หนัง Red Sparrow หรือชื่อไทยว่า หญิงร้อนพิฆาต ภาพยนตร์ ""Red Sparrow"" เป็นเรื่องราวของ โดมินิก้า เอโกโรวา (เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์) ถูกบังคับให้เข้ารับการฝึกฝนเพื่อเป็น ""สแปร์โรว์"" นักล่อลวงสาวประจำกองกำลังรักษาความปลอดภัยรัสเซีย โดมินิก้าต้องเรียนรู้ที่จะใช้ร่างกายของเธอเป็นอาวุธ แต่ยังต้องดิ้นรนเพื่อรักษาความเป็นตัวเองไว้ ท่ามกลางการฝึกฝนที่ลดทอนความเป็นมนุษย์ลงทุกที หญิงสาวค้นพบพลังของตนท่ามกลางระบบอันไม่เป็นธรรม และได้กลายเป็นหนึ่งในทรัพยากรที่แข็งแกร่งที่สุดจากการฝึกฝนนี้ เป้าหมายแรกของเธอคือ เนท นาร์ช (โจเอล เอ็ดเกอร์ตัน) เจ้าหน้าที่ซีไอเอผู้รับผิดชอบหน่วยงานที่อ่อนไหวที่สุดอย่างหน่วยงานข่าวกรองสายลับรัสเซีย เมื่อเจ้าหน้าที่หนุ่มสาวทั้งสองจมดิ่งสู่วังวนแห่งความหลงใหลและหลอกลวง กระทบต่อทั้งหน้าที่การงาน ความจงรักภักดี และความมั่นคงของประเทศตน ภาพยนตร์สร้างขึ้นจากนวนิยายที่เขียนโดยอดีตเจ้าหน้าที่ซีไอเอ เจสัน แมธธิว ""Red Sparrow"" เป็นการพบกันอีกครั้งระหว่างนักแสดงสาว เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์ และผู้กำกับ ฟรานซิส ลอว์เรนซ์ จาก The Hunger Game สมทบโดย โจเอล เอ็ดเกอร์ตัน, มาทิอัส โชนาร์ท, ชาร์ลอต แลมพลิง, แมรี่-หลุยส์ ปาร์กเกอร์ และ เจเรมี่ ไอรอนส์
Ballerina Dominika Egorova is recruited to 'Sparrow School' a Russian intelligence service where she is forced to use her body as a weapon. But her first mission, targeting a CIA agent, threatens to unravel the security of both nations.
ผู้ชมทั้งหมด
27,647 ครั้ง
|
เข้าฉาย
1 มีนาคม 2561
|
ออกโรงแล้ว |
18 มีนาคม 2561 21:54:52 (IP 171.5.232.xxx)
|
||
โดนของแรง - รีวิว RED SPARROW ฉบับเด็กเดินตั๋ว
ทุ่มกาย ทุ่มใจไปไม่น้อยสำหรับนักแสดงนำอย่าง ’เจนิเฟอร์ ลอวเรนซ์’ เป็นการพลิกบทบาท และพิสูจน์ตัวเองครั้งรุนแรงอย่างยิ่งสำหรับเธอ สำหรับบทที่โหด หนักหน่วง ใช้ทักษะการแสดงและการฝึกซ้อมอย่างมาก และการเผชิญกับการเล่นบท ‘เปลือย’ แบบ ‘ทั้งตัว’ ครั้งแรกของเธออีกด้วย เรด สแปโรว์สร้างจากนวนิยายขายดีของอดีตเจ้าหน้าที่สายลับของอเมริกัน กำกับการแสดงโดยฟรานซิสท์ ลอว์เรนซ์ (ผู้กำกับ The Hunger Game) เป็นหนังสายลับที่ไม่แอคชั่นบู๊ระห่ำแบบเจมส์ บอนด์ หรือ MI และไม่รื่นเริงบันเทิงใจแบบ สปาย หรือ เดอะแมนฟอร์มอังเคิล เรดสแปโรว์มีความหนักหน่วง โหด ดิบ เถื่อน อึดอัด ซับซ้อน เฉือนคมกันแบบสุดๆ ไปเลย ซึ่งเป็นสไตล์ทริลเลอร์ ดราม่า ฉากบู๊ก็สมจริงสมจังมากๆ ฉากทรมานก็บีบอารมณ์สุดๆ ความอึดอัดของตัวละครถูกถ่ายทอดจนคนดูแทบปวดกบาลและอึดอัดตามไปด้วย (เล่นเอาซะดูเสร็จปวดหัวหนักเลย) อารมณ์พาให้นึกถึงแนว ‘แบล็กสวอน’ หรือ ‘แดนเซอร์อินเดอะดาร์ก’ มากกว่าหนังแอคชั่นสนุกๆ เรื่องนี้จะดีจะร้ายอยู่ที่เจนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์เลย เธอแสดงและนำพาหนังไปทั้งเรื่อง ผู้ชมได้รับรู้มิติ อารมณ์ตัวละครและการดำเนินเรื่องเสมือนกำลังอ่านนิยายเล่มนี้อยู่จริงๆ เลยก็ว่าได้ เจลอว์เก็บรายละเอียดได้ดีมาก ทุกการแสดงดูมีมิติ ความนึกคิดที่ส่งผ่านเธอมาได้อย่างรุนแรง เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เธอแสดงได้อย่างดาร์กรุนแรงขั้นสุด อุ้มชูหนังไว้ได้ทั้งเรื่องจริงๆ แค่ได้เข้าไปดูการแสดงของเธอก็คุ้มค่าแล้ว สมราคานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมตุ๊กตาทอง (ออสการ์) จริงๆ และสำหรับฉากนู้ดต่างๆ ไม่ได้มาทางเดียวกับ Fifty Shade of Grey เลย ต่างออกไปมากทีเดียว ยิ่งดูยิ่งเครียดหนัก ถ่ายทอดออกมาได้รุนแรงมากๆ งานสร้างต่างๆ ดูแล้วน่าชื่นชม ฉากทุกอย่างดูมีรายละเอียดและคาแรกเตอร์ของมัน การออกแบบชุด เสื้อผ้าหน้าผม ฉากประกอบพาเราไปอยู่ที่ฉากนั้นอย่างเนียนสนิท ไม่ว่าจะรัสเซีย หรือที่ต่างๆ ตามเนื้อเรื่อง หลังจากดูเสร็จความรู้สึกคือชอบมาก ล้ำลึก ดื่มด่ำในศิลปะของภาพยนตร์มาก แต่ลักษณะทางกายภาพคือปวดหัวมาก เนื่องจากภาวะความเค้น ความกดดันสูงมากตลอดทั้งเรื่อง (เตรียมยาดมหรือน้ำหวานไว้ได้เลย ช่วยได้มาก) สิ่งเดียวที่ไม่ชอบแต่มันก็คงต้องเป็นแบบนั้นคือ เรื่องเกิดในรัสเซีย ตัวละครรัสเซียทุกตัวพูดภาษาอังกฤษ แม้แต่จะสนทนากันเอง? ทำให้ชวนงง และหลุดออกมาจากความสมจริง (แม้จะพูดภาษาอังกฤษสำเนียงรัสเซียก็เหอะ) แต่ก็เพราะ Region หลักที่ฉายหนังเป็นภาษาอังกฤษเป็นหลัก นักแสดงนำก็ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก ทำให้ค่ายหนังคงต้องยอมให้พูดภาษาอังกฤษไปเพื่อความเสพง่าย เพราะไม่งั้นคงต้องพ่นรัสเซียกันแทบทั้งเรื่องเลย (อารมณ์คล้ายๆเรื่องเกอิชาที่ตัวละครทุกคนเป็นคนญี่ปุ่น แต่พูดอังกฤษ...ช่างไม่สมจริงเลย) - เด็กเดินตั๋ว - สรุปผลวิจารณ์หนัง
บทหนัง
8
การดำเนินเรื่อง
8.5
ดนตรีประกอบ
8
ฝีมือนักแสดง
9.5
กราฟฟิก
8.5
คะแนนเฉลี่ย
8.5
|
||
17 มีนาคม 2561 23:05:19 (IP 96.30.100.xxx)
|
||
