รีวิวหนัง The Lion King - ไลอ้อน คิง

 The Lion King

เป็น Live Action ที่สมจริงมากๆ CG เนียนสุดๆ เพลงประกอบเพราะ ดูแล้วคิดถึงอดีต สมัยนั้นดูเป็นวิดีโอ กรอจนวิดีโอแทบพัง สำหรับเวอร์ชั่น Live Action ก็ยังคงความดีงามของต้นฉบับไว้เหมือนเดิม แต่ต่างกันตรงที่มันสมจริงมาก สมจริงขนาดที่ว่าแยกตัวละครไม่ออกถ้าดูจากรูปภายนอก ต้องฟังเสียงถึงจะรู้ว่านี่คือตัวละครนี้นะ 

The Lion King สำหรับผมตอนยี่สิบปีที่แล้วคือหนังที่ดีมากๆ มีครบทุกอารมณ์ โดยเฉพาะฉากเศร้า ขนาดตอนนั้นเราเป็นเด็ก เรายังรับรู้ถึงอารมณ์ตัวละครได้มากๆ ร้องไห้ตาม แต่สำหรับเวอร์ชั่นนี้ตัวละครดูสมจริงมาก จนไม่สามารถแสดงอารมณ์ออกทางหน้าตาได้เหมือนเป็นการ์ตูน ทำให้ฉากเศร้า มันก็ดูไม่ค่อยเศร้าเท่าฉบับดั้งเดิม

ข้อดีของหนังเรื่องนี้สำหรับผมก็คือ CG ภาพ ฉากในหนังมันดูสมจริงๆ สวย ลื่นไหลดีมากๆ แค่ตีตั๋วเข้าไปชมก็คุ้มค่าแล้ว อีกอย่างคือเพลงประกอบ ฟังแล้วขนลุกหลายรอบ มันดูยิ่งใหญ่ (ตอนเด็กๆดูจนร้องเพลงตามได้ เพราะทุกเพลง)

ถามว่าอะไรแย่ในหนัง ทุกคนน่าจะตอบคล้ายๆกันคือมันสมจริงมากๆ จนตัวละครขาดอารมณ์ทางสีหน้า มันดูแข็งๆ ดูแปลกๆ แถมตัวละครยังหน้าตาไปในทางเดียวกันอีก จนบางครั้งงงว่านี่ใครกัน(ไฮยีน่านี่หน้าเหมือนกันทุกตัวไม่ค่อยมีเอกลักษณ์ฺ)

ถ้าถามว่าชอบมั้ยก็บอกว่าชอบนะครับ แต่ก็สู่เวอร์ชั่นต้นฉบับไม่ได้ อันนั้นคือตำนานจริงๆ ดูกี่รอบก็ชอบ สำหรับ Live action นี้ก็ต้องบอกว่าอาจจะไม่ได้ชอบทั้งหมดแต่มันก็เป็นหนังที่ดีมากๆ แนะนำจริงๆ ว่าคุ้มค่าตั๋วแน่นอน

The Lion King ความทรงจำในวัยเด็กกลับมาอีกครั้ง

เมื่อเอาของเดิมมารีเมคแล้วมันปัง ฉันจึงต้องรีเมครัวๆ นับตั้งแต่ Alice In Wonderland ที่ปลุกกระแส Disney Live Action ดัดแปลงจากแอนิเมชั่นของตัวเอง ได้รับความนิยมและทำเงินไปกว่าพันล้าน เทรนรีเมคของดิสนีย์เลยเริ่มนับตั้งแต่นั้น โดยเรื่องที่ผ่านมาที่ปังๆ ก็มี  Beauty and the Beast, The Jungle Book, Maleficent, Aladdin ซึ่งเรื่องหลังสุดเรียกได้ว่าม้ามืดของปีนี้เลยกว่าได้ จากหนังที่หลายสำนักมองว่าจะเป็นยักษ์ล้มในปีนี้ ตอนนี้ทำเงินไปกว่า 9 ร้อยล้าน USD ไปแล้ว

เรียกได้ว่าหนังรีเมคของดิสนีย์นั้นสามารถแยกออกมาเป็น 2 ประเภทได้แบบชัดๆ เลยก็คือ 1.ดัดแปลงจากเวอร์ชั่นต้นฉบับ 2. รีเมคจากต้นฉบับแบบฉากต่อฉาก ซึ่งสำหรับเรื่อง The Lion King นั้นจะเป็นการเดินเรื่องแบบฉากต่อฉากตามรอยแอนิเมชั่นเลยก็ว่าได้  ดังนั้นผมคงไม่ต้องเล่าอะไรมากสำหรับเนื้อเรื่องเพราะหลายๆ คนก็เคยดูอนิเมชั่นมาแล้วนั่นเอง แต่จะขอกล่าวไว้นิดนึง เรื่องเฉพาะเพลงเปิดเรื่องอย่าง Circle of Life ที่เวอร์ชั่นนี้แทบจะถอดแบบมาเป๊ะมาก ทำเอาขนลุกเลยจริงๆ เหมือนความทรงจำในวัยเด็กได้หวนกลับมาอีกครั้งในระหว่างชม 

