หนัง Life Itself หรือชื่อไทยว่า ชีวิตเรื่องเล็ก รักสิเรื่องใหญ่ ระหว่างที่คู่รักหนุ่มสาวชาวนิวยอร์กได้ขยับจากความรักสมัยมหาวิทยาลัยสู่ชีวิตสมรส และการถือกำเนิดของลูกคนแรก จุดหักมุมที่คาดไม่ถึงในการเดินทางของพวกเขาได้ก่อให้เกิดแรงสั่นสะเทือนที่สะท้อนก้องไปทั่วทวีปต่างๆ และผ่านหลากชั่วชีวิตใน Life Itself ซึ่งมีเรื่องราวเกิดขึ้นในนิวยอร์ก ซิตี้และคาร์โมนา ประเทศสเปน ยกย่องสภาพความเป็นมนุษย์และความซับซ้อนทั้งหมดทั้งมวลของมนุษย์ด้วยอารมณ์ขัน ความเจ็บปวดและความรัก
As a young New York couple goes from college romance to marriage and the birth of their first child, the unexpected twists of their journey create reverberations that echo over continents and through lifetimes.
ผู้ชมทั้งหมด
5,989 ครั้ง
|
เข้าฉาย
5 ธันวาคม 2561
|
ออกโรงแล้ว |
7 ธันวาคม 2561 19:13:35 (IP 119.46.186.xxx)
|
||
[รีวิว] - Life Itself - ชีวิต...เรื่องเล็ก รักสิ...เรื่องใหญ่ ท่ามกลางสัปดาห์ที่มีวันหยุดกลางสัปดาห์ เป็นวันพ่อ และเต็มไปด้วยหนังหลากหลายเรื่องหลายสไตล์ Life itself เป็นหนึ่งในหนังที่หลายๆ คนอาจมองข้ามไป คนอาจจะสนใจ Mortal Engines, Patrick หรือหนังผีอย่าง Malicious แต่อยากให้ลองไปดูเรื่องนี้จริงๆ เป็นหนังที่ทำให้เรารับรู้เกี่ยวกับความรักว่า “บางความรัก อาจไม่ได้เกิดจากความสุขเสมอไป” หนังโรแมนติก ดราม่าเคล้าน้ำตา ว่าด้วยเรื่องของชีวิต ที่เกิดขึ้นจากความรักของคนสองคน จนเกิดเป็นสายใยความสัมพันธ์และก่อให้เกิดเรื่องราวชีวิตและความรักที่มีความหมายมากมายเลยทีเดียว ก่อนดูก็ได้แอบแว๊ปไปดูคะแนนจากเว็บ Imdb และ Rotten Tomatoes มาก็แอบหวั่นๆ เหมือนกันว่ามันจะเวิร์คไหม แต่ถึงอย่างไรก็อยากตัดสินด้วยตัวเองอยู่ดี เพราะดูจากใบปิดหรือตัวอย่างอาจจะทำให้เรานึกถึงหนังรักที่เล่าเรื่องราวความรักของหลายๆ คู่ อย่าง Love Actualy แต่มันไม่ใช่เลย มันไม่ใช่เรื่องราวความรักแบบสดใส โรแมนติก แต่มันคือเรื่องราวความรักที่สุดแสนจะเจ็บปวด ทั้งยังหดหู่ ชวนให้คนดูช็อค สะเทือนใจกับหลากหลายเหตุการณ์ แต่เมื่อรวมๆ กันแล้ว มันกลับถูกถ่ายทอดออกมาในรูปแบบ “ความรัก” ได้อย่างงดงาม หนังเป็นผลงานกำกับของ Dan Fogelman ที่เราขอเดาอย่างไม่กลัวผิดเลยว่า ในขณะที่กำกับและเขียนเรื่องนี้เขาต้องกำลังเสพติดเพลงของ Bob Dylan อัลบั้ม Time Out of Mind ในปี 1997 อยู่แน่นอน เพราะโครงเรื่องทั้งหมด เปรียบดั่งอัลบั้มเพลงของ Bob Dylan ยังไงยังงั้น เพราะในอัลบั้มนี้ พูดถึงความรักในรูปแบบที่ค่อนข้างจะขมขื่น เศร้าๆ แต่ก็มีอยู่เพลงหนึ่งที่ออกแนวป๊อปโผล่มาท่ามกลางเพลงหดหู่ และเช่นเดียวกับเรื่องนี้เหมือนกัน