Red Sparrow | Francis Lawrence “มนุษย์คือปริศนาของความต้องการ หากเราเป็นสิ่งที่พวกเขาต้องการ พวกเขาก็จะพร้อมมอบทุกสิ่งให้กับเรา" หนังสายลับฉบับเหี้ยมเกรียม มีฉากน่าอึดอัดใจทุกๆ สิบวินาที ตามมาด้วยการแสดงที่เย็นยะเยือก เต็มไปด้วยความกดดัน และภาวะบีบคั้น แถมมีความซาดิสที่ทำให้คนบางประเภทเพลิดเพลินได้ บวกกับการตัดต่อแบบสนุกมือ และภาพที่สวยหยาดเยิ้ม ทำให้หนังมีความงามแบบกดดันตลอดเวลา เป็นหนังที่ให้อารมณ์หายาก หน่วงหัว ทำให้ไม่สบายใจในหลายๆ จังหวะ ถามว่าสนุกไหม มันเฉพาะกลุ่มระดับหนึ่งเลยล่ะ มันให้ความรู้สึกแบบหนังสายลับแบบจริงจังเข้มข้น แต่เมื่อบวกกับฉากทรมาน ฉากเลือดสาด และฉากฆ่าที่สมจริงสมจัง ทำให้อารมณ์บีบกดดันมันไปอีกเลเวลหนึ่งไปเลย Red Sparrow เป็นหนังตระกูล “สงครามเย็นสมัยใหม่” ที่อิงติดอยู่กับทฤษฎีสมคบคิดเกี่ยวกับสายลับที่แฝงตัวอยู่ทั่วโลก และเลือกที่จะเล่าเรื่องแบบสมจริงมากที่สุด มันจึงไม่มีอะไรที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีล้ำสมัยอะไรเลย เทคโนโลยีหนึ่งเดียวที่ใช้ในการขับเคลื่อนนักฆ่าของรัซเซียก็คือ จิตวิทยา โดยตัวหนังให้ความสำคัญกับสิ่งที่เรียกว่า “ความต้องการ” โดยแก่นของมันคือที่เขียนไว้ไปด้านบนแล้ว หนังพาไปสำรวจความต้องการของผู้คนด้วยการฝึกฝน Sparrow ทั้งหลาย ก่อนจะนำไปสู่การต่อสู้ระหว่างสายลับ ด้วยการฉะกันระหว่าง “ความต้องการ” ของแต่ล่ะฝ่าย เอามาเชือดเฉือน ต่อรองกันตลอดเวลา เนื้อเรื่องเกี่ยวกับสาวอดีตนักเต้นโดมินิก้า กำลังถูกให้ออกจากคณะบัลเล่ที่ออกเงินค่าดูแลให้แม่มาตลอด ในระหว่างที่จนตรอกอยู่นั้น อาของเธอ รองผู้อำนวยการราชการลับแห่งรัสเซียก็ติดต่อเข้ามา เขาบอกว่าโดมินิก้าเป็นหลานที่เก่งที่สุด เก่งในเรื่องความต้องการ และอ่านความต้องการนั้นออกจนสามารถชักเชิดพฤติกรรมผู้คนได้ตามต้องการ หลังจากโดนบีบหลายๆ ทางจากอาของเธอที่กำความต้องการของเด็กสาวเอาไว้จนหมด เธอจึงต้องจำใจเขาไปในโรงฝึก Sparrow ที่ได้ชื่อว่าเป็น “สายลับโสเภณีของรัฐบาล" จากนั้นเรื่องราวต่อมาก็เป็นเรื่องราวเจ้านกกระจอกสีแดงที่โลดเล่นไปมาในเกมแห่งอำนาจ ที่แข่งกันว่าสุดท้ายแล้วใครจะได้สิ่งที่ต้องการมากที่สุด ระหว่างรัสเซีย อาของเธอ โดมินิก้า CIA และเจ้าหน้าที่อเมริกาที่อาจหลงรักเธอ ผ่านบทสนทนาที่คมคาย มีความหมายในทุกคำพูด แต่ช่วงระหว่างทางที่โดมินิก้าโดนบีบกดดันนี่แหละที่หนักหน่วง หนังค่อนข้างเนือยๆ เบื่อๆ แต่ไม่ค่อยจะหยุดพัก มันบีบคั้น หายใจไม่ทั่วท้องตลอดเลย หนังชอบให้เราเห็นการฆ่ากันที่เห็นกันจะๆ เลือดสาด การทรมาน การบีบคั้นทางอารมณ์ที่จริงจังจนเล่นเอามึนหัว เป็นข้อดีและข้อเสียในตัวเอง มันทำให้หนังน่าสนใจขึ้นแต่ก็ทำให้ดูยากขึ้นไปอีกเท่าตัว เพราะนอกจากต้องตามเรื่องแล้ว ยังต้องมารับมือกับความกดดันต่อเนื่องอีกด้วย แต่เส้นการหักหลัง เส้นการหักมุมนี่ก็ยังครบองค์ประกอบดีนะ อะไรที่ปูเอาไว้เอามาใช้หมด และก็ปั่นหัวคนดูได้สนุกมือ โดยรวมก็สนุกดีแหละ ฉากแอคชั่น