ผู้ชมทั้งหมด
6,967 ครั้ง
|
เข้าฉาย
6 พฤศจิกายน 2557
|
ออกโรงแล้ว |
24 พฤศจิกายน 2557 21:58:23 (IP 101.108.13.xxx)
|
||
Interstellar (Christopher Nolan / USA, UK / 2014)
ไม่ได้ตื่นตาตื่นใจอะไรโดยเฉพาะงานภาพที่ถึงแม้จะจัดว่าดีมีความอลังการให้เห็นบ้าง แต่ว่าปีที่แล้ว Gravity จัดเต็มทำเอาไว้ได้ดีกว่าหลายขุม แล้วมันก็ไม่ได้จัดเต็มจอ IMAX ทั้งเรื่องด้วย(ดูที่พารากอนไม่แน่ใจว่าที่อื่นเหมือนกันหรือเปล่า) ถ่ายมาเฉพาะฉากเอาท์ดอร์ในอวกาศ พวกอินดอร์ในยานในบ้านก็ลดขนาดลงมาปกติสลับกันไปมา บวกกับเวลาเต็มจอแถบซับไตเติลภาษาไทยมันก็จะไม่ย้ายตามขอบเฟรมภาพและยังอยู่ที่เดิมให้เคืองตาเล่นโดยเฉพาะเวลาในฉากอวกาศสีเข้มๆ มืดดำนี่ทำให้คำว่า Spectacular แทบจะหายไปในทันที
...สปอยล์...
หนังก็ดูเพลินไปเรื่อยๆ มีตัวละครที่รู้สึกว่าอะไรของมึงว้า!! เช่นตัวละครของ Jessica Chastain กับ Casey Affleck ผลัดเปลี่ยนกันให้ปวดหัว แล้วก็รู้สึกคลิเชกับเซ็ตอัพช่วงแรกๆ อยู่บ้างแต่ก็เข้าใจว่าเลี่ยงลำบาก ถ้าไม่เลี่ยงหนังอาจยาวกว่านี้แล้วคงต้องเปลี่ยนมือให้ Lav Diaz มากำกับ(แซวๆ) ส่วนตัวก็ดูไม่เบื่อแต่ก็ไม่ได้สนุกเป็นพิเศษ แต่ยังคงรักษาความน่าสนใจที่พาให้รู้สึกถึงความตื่นเต้นที่กำลังจะมา(แต่ยังไม่มาสักที)เอาไว้ได้เรื่อยๆ จนมาถึงการหักมุมที่เหมือนว่าจะทำให้คนทั้งโรงฮือฮาไม่น้อยซึ่งมาพร้อมๆ การจากไปของตัวละครของ Michael Caine และการปรากฏตัวละครของ Matt Damon
ส่วนตัวชอบการเปลี่ยนผ่านของสองตัวละครนี้มากมันเหมือนเป็นตัวตายตัวแทนของคนหักหลังมนุษยชาติเหมือนกันที่นำมาตั้งคำถามสะเทือนมนุษยธรรมได้น่าสนใจดี แล้วมันก็ตลกดีที่รู้สึกว่าตัวละคร Dr.Mann ของ Matt Damon มันมีทั้งมิติที่ดีและความคลิเชในเวลาเดียวกัน แล้วคือฉากนั้นมันตลกจริงๆ แต่ก็ชอบในความเห็นแก่ตัวของมันมากๆ มันสะท้อนการสร้างความหวังความศรัทธาด้วยวิทยาศาสตร์ที่เป็นเครื่องมือให้มนุษย์ศึกษาเรียนรู้เพื่อการอยู่รอด ในมุมที่ว่าไม่ใช่โลกที่กำลังจะพินาศและไม่ใช่ความผิดพลาดทางทฤษฎีวิทยาศาสตร์ที่จะทำลายมนุษยชาติ แต่มนุษยชาติกลับ(เกือบ)ถูกทำลายด้วยการหักหลังของมนุษย์เพียงคนเดียวเสียเองได้น่าสนใจดี แล้วหนังก็ยังผลักดันต่อไปด้วยความเห็นแก่ตัวของพระเอก(Matthew McConaughey) ที่บังเอิ๊ญบังเอิญ...นำพาไปให้เจอบางอย่างที่คาดไม่ถึงถึงแม้คนทำจะสร้างคอนฟลิกต์จนยานพังให้น่าตื่นเต้นหวาดเสียวและพิศวงขนาดไหนแต่พ่อพระเอกก็รอดพ้นมาได้โดยแทบไม่มีรอยขีดข่วนและช่วยให้มนุษยชาติอยู่รอดจนกลายเป็นเสมือนวีรบุรุษ
