ IMAX ทำให้หนังที่อลังอยู่แล้ว ดู Epic มากขึ้นไปอีก จนผมต้องไปซ้ำในระบบ IMAX มาถึง 2 รอบเลยก็ว่าได้ อยากให้คนที่ยังไม่ได้ดูไปลองระบบนี้จริงๆ สุดท้ายแล้ว Maze Runner The Death Cure เป็นภาคที่3 เนื่อเรื่องจากหนังสือเล่มสุดท้ายที่วางแผนทำเป็นหนังภาคเดียวแบบจัดหนักจัดเต็ม รวบรัดได้ดีเอามากๆ ไม่ต้องไปตามเทรนหนังที่ทำจากหนังสือ ที่มักจะแบ่ง Part เล่มสุดท้ายเป็นหนัง 2 ภาค และกลับทำให้หนัง 2 ภาคนั้นมีแต่น้ำล้วนๆ ไม่มีเนื้อเลย อันนี้ขอชมอีกเช่นกันว่าคิดถูกแล้วที่ตัดจบในภาคเดียว สมการรอคอยอย่างมาก 8.5/10 สรุปผลวิจารณ์หนัง
บทหนัง
9
การดำเนินเรื่อง
8.5
ดนตรีประกอบ
8
ฝีมือนักแสดง
8
กราฟฟิก
9
คะแนนเฉลี่ย
8.5
|
||
29 มกราคม 2561 01:12:26 (IP 134.196.241.xxx)
|
||
Maze Runner: The Death Cureรีวิวในระบบ IMAX 2D หลังจากจบภาคที่ 2 หรือภาค The Scorch Trials เราก็รอคอยมาอีกสามปี ในที่สุดก็มาถึงบทสรุปไตรภาค ใน The Death Cure ด้วยความเป็นแฟนหนังเรื่องนี้ เลยไปดูในระบบ IMAX มา ก็ต้องบอกต่อว่าภาพเต็มตามาก เสียงดีที่สุด ดีกว่าโรงธรรมดาหลายเท่านัก ใครที่เป็นแฟนภาพยนตร์เรื่องนี้ก็แนะนำให้ดูในระบบนี้เท่านั้น คุ้มค่าแน่นอนครับ สำหรับตัวหนัง ก็แอบผิดหวังพอสมควร แค่ฉากเปิดเรื่องก็แย่พอสมควรเลยแหละ ไม่สมเหตุสมผลแบบสุดๆ และผมคิดว่าเป็นฉากที่แย่ที่สุดในบรรดาสามภาค ฉากเปิดเรื่องพยายามทำให้ดูว่าตัวละครฉลาด มีการวางแผน แต่ตัวหนังมันไม่สามารถจะสื่อถึงแบบนั้นได้เลย มันมีแต่ความไม่สมเหตุสมผล ดูไปถอนหายใจไป หลังจากผ่านฉากแรกไป ยังมีอีกหลายฉากที่ไม่สมเหตุสมผล (คือรู้แหละว่าเป็นหนัง แต่มันรับไม่ได้จริงๆ) แอบเสียดาย ที่เป็นภาคจบ น่าจะทำได้ดีกว่านี้ แต่ก็ยอมรับว่า หนังมีอะไรให้เซอร์ไพรส์ตลอดเวลา ตัวละครในหนังก็มีพัฒนาการทั้งในตัวบท และการแสดงที่ดีขึ้น ดูลื่นไหลไม่ติดขัด ภาคนี้ดราม่าพอสมควร จนบางทีถึงขั้นเยอะไป นึกย้อนกลับไปภาคแรก ที่วางปมไปเรื่อยๆ ให้คนดูติดตามจนจบ แต่ภาคนี้กลับไม่ได้สร้างปมอะไรไว้เลย มีแค่ดราม่า ความไม่สมเหตุสมผล ตอนจบก็ไม่ได้ลุ้นอะไรมากมาย ก็คิดว่าภาคนี้แย่ที่สุดสำหรับตัวผมเลย แต่ข้อดีก็มีนะ ด้วยระบบเสียง IMAX ทำให้ตื่นเต้นกับตัวหนังตลอดเวลา บางทีเสียงดังจนพื้นโรงหนังสั่น(ชอบมาก) และหนังก็มีหักมุมของเนื้อเรื่องพอสมควรทำให้ไม่เบื่อ ถ้าดูใน IMAX ภาพก็เต็มตาด้วย จอใหญ่ตามสัดส่วน IMAX เลย ราคาอาจแพงหน่อย แต่คุ้มจริงๆ นะ สุดท้ายก็ยอมรับว่าผิดหวังพอสมควร แต่ก็ดีใจที่เรื่องนี้ปิดฉากได้สมบูรณ์ (ไม่เหมือน Divergent ที่โดนตัดออก เพราะทำเงินได้ไม่ดี เซงมากเรื่องนั้น) ปล.มินโฮนี่อ้วนขึ้นมากนะ 555+ สรุปผลวิจารณ์หนัง
บทหนัง
5.5
การดำเนินเรื่อง
5
ดนตรีประกอบ
7
ฝีมือนักแสดง
7.5
กราฟฟิก
6
คะแนนเฉลี่ย
6.2
|
ยังไม่มีรีวิวหนังเรื่องนี้
ถูกใจ
ไม่ถูกใจ