หนัง Five Feet Apart หรือชื่อไทยว่า ขออีกฟุตให้หัวใจเราใกล้กัน จะรักกันได้อย่างไรในเมื่อเราสัมผัสกันไม่ได้? สเตลล่า (เฮลีย์ ลู ริชาร์ดสัน) และ วิล (โคล สเปราส์) หนุ่มสาววัยสิบเจ็ดที่ตกหลุมรักกัน พวกเขาจีบกันเหมือนวัยรุ่นทั่วไป แอบทำอะไรเมื่อพ้นสายตาผู้ใหญ่ แต่ความสัมพันธ์นี้เกิดขึ้นบนพื้นฐานที่ว่าพวกเขาเป็นผู้ป่วยโรคซิสติก ไฟรโบรซิส ที่รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลเดียวกัน โดยมีกฏสำคัญว่าพวกเขาห้ามเข้าใกล้กันกว่าห้าฟุตโดยเด็ดขาด เมื่อความผูกพันระหว่างวิลและสเตลล่าเหนียวแน่นขึ้น แต่รักครั้งนี้จะสมบูรณ์แบบได้อย่างไรในเมื่อทั้งสองไม่สามารถสัมผัสกันได้ วิลและสเตลล่าจึงขอใช้ทุกวินาทีรวบรวมความเข้มแข็งในจิตใจของตัวเองเพื่อส่งผ่านความรักที่จะไม่มีวันยอมปล่อยให้ระยะทาง “5 ฟุต” เป็นอุปสรรค
A pair of teenagers with life-threatening illnesses meet in a hospital and fall in love.
ผู้ชมทั้งหมด
14,364 ครั้ง
|
เข้าฉาย
18 เมษายน 2562
|
ออกโรงแล้ว |
10 เมษายน 2562 16:40:04 (IP 180.183.244.xxx)
|
||
[รีวิว] Five Feet Apart Five Feet Apart เป็นเรื่องราวของ Stella หญิงสาวผู้เป็นโรค CF หรือ Cystic Fibrosis เป็นโรคที่มีอาการเกี่ยวกับปอดที่ไม่สามารถเข้าใกล้ผู้ป่วยโรคเดียวกันได้ใกล้เกิน 6 ฟุต เพราะจะทำให้ปอดติดเชื้อ แต่เธอดันไปตกหลุมรัก Will ชายหนุ่มผู้เป็นโรคเดียวกัน ทำให้ทั้งคู่ของทวงคืนชีวิตที่โรคนี้พรากไปด้วยการขอเข้าใกล้กันมาอีก 1 ฟุต ก่อนที่จะไปรีวิว เราได้เห็นชื่อคนๆ นึงขึ้นใน End Credit ของหนัง เธอคือ “Claire Wineland” ทำให้เราสงสัยว่าเธอเป็นใครก็เลยไปลองหาข้อมูลของเธอมาให้อ่าน และก็ได้รู้ว่า Claire เป็นแรงบันดาลใจให้เกิดตัวละครอย่าง Stella ขึ้นมา Claire Wineland เป็นผู้ป่วยโรค CF หรือ Cystic Fibrosis เหมือนกับในหนังนั่นแหละ จะเรียกได้ว่าเธอเป็นตัวละคร Stella เลยก็ได้ ในหนังเราจะรู้ว่า Stella ได้ทำช่อง Youtube เพื่อถ่ายทอดเรื่องราวการเป็นโรค CF ของเธอให้คนอื่นๆ ได้ดู และ Claire ก็ทำเช่นนั้นในชีวิตจริงเช่นกัน ทั้งหน้าตา การพูดการจาของเธอ ภาพของ Stella ในหนังก็ผุดขึ้นมาเลย ขณะที่คนอื่นนับอายุเพื่อมีชีวิตอยู่ต่อ เธอนับมันเพื่อถอยหลัง แต่เธอถ่ายทอดประสบการณ์ของผู้ป่วยใกล้ตายออกมาได้อย่างมีความสุขและสดใสมากๆ เพื่อเป็นแรงบันดาลใจและแชร์ประการณ์ให้กับผู้ป่วยรายอื่นๆ รวมถึงบุคคลทั่วไปด้วย แม้กระทั่งในคลิปที่เธอรู้ตัวว่าใกล้ถึงวาระสุดท้ายของเธอ เธอยังคงยิ้มและมองโลกในแง่ดีอยู่เช่นเคย เธอเสียชีวิตด้วยวัยเพียง 21 ปี หากใครอยากรู้เรื่องราวของเธอ สามารถติดตามได้ที่ The Clairity Project ยิ่งรับรู้เรื่องราวของเธอ และมาคิดถึงเรื่องของหนัง มันก็น่าสงสารและเจ็บปวดไม่ใช่เล่น “...