สิ่งที่ทุกเสียงยืนยันคือ CG สำหรับเรื่องนี้คือที่สุดจริงๆ ใครจะไปคิดว่าภาพยนตร์เรื่องนี้เป็น CG ล้วนๆ เลยก็ว่าได้ ทีเดลฉาก และตัวละครสัตว์ต่างๆ ล้วนสมจริงเอามากๆ ถ้าแปะหัวเรื่องด้วย logo National Geographic ก็ไม่ติดขัดอะไรเลยด้วยซ้ำไป 555

สรุปแล้วสำหรับใครที่เป็นคอแอนิเมชั่น ดูเรื่องนี้มาตั้งแต่เด็กๆ อยากหวนกลับไปรำลึกถึงความหลังในวัยเด็ก แนะนำให้มาชมเลยจริงๆ เรื่องนี้ตอบโจทย์สุดๆ แต่ถ้าใครที่ต้องการความแตกต่าง หรือสิ่งที่ดูโตขึ้น เรื่องนี้คงไม่ตอบโจทย์เท่าไหร่ 7.5/10

[รีวิว] - The Lion King
--- 6.5/10 ---
ภาพสวยขึ้น สมจริงขึ้น อลังกาลงานสร้างมาก
แต่ไม่แปลกใหม่ และให้ความรู้สึกที่ไม่ต่างจากเดิม
มันแทบจะเหมือนเวอร์ชั่นเก่าแบบช็อตต่อช็อตเลย

ช่วงนี้ Disney ก็ทยอยนำเอาการ์ตูนในค่ายกลับมาทำ Live-Action ซะมากมาย และก็ถึงคราวการ์ตูนสุดคลาสสิคโคตรอมตะตั้งแต่ปี 1994 อย่าง The Lion King ที่ถือว่าเป็นการ์ตูนที่เราชอบที่สุดใน Disney เลยก็ว่าได้ การได้เห็นมันมาฉายในโรงอีกรอบในรูปแบบที่สมจริงขึ้น ก็เหมือนเป็นการได้ย้อนวัยกลับไปเจอเพื่อนเก่า

เรื่องราวของ The Lion King คงไม่ต้องพูดถึงแล้วกระมั้ง เพราะหลายๆ คนคงจะเคยดูและรู้เรื่องราวเหล่านั้นมาอยู่แล้ว แต่สำหรับเราแล้ว ก็ยังอยากเห็นอะไรที่แปลกใหม่ ที่อยู่ในเค้าโครงเรื่องเดิม เพราะไม่งั้นมันก็จะกลายเป็นแค่แปลงภาพออกมาให้ดูสวยขึ้นเท่านั้น และ The Lion King ฉบับหนังก็เป็นแบบนั้นซะด้วยสิ

ตลอดทั้งเรื่องเกือบจะทุกฉาก มันกลายเป็นแค่การถอดแบบออกมาจากต้นฉบับแบบฉากต่อฉากเลยก็ว่าได้ ไม่ได้มีเซอร์ไพรส์ ไม่ได้แปลกใหม่ 

แต่ที่โดดเด่นขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเลยคืองานด้านภาพ ที่ต้องบอกว่าสวยมากจริงๆ ทั้งเหล่าสัตว์ต่างๆ ที่แต่ละตัวสมจริงเหลือเกิน รู้สึกดีใจ ที่ได้เห็นเหล่าตัวละครทั้ง Mufasa Simba Scar Sarabi Zazu มาในรูปแบบที่มีชีวิต ตามมาด้วยสภาพแวดล้อมที่งดงาม อลังการงานสร้างสุดๆ มันสมจริงให้อารมณ์เหมือนดูสารคดีส่องสัตว์โลกมาก แต่มันก็กลายเป็นดาบสองคม....

ด้วยความที่มันเป็น Live-Action และงานด้านภาพสมจริงขนาดนั้น เราจึงเห็นการแสดงออกทางอารมณ์ผ่านทางสีหน้าได้ไม่ดีเท่าต้นฉบับในรูปแบบการ์ตูน ด้วยจุดนั้นมันก็เลยทำให้เราไม่รู้สึกอินตาม หรือเกิดอารมณ์ร่วมไปกับเนื้อเรื่องเท่าไหร่ และมันดันเป็นจุดสำคัญซะด้วยสิ เพราะความสนุก ความอินส่วนใหญ่ และน่าประทับใจของการ์ตูนต้นฉบับคือการที่ได้เห็นเหล่าสัตว์แสดงออกทางสีหน้า ไม่ว่าจะมีความสุข กลัว ระแวง โกรธ และจุดเหล่านั้นหนังทำได้ไม่ดีพอ จึงส่งผลต่อซีนอารมณ์หลายๆ ฉากมากเลยทีเดียว