กับฉากฆ่าที่ดูสมจริงมากทำให้สนุกไปอีกแบบ แต่ดูแล้วก็มึนหัวไปเลย เพราะเครียดจากเหตุผลข้างต้น ส่วนเจนิเฟอร์ ลอร์เลนซ์นักแสดงโดมินิก้าสวยหยาดเยิ้มจริงๆ คนอื่นๆก็ดูเล่นกันแบบเลือดเย็นกันสุดๆ ดีนะ ภาพสวย อาร์ตดี ตัดต่อโคตรกดดัน แต่มันเฉพาะกลุ่มไปหน่อยน่ะนะ เส้นเรื่องที่เป็นสายลับหักหลังกันไปมานี่แหละที่สนุกพอสมควรเลย บวกกับบทสนทนาที่เรียบเรียงได้เฉียบคมก็เลยประคองให้หนังมันไปต่อจบได้สวย ถ้าชอบหนังกดดัน สมจริง สวยๆ เรื่องนี้เหมาะกับคุณเลย แต่เตรียมตัวกับฉากไม่สะดวกใจไว้ด้วยล่ะกัน สรุปผลวิจารณ์หนัง
บทหนัง
8
การดำเนินเรื่อง
6
ดนตรีประกอบ
7
ฝีมือนักแสดง
9
กราฟฟิก
8
คะแนนเฉลี่ย
7.6
|
||
7 มีนาคม 2561 16:06:48 (IP 223.24.175.xxx)
|
||
"Red Sparrow หญิงร้อนพิฆาต"หนังเดินเรื่องเนิบๆ ช้าๆ แต่ก็ได้ Jenifer Lawrence ช่วยพยุงหนังให้ดูสนุกขึ้นมา ต้องยอมรับว่าหนังยาว 140 นาทีแต่ดำเนินเรื่องช้ามาก (มีหลายฉากที่น่าเบื่อ) สิ่งที่ทำให้หนังไปรอดได้ก็คือนางเอกและนักแสดงสมทบอีกหลายคน ที่ทำให้เราติดตามหนังได้จนจบเรื่อง การแสดงของนักแสดงทำได้ดีมาก บางคนสร้างความลึกลับ บางคนน่าค้นหา ทำให้หนังก็ไม่ได้น่าเบื่ออย่างที่คิด การดำเนินเรื่องก็สร้างความลึกลับระหว่างรัสเซียและสหรัฐฯ แต่ด้วยบทพูดที่ยาวและรวดเร็ว และทุกคำพูดแทบสำคัญหมด ทำให้เราต้องตั้งใจดูมาก (ถ้าไม่ตั้งใจดูตอนจบอาจจะงงได้ หรืออาจจะต้องดูรอบสอง คนที่หลุด อาจจะงงไปเลย) ตัวผมเองก็ยังงงๆ บางฉากอยู่ แต่สุดท้ายก็ชอบตอนจบมาก ถึงแม้จะไม่ได้หักมุมมาก แต่ก็ชอบในแนวคิดนี้จริงๆ เรื่องนี้ Jenifer Lawrence พยุงทั้งเรื่อง ถ้าไม่มีเธอ เราอาจจะออกจากโรงตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงแรกแล้วก็ได้ การแสดงสะกดคนดู และตัวละครที่เธอแสดง โดมินิกา เธอก็แสดงได้ลึกลับ น่าสงสาร เก่ง ฉลาด ทำให้เราเข้าถึงตัวละครนี้ได้จริงๆ ด้วยการแสดงของ Jenifer Lawrence (ยังมีหลายฉากที่ทำให้เราต้องตาค้างๆ ค้างจริงๆ ไปดูๆ) อีกนักแสดงคนนึงที่ผมชอบเป็นการส่วนตัวคือ Matthias Schoenaerts ที่แสดงเป็นอาของนางเอก การยิ้มของพี่แกดูกวนมากๆ แถมเดาไม่ออกด้วยว่าคิดอะไรอยู่ ตัวละครนี้ถือเป็นตัวละครลึกลับที่ทำให้หนังน่าติดตามมากๆ สุดท้าย ถ้าถามว่าน่าดูมั้ย สำหรับผม หนังเป็นหนังเฉพาะจริงๆ บางคนอาจจะบอกน่าเบื่อก็ได้ แต่ผมคิดว่าหนังน่าติดตามจนจบเรื่อง อีกทั้งยังได้ดูการแสดงของ Jenifer Lawrence ที่ดีมากๆ อีกด้วย สำหรับผมก็ไม่เสียดายที่ได้ไปดูครับ :) สรุปผลวิจารณ์หนัง
บทหนัง
6
การดำเนินเรื่อง
6
ดนตรีประกอบ
6
ฝีมือนักแสดง
9
กราฟฟิก
7
คะแนนเฉลี่ย
6.8
|
ยังไม่มีรีวิวหนังเรื่องนี้
ถูกใจ
ไม่ถูกใจ