บางอย่างที่ว่าซึ่งดูเหมือน Christopher Nolan บังเอิญพาพระเอกมาเจอก็คือ 5 มิติในอวกาศนี่แหละ(มันเรียกว่าอะไรหว่า?)ทำเอาตึงไปเลยกับความประหลาดพิศดารพันลึกที่ความรู้สึกมันก้ำกึ่งอยู่ระหว่างวิทยาศาสตร์หรือแฟนตาซี กระทั่งได้กลิ่นไสยศาสตร์ลอยกรุ่นอยู่หน่อยๆ ซึ่งไม่คิดว่าคนทำจะพาหนังไปไกลขนาดนี้ แต่เสียดายที่ไม่ได้พาคนดูอย่างเราตามไปด้วยได้ ในการเชื่อมโยงเรื่องราวไม่เท่าไหร่หรอกยังเข้าใจได้ แต่ความมึนงงในส่วนของตรรกะทางวิทยาศาสตร์นี่แหละที่เราต่อไม่ติดอยู่ไม่หายตั้งแต่ฉากนั้นที่รู้สึกว่ามันขี้โม้มากจนกระทั่งตอนจบฉากที่รู้สึกว่าแค่นี้เหรอวะ..พามาไกลขนาดนี้แต่จบง่ายๆ อย่างนี้เลยเหรอวะ?
เหตุผลหนึ่งที่ไม่ได้ตื่นเต้นกับมันมากๆ คงเพราะว่าเราเคยเห็นการเชื่อมโยงมิติโลกแบบนี้มาไม่น้อยโดยเฉพาะในหนังผี หนังแฟนตาซี และหนังไซไฟลึกลับ ถ้านับเฉพาะที่ได้ดูในปีนี้จะเห็นในหนังอินดี้เล็กๆ อย่าง Mr.Jones, Plus One หนังผีกระแสหลักอย่าง Insidious2 ที่ให้ความรู้สึกประมาณฉาก 5 มิติในหนังโนแลนเรื่องนี้อยู่ แต่หนังพวกนั้นมันค่อนไปทางไสยศาสตร์ลึกลับไม่ได้จริงจังที่จะอธิบายด้วยวิทยาศาสตร์ ขณะที่ Interstellar มันพยายามมากๆ ที่จะอธิบายเยอะแยะมากมายเพื่อให้คนดูเออออสิ่งที่จะพาไปพบเจอแต่ละขั้นตอนด้วยวิทยาศาสตร์ ซึ่งสุดท้ายมันพาเราไปพบกับความเชื่อคล้ายๆ กันในเรื่องมิติลึกลับที่เกี่ยวข้องกับเวลาที่มักเห็นในหนังไสยศาสตร์ที่ว่ามา แต่มันน่าสนใจมากๆ ตรงที่ว่าเราไม่ได้เออออกับหนังไซไฟอย่าง Interstellar ได้ง่ายๆ แต่กลับไหลตามตรรกะในหนังลึกลับที่ยกมาข้างต้นนั้นได้ง่ายกว่าและมากกว่าเสียด้วยซ้ำ ถึงมันจะดูตลกขี้โม้โอเวอร์แต่ทั้งหมดทั้งมวลก็ชอบมากๆในมุมที่คนทำเหมือนจะพยายามอธิบายแฟนตาซีด้วยวิทยาศาสตร์เพื่อให้แฟนตาซีกลายเป็นวิทยาศาสตร์ซึ่งมันก็น่าสนใจดี
ตอนดูฉากไคลแม็กซ์ 5 มิติ นี่เราทรีตมันไปทางแฟนตาซีมากกว่าวิทยาศาสตร์ นึกถึง Harry Potter and the Prison of Azkaban มากกว่า 2001: A Space Odyssey ถึงแม้ตลอดทั้งเรื่องคนทำจะพยายามอธิบายแต่มันก็ไม่ค่อยจะเข้าหัวเราเท่าไหร่ ไม่ว่าแรงโน้มถ่วง รูหนอน หลุมดำและอื่นๆ อีกเยอะแยะมากมายนั้นเคยได้อ่านได้ยินมา แต่ 5 มิตินี่ยอมรับเลยว่าไม่เคยทักทายกันมาก่อน ยังดีที่การทุ่มเทของ Jonathan Nolan ที่เข้าคอร์สศึกษาเรื่องราวสัมพัทธภาพร่วม 4 ปีเพื่อมาใช้เขียนบทมันยังมีพลังทะเยอทะยานส่งให้เราเชื่อตามได้บ้าง หวังแค่ว่าที่ใส่มาจะไม่แถจนเกินงามถึงแม้ไอน์สไตน์จะบอกไว้ว่าจินตนาการสำคัญกว่าความรู้ แต่ภายใน169 นาที ของหนังเนี่ยก็ยังไม่พอสำหรับให้จินตนาการของเรากับคนทำมันจูนเข้าหากัน...แล้วเกี่ยวไม่เกี่ยวไม่รู้คือก่อนไปดูเพิ่งอ่าน เจน ญาณทิพย์ จบมาใหม่ๆ แล้วมันก็ยังไม่หายไปจากจินตนาการทำให้เราเผลอเอามิติทางไสยศาสตร์ไปจับไปเติมส่วนที่เราไม่เข้าใจจนมั่วไปกว่าเดิมแต่มันก็สนุกไปอีกแบบ..มีแอบคิดว่าพวกที่ตายในดาวอื่น หรือตายในอวกาศวิญญาณคนพวกนั้นจะกลับโลกได้หรือเปล่านะ? หรือต้องเป็นวิญญาณเร่ร่อนอยู่แถวทางช้างเผือก...ไปกันใหญ่!!!