ตามมาด้วยเสียงพากย์ ที่ไม่ได้แย่ แต่ต้องบอกตามตรงว่าทำได้ไม่ดีเท่าต้นฉบับ ถึงแม้จะได้ James Earl Jones กลับมารับเสียงพากย์ Mufasa ก็ตาม โดยเฉพาะเสียงพากย์ของ Scar ที่ต้นฉบับทำเอาไว้ได้ดีมากจริงๆ มันจึงอดที่จะเอาไปเปรียบเทียบไม่ได้ 

ทั้งนี้ทั้งนั้น โจทย์ที่ยากของการนำเรื่องเดิมๆ มารีบูททำใหม่ก็คือ การทำยังไงให้เอาเนื้อเรื่องเดิมที่คนรู้ตอนจบอยู่แล้ว กลับมาทำใหม่ให้น่าสนใจ แปลกใหม่น่าดึงดูด แต่ก็ต้องก็ยังคงความสนุกแบบเดิมเอาไว้ด้วย เราไม่ได้บอกว่า The Lion King เป็นหนังที่ไม่สนุก มันก็สนุกแหละ เพียงแต่ว่ามันสนุกแบบเดิมๆ ให้ความรู้สึกเดิมๆ ไม่แปลกใหม่ ไม่เต็มอิ่ม เราจึงรู้สึกเสียดายและไม่คุ้มค่าสักเท่าไหร่ กลายเป็นแค่เหมือนการกลับไปดู The Lion King ที่พัฒนาเพียงแค่งานด้านภาพอย่างเดียวเท่านั้น และหลังดูจบเราก็ยังคงประทับใจต้นฉบับเวอร์ชั่นการ์ตูนมากกว่าอยู่ดี

งดงาม ตราตรึง ทรงพลัง

จากภาพยนตร์ 2D Animation ระดับตำนานที่ครองใจของผู้ชมหลายล้านคนทั่วโลก (รวมถึงเด็กเดินตั๋วด้วย) ในปี1994 บัดนี้ 25 ปีต่อมาวิทยาการและเทคโนโลยีก็พร้อมสำหรับ Lion King ฉบับ Live action ซึ่งก่อนหน้านี้ดิสนีย์ก็ได้รีเมคภาพยนตร์ฉบับ live action ออกมาหลายเรื่องแล้ว ซึ่งทำไว้น่าประทับใจและมีมาตรฐานสูงมากๆ Lion King เวอร์ชั่นนี้จึงน่าจับตามองอย่างมาก

เปิดตัวด้วยภาพเดียวกันกับเวอร์ชั่น 2D แบบช็อตต่อช็อตเลยทีเดียว ทั้งแอคชั่นของเหล่าสรรพสัตว์ในทุ่งหญ้าซาวันน่าในจังหวะของเพลง Circle of Life ซึ่งสร้างความประทับใจให้กับแฟนคลับแดนตายระดับน้ำตาคลอเบ้ากันได้เลยทีเดียว ภาพที่เคยเห็นเมื่อยี่สิบกว่าปี (สมัยที่ยังดูเป็นวิดีโอ) ถูกทดแทนด้วยภาพสัตว์เสมือนจริงในแอคชั่นเดิม มีพลังมากๆ 

หนังถูกตีความเพิ่มเติม ใส่สัญลักษณ์หลายๆอย่างลงไป หรือถอดบางอย่างออกไปจากการตีความใหม่ของผู้กำกับ บางฉากที่สีสันฉูดฉาดจัดจ้านก็ดูสมจริงมากขึ้น ตัวคาแรกเตอร์คุณอาสการ์ที่ในเวอร์ชั่น 2D ดูเหมือนแขกอาหรับ ก็ดูเป็นสิงโตแอฟริกันมากขึ้น หมูป่าพูมบ้าดูอยู่ในวัยชรามากขึ้น ส่วนทีโมนดูน่ารักขึ้นยังไงก็ไม่รู้ เหล่าบรรดาสิงโตสาวดูเข้มแข็งมีพลัง นาล่าและซาลาบีดูเป็นผู้นำสตรีที่เข้มแข็งห้าวหาญ ส่วนพ่อหนุ่มซิมบ้าก็ยังคงเป็นพ่อสิงหนุ่มหลงทางลืมหน้าที่ตัวตนเหมือนเดิมกับในเวอร์ชั่น2D

หลายๆ ฉากที่ได้ดูช่างตอกย้ำความผูกพันที่เคยรับรู้ ที่เคยมีอารมณ์ความรู้สึกร่วม ฉากที่พ่อลูกหยอกล้อเล่นกัน ฉากที่ซิมบ้าตกอยู่ภัยอันตรายและมูฟาซ่าเข้ามาช่วย ฉากที่ซิมบ้ากับนาล่าวิ่งเล่นกันในทุ่งหญ้า หรือฉากที่ซิมบ้ามองดูท้องฟ้า เหล่าบรรดาฉากจำเหล่านี้มันหวนกลับมาอีกครั้งในเวอร์ชั่นที่สมจริงขึ้น งดงาม และสร้างความประทับใจครั้งใหม่ให้เราได้อีกครั้ง

- เด็กเดินตั๋ว -