หนัง Die Tomorrow หรือชื่อไทยว่า พรุ่งนี้ตาย เป็นหนังอีกเรื่องของผู้กำกับสายหนังทางเลือก เต๋อ - นวพล ธำรงรัตนฤทธิ์ ที่เป็นการถ่ายทอดเรื่องราวทั้งดราม่า โรแมนติก และคอมเมดี้ และถึงชื่อจะเป็นแบบนั้น แต่ก็ไม่ใช่หนังสยองขวัญอย่างที่หลายๆ คนเข้าใจกัน ตัวหนังจะแบ่งออกเป็น 6 พาร์ทหลัก 7 พาร์ทย่อย ที่การถ่ายทำจะมีความพิเศษ ด้วยรูปแบบการถ่ายลองเทค โดยภายในหนังทุกตอนจะมีช็อตลองเทคที่สั้นที่สุดคือ 6 นาที และยาวที่สุด 11 นาที โปสเตอร์หนังที่ถูกปล่อยออกมา เป็นชื่อนักแสดงทั้งหมด 11 คน ได้แก่ ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์, พัชชา พูนพิริยะ, สิราษฎร์ อินทรโชติ, รัตนรัตน์ เอื้อทวีกุล, มรกต หลิว, กัญญภัค วุธรา, ชุติมณฑน์ จึงเจริญสุขยิ่ง, วิโอเลต วอเทียร์, กรมิษฐ์ วัชรเสถียร, ชนนิกานต์ เนตรจุ้ย และ จรินทร์พร จุนเกียรติ
ผู้ชมทั้งหมด
26,670 ครั้ง
|
เข้าฉาย
23 พฤศจิกายน 2560
|
ออกโรงแล้ว |
12 ธันวาคม 2560 00:33:20 (IP 110.168.190.xxx)
|
||
เป็นหนังเรื่องที่ 3 ของเต๋อ ถัดจาก 36 และ Mary is happy แต่เราก็ไม่อยากเรียกมันว่าหนังสักเท่าไหร่ เพราะบทแม่งโคตรเรียล และถ่ายทอดเหมือน Documentary ชิบหาย DIE TOMORROW เป็นการถ่ายทอดเหตุการณ์ของคนที่กำลังจะตาย โดยมีคอนเซปส์ว่า "ก่อนวันสุดท้ายของชีวิต มักเป็นวันธรรมดาๆวันนึง" เราจะไม่เห็นความซับซ้อนหรือการเล่าเรื่องเหมือนหนังปกติทั่วไป "สิ่งที่เราจะได้ชม" มันเหมือนกับช่วงเวลาที่เราอยู่กับคนรัก หรืออยู่กับเพื่อน โดยที่มีคนแอบตั้งกล้องบันทึกเหตุการณ์นั้นเอาไว้ แล้วเราที่เป็นบุคคลที่สามก็มาเปิดกล้องนั้นย้อนดูอีกที "ส่วนสิ่งที่เราจะได้รับ" คือเราจะรู้สึกว่าความตายมันเป็นเรื่องใกล้ตัวมากขึ้น และการตายไม่ได้หมายถึงแค่การสูญเสียตลอดไป พูดถึงโทนหนังซะหน่อย หนังเงียบมาก และใช้เสียงบางอย่างสะกดคนดูได้อยู่หมัดจริงๆ เช่น เสียงหายใจ เสียงเข็มนาฬิกา สุดท้ายนี้บอกตามตรงว่า DIE TOMORROW ไม่ใช่หนังที่ดูเอาสนุก และบางครั้งก็รู้สึกว่ามันเรียลจนกูเข้ามานั่งดูทำไมวะนี่ เพราะนี่มันชีวิตจริงของคนธรรมดาชัดๆ ปล. ควรดูในโรงภาาพยนตร์ เพราะถ้าดูจากแผ่นคุณอาจจะปิดทิ้งเลิกดูตั้งแต่พาร์ทแรก และหากลำโพงไม่ดี คุณอาจจะพลาดซาวด์ที่ช่วยมาลดความจืดของหนังไป ปล.2. น้องพายกับน้องวีโคตรน่ารัก แถมออกมาพร้อมกันอีก แม่งเอ๊ยยย #dietomorrow #ทำเซียนเหมือนเรียนมา สรุปผลวิจารณ์หนัง
บทหนัง
2
การดำเนินเรื่อง
6
ดนตรีประกอบ
10
ฝีมือนักแสดง
10
กราฟฟิก
0
คะแนนเฉลี่ย
5.6
|
||
29 พฤศจิกายน 2560 11:19:04 (IP 171.97.178.xxx)
|
||