สุดท้ายความรู้สึกหลังจากดูรสชาติก็ประมาณ 2001: A Space Odyssey กับ Doraemon มาแจมกันนั่นแหละๆ... สรุปผลวิจารณ์หนัง
บทหนัง
7.5
การดำเนินเรื่อง
7.5
ดนตรีประกอบ
8
ฝีมือนักแสดง
8
กราฟฟิก
8.5
คะแนนเฉลี่ย
7.9
|
||
9 พฤศจิกายน 2557 12:00:38 (IP 171.5.250.xxx)
|
||
Interstellar ทะยานจากฟากฟ้าสู่จิตใจ.... [No Spoil]
เมื่อโนแลนด์ทำหนังอวกาศจะเป็นอย่างไร? การถ่ายทอดแนวความคิดอันลุ่มลึกจนตกผลึกอย่างเข้มข้น วิธีการถ่ายทอดเรื่องราวอันซับซ้อน ลึกซึ้ง ลักษณะแอคชั่นที่มีสไตล์ไม่ซ้ำใคร รวมไปถึงการกำกับการแสดงที่เป็นเอกลักษณ์อย่างมาก ทำให้หลายล้านคนทั่วโลกตั้งตารอคอยที่จะได้ดูอภิมหาภาพยนตร์ “Interstellar” กันตั้งแต่ชั่วโมงแรกที่หนังเข้าฉายกันเลยทีเดียว กระแสตอบรับจากผู้ชมทั่วไปและแฟนๆของโนแลนด์ก็แบ่งเป็นสองฝ่ายอย่างชัดเจน ส่วนเสียงจากนักวิจารณ์เป็นไปในทางบวกเสียมาก การจัดอันดับและให้คะแนนในเวปไซต์ต่างๆค่อนข้างให้คะแนนเฟ้อสูงมาก แต่ก็ไม่ได้ผิดคาดแต่อย่างใด และเห็นด้วยกับเสียงสนับสนุนและเสียงชื่นชมจากนักวิจารณ์ต่างๆ หากจะกล่าวว่า “คริสโตเฟอร์ โนแลนด์ได้สร้างสรรค์ Interstellar ให้เป็นภาพยนตร์ที่จะเป็นตำนานของโลกขึ้นมาอีกเรื่อง” ก็คงไม่ได้กล่าวเกินจริงแต่อย่างใด
ด้วยการทำการค้นคว้าและวิจัยข้อมูลเชิงลึกมาหลายปีมาก รวมถึงแนวความคิดของบทภาพยนตร์เรื่องนี้ยังมาจากนักฟิสิกส์ผู้เชี่ยวชาญหลักกลศาสตร์อวกาศ และแรงโน้มถ่วง รวมไปถึงการศึกษาเชิงลึกเรื่องทฤษฏีรูหนอนอวกาศ หลุมดำและมิติอื่นๆในอวกาศ ร่วมพัฒนาบทโดยสองพี่น้องคริสโตเฟอร์และโจนาธาน โนแลนด์ ทำให้Interstellar ไม่เป็นเพียงภาพยนตร์อวกาศชวนเพ้อฝัน แต่กลับเต็มไปด้วยเนื้อเรื่องที่หนักแน่น นำเสนอการปฏิบัติการทางอวกาศเชิงลึก อีกทั้งInterstellarยังนำเสนอแนวคิดเรื่องทฤษฎีสัมพันธภาพและเวลาได้อย่างน่าสนใจมาก นับว่าเป็นการทำการบ้านอย่างหนักหน่วงน่าชื่นชมของคนเขียนบทและผู้กำกับอย่างมาก
แต่ถึงกระนั้นInterstellarไม่ได้เป็นสารคดีเชิงวิทยาศาสตร์ที่เต็มไปด้วยทฤษฎีน่าปวดหัว แต่เป็นภาพยนตร์แอคชั่นไซไฟอวกาศที่สนุกน่าติดตามและไม่ได้เสพยากเลย การทำความเข้าใจไม่ใช่เรื่องยาก(อาจต้องพยามตั้งใจดูมากขึ้นเล็กน้อย ตามสไตล์ภาพยนตร์ของโนแลนด์) มีการเซทอัพปูเนื้อเรื่องค่อนข้างนาน เพื่อให้ผู้ชมได้เข้าใจและเข้าถึงอารมณ์ของภาพยนตร์อย่างเต็มที่ ระยะเวลาการเซทอัพเนื้อเรื่องคร่าวๆก็ประมาณ1ชั่วโมงเต็มของภาพยนตร์ความยาวเกือบสามชั่วโมงเต็ม อาจจะค่อนข้างนานแต่หากสั้นกว่านี้อารมณ์ของภาพยนตร์หลังจากนั้นจะไม่ได้พลังเท่ากับ ณ ที่เป็นอยู่ขณะนี้เลยก็ว่าได้