ก็มีความรักที่สดใสรวมอยู่เช่นกัน ผู้กำกับอย่าง Dan Fogelman ก็ได้ถ่ายทอดความรู้สึกเหล่านั้นออกมาเป็นมุมมองความรักให้เราได้รับชมกันได้เป็นอย่างดี หนังถูกเล่าผ่านช่วงเวลาและตัวละครแต่ละตัวอย่างไหลลื่น โดยแบ่งเป็นพาร์ทๆ อย่างชัดเจน โดยมีชื่อพาร์ทและตัวละครในแต่ละพาร์ท และทุกพาร์ทนั้นเรื่องราวจะเกี่ยวข้องกันหมด เชื่อมโยงอย่างชาญฉลาด ซึ่งแน่นอนว่าแต่ละพาร์ทจะเป็นแบบอย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้น เรื่องราวของความรักที่ค่อนข้างจะหม่นหมอง ไม่สิ มันหม่นมากและเจ็บปวดแบบสุดๆ ทั้งเศร้า ชวนช็อค และอึ้งกับบทสรุป ในแต่ละพาร์ทเหมือนกัน สิ่งที่ชอบมากๆ และดูทำให้หนังมันเป็นไปได้อย่างไม่ติดขัดคือช่วงเปลี่ยนผ่านเวลา ฉากการเจริญเติบโตของตัวละครต่างๆ ทำออกมาได้ดีมาก ดีแบบสุดๆ ใครได้เห็นแล้วรับรองเลยต้องบอกว่าเจ๋ง สิ่งที่น่าชื่นชมของเรื่องนี้มีหลายอย่าง เริ่มจากเหล่านักแสดง ที่ทำหน้าที่ของตัวเองในแต่ละคนได้อย่างดีเยี่ยม ในทุกๆ ฉาก ทุกๆ อารมณ์ อีกทั้งเพลงของ Bob Dylan ที่ใส่เข้ามาในแต่ละพาร์ทของหนัง มันช่างเข้ากั๊นเข้ากันกับทุกสถานการณ์ แถมผู้กำกับก็ยังสุดยอด ด้วยความที่เขียนบท เขาสามารถถ่ายทอดความรู้สึกเหล่านั้นออกมาเปรียบดั่งบทกวีที่ทิ่มแทงความรักด้วยความเจ็ยปวดออกมาสวยงามเลยทีเดียว บวกกับงานภาพที่ดูเจ๋งไม่ใช่เล่น และสามารถทำให้เนื้อเรื่องทั้งหมดน่าติดตามโดยไม่น่าเบื่อเลย ไม่รู้ใครเป็นหรือเปล่า ตัวเราเองดูจบแล้วยังอยากไปหาเพลงของศิลปินคนนี้มาฟังเลย แต่ถึงอย่างนั้น มันก็มีจุดที่คับข้องใจอยู่บ้าง คือจู่ๆ บทของตัวละครกลับหายไปดื้อๆ ทั้งที่ตัวละครนั้นๆ น่าจะสำคัญ และบทสรุปจบที่เหมือนยัดเยียดบทพูดให้สวยงามเกินไป โดยรวมแล้ว Life itself เป็นเรื่องราวดราม่า ที่วางหมากตัวละครในทุกพาร์ทได้อย่างชาญฉลาด เกี่ยวกับในแง่มุมของความรักที่เริ่มต้นมาจากความเศร้า กลายมาเป็นความเจ็บปวด และจบด้วยความสุข ที่ถูกร้อยเรียงมาเป็นอย่างดี เรื่องมันเริ่มตั้งแต่ต้นคอยส่งมาหาเราตลอด คอยสอนเราตลอด ตั้งแต่ต้นจนจบ ตัดสลับไปมา ชวนให้น่าติดตาม ชวนสงสัยทุกครั้งที่จบในแต่ละพาร์ท โดยทุกอย่างนั้นมันรวมกันดูไม่ขัดและไหลลื่นมาก แถมหนังยังแฝงข้อคิดชีวิต ความรัก โดยขับเคลื่อนผ่านเพลงของ Bob Dylan ที่สะท้อนผ่านทางหนัง กลับมายังชีวิตของตัวเราได้เป็นอย่างดี ขอให้รับเรื่องนี้ไว้พิจารณา ในช่วงวันหยุดนี้ อาจจะเป็นทางเลือกที่ไม่เลวเลย หากใครอยากหลีกหนีหนังแมสๆ และอยากหาหนังดราม่ารักดีๆ แล้วหล่ะก็...เรื่องนี้ถือว่าตอบโจทย์เลยแหละ สรุปผลวิจารณ์หนัง
บทหนัง
8
การดำเนินเรื่อง
9.5
ดนตรีประกอบ
8
ฝีมือนักแสดง
9
กราฟฟิก
8
คะแนนเฉลี่ย
8.5
|
ยังไม่มีรีวิวหนังเรื่องนี้
ถูกใจ
ไม่ถูกใจ