หนัง Sing-Su หรือชื่อไทยว่า สิงสู่ ณ สำนักบนเขาที่โดดเดี่ยวห่างไกล ในวันที่บรรยากาศอึมครึมและฝนตกหนัก คนชุดดำ 6 คนมารวมตัวกันนำโดยนายแม่ หญิงชราผมขาวหน้าตาน่าเกรงขาม ทำพิธีกรรมปริศนาบางอย่าง โดยมีศพลึกลับเป็นเป้าหมาย แต่พวกเขาหารู้ไม่ว่าพิธีกรรมนั้นได้ไปปลุกวิญญาณแปลกหน้าที่ไม่ได้รับเชิญให้เข้ามาในบ้าน และหลังจากนั้นความสยองขวัญสุดขีดก็เริ่มต้นขึ้น ทุกคนต้องเผชิญหน้ากับวิญญาณร้ายที่ไม่สามรถคาดเดาได้เลยว่ามันจะสิงใคร เมื่อไหร่ ด้วยวิธีใด และมันไม่ได้จะเข้าสิงเพื่อทำให้กลัวเท่านั้น แต่สิ่งที่มันต้องการที่สุดแล้วคือ การฝังราก..ยึดวิญญาณ ของใครสักคนในที่นี้
ผู้ชมทั้งหมด
13,162 ครั้ง
|
เข้าฉาย
13 ธันวาคม 2561
|
ออกโรงแล้ว |
17 ธันวาคม 2561 10:47:08 (IP 119.46.186.xxx)
|
||
[รีวิว] - สิงสู่ ต้องบอกว่า สิงสู่ คือหนังไทยที่กล้ามาก กล้าที่จะชนกับหนังใหญ่อย่าง Aquaman ต้องบอกว่าเขากล้าที่จะสู้ ขอไม่เรียกว่า “สู้” ดีกว่า ขอใช้คำว่า “ทางเลือก” ละกัน ถือว่าเป็นหนังอีกหนึ่งทางเลือก ที่น่าสนใจไม่ใช่น้อยเลย ภายใต้เปลือกที่ถูกเรียกว่า หนังผี โดยมีคอนเซ็ปต์ที่ความกลัว ผีจะเข้าจู่โจมคนที่มีความกลัว ต้องบอกว่าหนังเรื่องนี้คือหนังผีทุนต่ำ ที่ใช้ความสามารถของนักแสดง ที่แสดงในพื้นที่จำกัดเพื่อประหยัดงบ และให้ค่ายหนังมีหนังออกมาเรื่องนึงในปีนี้ ไม่มีซีจี ไม่เน้นการเมคอัพ เพราะโปรเจคใหญ่มันไม่เสร็จ จึงเกิดเป็น สิงสู่ ออกมา
อย่างที่จั่วหัวไว้ข้างต้นว่าเป็นหนังผีที่จะท้อนสังคม คนไปดูอาจเข้าไปรับรู้สารในแบบฉบับหนังผีก็ได้ ไม่ผิด ทั้งโปสเตอร์ เรื่องย่อ ตัวอย่างหนัง ต่างชี้ไปในทางเดียวกันว่ามันคือหนังผีแน่ๆ และเช่นเดียวกัน คุณอาจจะเข้าไปถอดรหัสสารและตีความออกมาเป็นหนังสะท้อนการเมืองเข้มข้นสักเรื่องก็ไม่ผิดเช่นกัน เพราะจริงๆ แล้ว “ผีกับการเมืองแทบจะเป็นเรื่องเดียวกันเลยด้วยซ้ำ” และบางคนก็พร้อมจะเชื่อสิ่งเหล่านี้โดยไม่ตั้งคำถามเช่นกัน สิงสู่ จึงกลายเป็นหนังที่จัดจ้านในเรื่องการเมืองแบบสุดๆ ถ้าเราไม่รู้จักหรือติดตาม อ่านบทสัมภาษณ์ งานเขียนต่างๆ ของ วิศิษฏ์ มาก่อน เราก็จะไม่รู้เลยว่าเขาชื่นชอบการเมือง และเราก็จะไม่มีทางรู้เลยว่าหนังเรื่องนี้สอดแทรกการเมืองไว้อย่างลึกซึ้ง มาว่ากันที่เรื่องของหนังผีก่อนดีกว่า สิงสู่ ถือเป็นหนังผีที่มีองค์ประกอบและวัตถุดิบที่น่าสนใจ ตรงที่ไม่ใช้ CG และเน้นที่ทักษะการแสดงของนักแสดงเนี่ยแหละ ไม่ว่าจะเป็นการเคลื่อนไหวของนักแสดง ที่เป็นเหมือนผีกระดูกหัก หนังเปิดเรื่องอย่างเร่งรีบ ไม่ได้มีการปูเรื่องราวของตัวละครใดๆ ทั้งสิ้น เป็นฉากเรียกวิญญาณเหมือนที่เราได้เห็นในตัวอย่างแรกของหนังนั่นแหละ แต่หนังก็จะค่อยๆ เฉลยเรื่องราว และภูมิหลังของตัวละครแต่ละคนไปเรื่อยๆ หนังมีการผสมผสาน หนังสยองขวัญหลากหลายแนว มีวิธีไล่ผี หรือผีต่างๆ ชวนให้นึกถึงเรื่อง The Exocist ส่วนทางด้านการแสดงก็ได้ อนันดา ที่เล่นได้มาตรฐาน แต่ที่เซอร์ไพรส์คือน้องพลอย ที่เล่นได้ดีอย่างเหลือเชื่อ นอกเหนือนั้นก็ค่อนข้างจะเฉยๆ เลยทีเดียว จริงๆ หนังมันก็มีความน่ากลัวอยู่บ้าง...แต่มันแค่บ้างจริงๆ เพราะหนังด้วยความที่เป็นหนังทุนต่ำ หน้าผีก็จะแบบหน้าขาวขอบตาดำเท่านั้น มีฉากที่ตลกๆ อย่างไม่ตั้งใจเล็กน้อย บวกกับบทพูดตัวละครที่ดูเหมือนท่องบทมา และการแสดงบางตัวละคร บางฉากก็เหมือนดูละครเวทียังไงยังงั้น อีกทั้งหนังยังมีฉากย้อนอดีตที่เสียเวลาและไม่จำเป็นมากมาย เนื้อเรื่องเดาง่ายมาก สามารถเดาได้ตั้งแต่ต้นเรื่อง ตอนเฉลยเรื่องราวเลยไม่ตกใจกับมันสักเท่าไหร่ แต่ยังดีที่หนังมีดนตรีประกอบที่ยอดเยี่ยม และชวนให้ลุ้น ระทึกขวัญ ตื่นเต้นอยู่เหมือนกัน เป็นส่วนที่ดีที่สุดของหนังผีเรื่องนี้แล้วมั้ง มาทางด้านของการเมืองกันบ้าง แน่นอนว่าหนังได้ซ่อนการเมืองเอาไว้อย่างลึก แต่คมคาย ซึ่งต้องสารภาพว่า ไม่ใช่คนที่ติดตามการเมืองขนาดนั้น และก็ไม่รู้ว่าสิ่งที่เราเข้าใจมันตรงกับที่ผู้กำกับต้องการสื่อหรือเปล่า แต่ต้องบอกว่าถ้าเอาเรื่องนี้ไปคุยกับคนอื่นๆ และมานั่งตีความกัน คงจะเพลินไม่ใช่เล่น เพราะหนังเป็นปลายเปิด แต่ละคนอาจจะตีความต่างกันก็เป็นได้ หนังมีการบอกใบ้ไว้เล็กน้อยกับฉากที่เห็นภาพถ่ายของสำนักแห่งนี้ ซึ่งจะเห็นว่าในรูปภาพถูกเขียนไว้ว่าเป็นปี “2549” เป็นการสะท้อนถึงการ “สิงสู่” ของสังคมไทย กับการเข้ามาควบคุมบางอย่าง และตัวละครแต่ละตัวละคร ก็สะท้อนถึงภาพของคนในสังคมเป็นกลุ่มๆ ไป ด้วยคอนเซ็ปต์ความกลัวที่เกิดขึ้นกับคนในแต่ละกลุ่มก้อน และแต่ละคนทำตัวยังไง ปฏิบัติยังไง เวลาเจอเหตุการณ์แบบนั้น แต่สุดท้ายก็ตกเป็นเป้าของการ สิงสู่ อยู่ดี ลองมองเรื่องราวของหนังเรื่องนี้เป็นการเมือง กับสถานการณ์ที่ว่า... การทำ “พิธี” ที่เกิดข้อผิดพลาด จนทำให้มี “ผี” เข้ามาใน “สำนัก” ของตน และมันกำลัง “สิงสู่” “ยึดร่าง” และแผ่ “ขยายอำนาจ” พร้อมเรียกให้ “ผีตัวอื่นๆ” เข้ามาร่วมสิงสู่ด้วยเช่นกัน… หนังสะท้อนเรื่องนี้ออกมาได้เป็นอย่างดีอย่างแสบสันเลยทีเดียว สรุป หากจะดูเป็นหนังผีมันก็ถือเป็นหนังผีทางเลือก ที่น่าสนใจไม่ใช่น้อย ถึงแม้จะมีปัญหาอยู่บ้าง แต่ถ้าดูเป็นหนังผีสะท้อนสังคม ต้องบอกว่ามันน่ากลัวไม่ใช่เล่นเลยแหละ สรุปผลวิจารณ์หนัง
บทหนัง
8
การดำเนินเรื่อง
6.5
ดนตรีประกอบ
8
ฝีมือนักแสดง
7
กราฟฟิก
5.5
คะแนนเฉลี่ย
7
|
ยังไม่มีรีวิวหนังเรื่องนี้
ถูกใจ
ไม่ถูกใจ