“จงออกไป...เพื่อครอบครัว และมวลมนุษยชาติ”
คูปเปอร์นักบินอวกาศได้รับภารกิจให้ออกไปสำรวจดาวที่เหมาะสมแก่การอยู่อาศัยของมนุษย์ในกาแลกซี่อื่น ซึ่งทริปนี้ไม่มีกำหนดกลับบ้านแน่นอน หรืออาจจะไม่ได้กลับมา! แต่ทันทีที่ขึ้นสู่ฟากฟ้าเป้าหมายเดียวของคูปเปอร์คือรอดชีวิตกลับมาหาครอบครัวของเขาอีกครั้ง ท่ามกลางห้วงอวกาศกว้างใหญ่เอนกอนันต์ โอกาสที่จะสำเร็จภารกิจแทบไม่ถึงหนึ่งเปอร์เซนต์ แต่การเดินทางครั้งนี้ทำให้คูปเปอร์ค้นพบคำตอบในหลายๆอย่างทั้งเกี่ยวกับจิตใจของตัวเขาเอง และคำตอบในเรื่องลี้ลับบางอย่างที่เขาไม่อาจพิสูจน์ได้ในโลก แต่สามารถหาคำตอบได้ในมิติที่ไกลโพ้นออกไป
Interstellarได้นักแสดงนำที่น่าสนใจอย่างยิ่ง คูปเปอร์นักบินอวกาศมาดกวน รักครอบครัวนำแสดงโดยนักแสดงมากความสามารถดีกรีนักแสดงนำยอดเยี่ยมจากเวทีออสการ์ แม็ธธิว แม็คคอนนาเฮย์ ที่ถ่ายทอดบทบาทของคูปเปอร์ได้อย่างยอดเยี่ยมไม่มีอะไรหน้ากังขา นักแสดงนำหญิงก็มือรางวัลเช่นกัน แอน แฮทธาเวย์ รับบทนักวิจัยที่ร่วมเดินทางในภารกิจกอบกู้มวลมนุษยชาติด้วยเช่นกัน ทั้งคู่รับบทที่ยิ่งใหญ่ได้อย่างอยู่หมัด แต่ถึงกระนั้นทั้งคู่ไม่ได้ตีความการแสดงของตนเป็นแบบซูปเปอร์ฮีโร่แต่อย่างใด ทั้งคู่กลับมองการแสดงเป็นเพียงการถูกผลักดันให้ออกไปปฏิบัติภารกิจอย่างมีเงื่อนไข อุทิศตนแต่ไม่ได้ยิ่งใหญ่เพื่อมวลมนุษยชาติ แต่เพื่อครอบครัว ลูกหลาน สิ่งนี้ออกมาอย่างชัดเจนมากในการแสดงของทั้งแมธธิวและแอน ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าชื่นชม ความมีมิติและลึกซึ้งของตัวละครได้รับการใส่ใจในการตีความและการแสดงอย่างพิถีพิถันจนแทบจะเข้าขั้นมาสเตอร์พีซเลยทีเดียว ส่วนนักแสดงสมทบส่วนมากจะเป็นดาราเจ้าเก่าที่โนแลนด์คุ้นเคยและเรียกใช้ ซึ่งล้วนเป็นยอดฝีมือมากประสบการณ์ทางการแสดงอยู่แล้ว ทำให้เพิ่มมิติและความหนักแน่นของInterstellarเข้าไปอย่างหนักหน่วงเลยทีเดียว