ภาพยนตร์ที่เป็นเหมือนกับงานศพ จำลองการบันทึกภาพวาระสุดท้ายก่อนความตายมาเยือนของหลายชีวิต ความตายดูเป็นจุดพลิกผันที่ยิ่งใหญ่และไม่มีวันหวนกลับ ความตายเป็นคำที่ทรงพลังและสั่นสะเทือนคนเรารุนแรงอยู่ทุกช่วงยุคสมัย ทว่าใน Die Tomorrow ภาพยนตร์ที่ครุ่นคิดหนักเกี่ยวกับความตายกับเลือกที่จะนำเสนอช่วงเวลาสามัญก่อนความตายที่ช่างเป็น “วันธรรมดาๆ วันหนึ่ง” ไม่มีสัญญาณบอกเหตุ ไม่มีใครล่วงรู้ ไม่มีการบอกลา และยังไม่ได้ทำอีกหลายสิ่ง นวพล ธรรมรงค์รัตนฤทธิ์ คือหนึ่งในผู้กำกับร่วมสมัยที่ไม่ว่าจะหยิบจับอะไรก็เป็นที่จับตามองของตลาดที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นตลาดแมส อินดี้ ไปจนถึงกลุ่มคนดูที่อยู่กึ่งกลางระหว่างทั้งสอง หนังของนวพลมักห่อหุ้มด้วยคอนเซปต์ที่น่าสนใจ เขามักสร้างโครงกระดูกสันหลังของเรื่องผ่านคอนเซปต์การเล่าเรื่องบางอย่าง และค่อยๆ ขยับขยายเรื่องราวผ่านคอนเซปต์นั้น ใน Die Tomorrow เขาเลือกเล่าเรื่องชีวิตของตัวละครหลายชีวิตในโมเมนต์ช่วงก่อนที่ตัวละครเหล่านั้นจะพบกับความตาย หรือได้รับผลกระทบจากความตายในไม่ช้า ตัวละครทุกตัวของเขาไม่มีใครหยั่งรู้ล่วงหน้าหรือจับสัญญาณบอกเหตุใดใดได้เลย พวกเขาต่างใช้ชีวิตตามปกติราวกับขณะที่ความตายกำลังคืบคลานมาอย่างเชื่องช้าและสงบเสงี่ยม ถึงหนังจะจับประเด็นเรื่องใหญ่โตทางอารมณ์อย่างความตาย แต่ก็ไม่ได้มีท่าทีที่จะเร้าอารมณ์คนดูให้พานโศกเศร้าหรือรู้สึกถูกกระตุ้นให้กราฟอารมณ์พุ่งดิ่งแต่อย่างใด เพราะนวพลเลือกที่จะเล่าเรื่องอย่างเบาบางเอาเสียมากๆ บางเสียจนคนที่ไม่ได้มีประสบการณ์ลึกซึ้งที่สามารถเชื่อมโยงกับความตายอันเงียบสงบในหนังอาจจะจูนกับหนังยากอยู่เหมือนกัน และอีกข้อสังเกตหนึ่งคือแม้นวพลจะถือได้ว่าเป็นผู้กำกับที่มีสายตาละเอียดอ่อนและถ่ายทอดได้อย่างเรียลริสติก แต่ด้วยคอนเซปต์ของเรื่อง กิมมิกที่วางไว้อย่างรัดกุมและโดดเด้งออกมามากในบางครั้งก็ทำให้เกิดเป็นช่องว่างที่ไม่นำพาสำหรับคนดูบางกลุ่มอยู่เหมือนกัน Die Tomorrow จึงเป็นหนังที่ยากจะนิยามเพราะหนังให้ความรู้สึกที่ก้ำกึ่งระหว่างความเศร้ากับความรับรู้สามัญเกี่ยวกับความตาย ความที่หนังพยายามเบาบางทั้งประเด็นและการสร้างอารมณ์ทำให้การจูนติดกับหนังอาจทำได้ยากอยู่เหมือนกันสำหรับหลายๆ คน แต่กับใครที่มีประสบการณ์ครุ่นคิดลึกซึ้งถึงความตาย หรือเคยได้รับผลกระทบจากความตายอาจจะจูนหนังติดได้อย่างลึกซึ้ง เพราะสิ่งที่หนังพยายามทำทั้งเรื่องอย่างซื่อสัตย์แข็งขันคือการที่บอกกับเราทุกคนว่าในหลายๆ ครั้งวาระก่อนตายมักมาอย่างเงียบสงบในวันธรรมดาๆ ของชีวิตโดยที่ใครต่างก็ไม่รู้ตัว
สรุปผลวิจารณ์หนัง
บทหนัง
8
การดำเนินเรื่อง
8.5
ดนตรีประกอบ
8.5
ฝีมือนักแสดง
9
กราฟฟิก
7.5
คะแนนเฉลี่ย
8.3
|
ยังไม่มีรีวิวหนังเรื่องนี้
ถูกใจ
ไม่ถูกใจ