เราต้องการการสัมผัสจากคนที่เรารัก พอๆ กับต้องการอากาศเพื่อหายใจ” จำประโยคเต็มๆ ไม่ได้หรอก แต่ชอบประโยคเปิดของหนังที่นางเอกเล่าให้คนดูฟังมาก แล้วตลอดเวลาที่หนังดำเนินเรื่องมาจนถึงตอนจบด้วยประโยคเดียวกัน ยิ่งทำให้ชอบและเข้าใจประโยคเหล่านั้นได้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิมอีก หนังดำเนินเรื่องเหมือนหนังรักมีเงื่อนไขทั่วๆ ไป แต่มันดำเนินเรื่องได้อย่างน่าสนใจ เพราะมันอยู่ภายใต้เงื่อนไขง่ายๆ ที่ปฏิบัติได้โคตรยาก “รักกันได้ แต่ใกล้กันไม่ได้” มันก็จะไปสะท้อนกับสิ่งที่ตัวหนังได้บอกกับเราไว้ตั้งแต่ต้น มันจึงทำให้ตลอดทั้งเรื่องเราเข้าใจเรื่องราวและความรู้สึกอัดอั้นตันใจของตัวละคร ความสัมพันธ์ ภายใต้เงื่อนไข ความเจ็บปวด ทรมาน อึดอัด หนังถ่ายทอดเรื่องราวเหล่านั้นให้เราอินได้ง่ายมาก ไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ในเรื่องนี้จะเรียกว่าโชคดีหรือโชคร้ายดี เพราะมันทั้งสุขและทุกข์ในเวลาเดียวกัน หนังไม่ได้ดราม่าหนักขนาดต้องสะอื้นตลอดเวลา (แต่ช่วงท้ายๆ นี้น้ำตาซึมเช่นกัน คนข้างๆ หลายคนนี้ร้องไห้นั่งสะอื้นเลย) แต่อย่างที่บอกไปข้างต้นว่าหนังได้รับแรงบันดาลตัวละคร Stella มาจาก Claire เธอถ่ายทอดมันออกมาได้สดใส เช่นเดียวกัน Stella ก็ทำให้หนังเรื่องนี้สดใสเพราะตัวเธอเลย หนังไม่ได้หดหู่มานั่งเศร้าเคล้าน้ำตารอวันตาย แต่หนังมีฉากน่ารักชวนจิ้น ฟินไปหมด แถมยังโรแมนติกแบบหวานของคู่พระนางด้วย ไม่น่าเชื่อว่าจะดีไซน์ความโรแมนติกให้เกิดขึ้นในภาวะผู้ป่วยและในสถานที่อย่างโรงพยาบาลได้น่ารักชวนยิ้มแบบนี้ ที่สำคัญ… Cole Sprouse !!! ใครเป็นแฟนคลับพระเอกหนุ่มสุดหล่อคนนี้รับรองตายอย่างสงบศพสีชมพูแน่ๆ หนังมีฉาก Close Up อยู่เยอะ และสาวๆ คงฟินหน้าดูได้เห็นหน้า Cole แบบเต็มจอ รอยยิ้มแบบมีเสน่ห์กระชากใจสาวๆ เหลือเกิน เซอร์วิสแฟนสุดๆ หล่อทะลุจอ ทะลุโรค นี่ขนาดสภาพคนป่วยนะเนี่ย!!! และที่ขาดไม่ได้ก็คือ Haley Lu Richardson ที่เธออาจไม่ได้สวยเปล่งประกายขนาดนั้น แต่เธอน่ารัก มีเสน่ห์ และเล่นเหมือนคนป่วยจริงๆ สองคู่พระ-นางนี้ เคมีเข้ากันโคตร หนังมีความไม่สมเหตุสมผลอยู่หลายอย่างเหมือนกัน บางอย่างยังไม่เข้าใจในการตัดสินใจของตัวละครเหล่านั้นเลยด้วยซ้ำ มันดูไม่มีน้ำหนักพอเท่าไหร่ แต่โดยรวมแล้วเป็นหนังที่น่ารัก มีความชวนฝัน แบบหนังรักคลาสสิค มีความพ่อแง่แม่งอน ที่ดูน่ารัก โรแมนติก และดราม่ามาอย่างลงตัว และ...เพลงในเรื่องนี้ โคตรเพราะ เข้ากับทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นเพลง Don’t Give Up On Me ของ Andy Grammer, Nobody ของ Selena Gomez และอื่นๆ ที่ไพเพราะชวนเคลิ้มไปกับบรรยากาศของหนังแบบสุดๆ ไปเลย สรุปแล้ว Five Feet Apart เป็นหนังน่ารักที่ดูไปยิ้มไป ไม่มีพิษมีภัย เข้าไปเสพความน่ารักของคู่พระ-นาง โรแมนติก ดราม่า ฟังเพลงเพราะๆ แค่นี้ก็คุ้มแล้วววว สรุปผลวิจารณ์หนัง
บทหนัง
8
การดำเนินเรื่อง
7
ดนตรีประกอบ
9
ฝีมือนักแสดง
9
กราฟฟิก
7
คะแนนเฉลี่ย
8
|
ยังไม่มีรีวิวหนังเรื่องนี้
ถูกใจ
ไม่ถูกใจ