ด้านวิชวลหรือด้านภาพก็เป็นองค์ประกอบที่โดดเด่นมาก หลายๆคนอาจได้ผ่านตาในบางฉากจากเทรลเลอร์แล้ว ภาพตัวอย่างนั้นไม่ได้หลอกขายของ เป็นเพียงน้ำจิ้มเท่านั้น วิชวลในเรื่องนี้ไม่ได้ออกแบบมาให้แฟนตาซี แต่ถูกออกแบบมาให้เป็นธรรมชาติที่สุด ฉากนอกโลกเราจะได้เห็นความจริง สิ่งที่ควรเป็น บรรยากาศจริงที่ควรเป็น ลักณะภาพจะคล้ายๆในภาพยนตร์เรื่องกราวิตี้ในด้านอุปกรณ์ปฏิบัติการทางอวกาศ แต่ในส่วนของการเข้าสู่ผิวดาวดวงอื่นจะถูกออกแบบมาให้เป็นธรรมชาติ ภาพอันยิ่งใหญ่ของธรรมชาติสร้างความอัศจรรย์และตื่นตาและยิ่งชมภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วยระบบIMAX แล้ว ภาพแห่งความยิ่งใหญ่ของอวกาศและดวงเคราะห์ดวงอื่นๆที่ใหญ่โตมโหฬารจะทำให้เราจมเข้าไปฉากนั้นและแทบรู้สึกได้ถึงความเล็กของชีวิตเราจนแทบจะเป็นเสมือนฝุ่นละอองเลยทีเดียว ซึ่งภาพยนตร์เรื่องนี้ถ่ายทำด้วยกล้องIMAXมากกว่า50เปอร์เซนต์ของฉากต่างๆทั้งเรื่อง ยิ่งเป็นฉากอวกาศยิ่งคุ้มค่าที่จะเข้าไปชม
อีกองค์ประกอบที่ทำให้Interstellar ถึงอารมณ์อย่างหนักหน่วงคือเพลง จากนักแต่งเพลงประกอบภาพยนตร์ระดับโลกที่โนแลนด์เรียกใช้เป็นประจำอย่าง ฮานส์ ซิมเมอร์ ที่ฝากผลงานตราตรึงอย่างเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่องInception ที่โดดเด่นและร่วมสมัยอย่างมาก แม้ในInterstellarไม่ได้โดดเด่นเกินซึน แต่ช่วงดึงอารมณ์และเกื้อหนุนองค์ประกอบอื่นๆอย่างได้พลังและค่อนข้างถาโถมเต็มเหนี่ยว กล่าวได้ว่า ฮานส์ ซิมเมอร์ได้จัดเต็มไว้อีกเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว
ความยิ่งใหญ่ในแนวคิดเรื่องเชิงลึก ทั้งตัวบท การแสดง เพลงประกอบและการกำกับอันน่าชื่นชมของคริสโตเฟอร์ โนแลนด์ล้วนผลักดันให้Interstellar เป็นอีกหนึ่งผลงานที่น่าชื่นชมที่สุดเรื่องหนึ่งของโนแลนด์เลยก็ว่าได้ Interstellarตอบโจทย์ของผู้ที่เป็นแฟนโนแลนด์ หรือเป็นผู้เสพหนังไซไฟ อย่างมากและจะเป็นภาพยนตร์ไซไฟอันดับต้นๆในใจของคอหนังหลายๆคนแน่นอนทันทีที่ดูจบ
-เด็กเดินตั๋ว-
Nov 09 14 สรุปผลวิจารณ์หนัง
บทหนัง
10
การดำเนินเรื่อง
10
ดนตรีประกอบ
10
ฝีมือนักแสดง
10
กราฟฟิก
10
คะแนนเฉลี่ย
10
|
ยังไม่มีรีวิวหนังเรื่องนี้
kamp
8 พฤศจิกายน 2557 00:27:59 (IP 49.49.108.xxx)
|
||
GUEST |
เสียดายตอนหลังลูกพระเอกแก่ น่าจะมีต่อ ภาค 2
|
|
gonumstate
30 ตุลาคม 2557 15:09:17 (IP 183.89.57.xxx)
|
||
GUEST |
verygood
|
ถูกใจ
ไม่ถูกใจ