หนัง Sonic the Hedgehog - โซนิค เดอะ เฮ็ดจ์ฮอก

รีวิวหนังเรื่อง โซนิค เดอะ เฮ็ดจ์ฮอก  Sonic the Hedgehog    

ข้อดี

1.หนังตัดสินใจดีเเล้วครับ ที่เปลื่ยนดีไซค์ตัวละครใหม่ โซคนิกน่ารักมาก

2. หนังรักษาเอกรัตน์ ให้เหมืยนเกม 70% ที่ขัดตาคือตัวละครโซคนิก

ไม่เหมืยนในเกมเลย 

3.Ggสวยงาน  เนื้อเรื่อง ออกเเนวง่ายหนังเต็มไปด้วยมุกตลก ๆ  ถึงผมไม่หัวเรอะเต็มปากเเต่ทำให้ยิ้มมุมปากได้ถือว่าดี

4. การเล่าเรื่องถือว่าดี ไม่ ยืดจนเกินไป ไม่เบื่อจนเกินไป

5. หนังเน้นการเล่าเรื่องโซนิก กับว้าวของโซนิก ถือว่าทำได้ดี

ที่อยู่ในระดับเด็กดูได้ ไม่ระทึกมากเเต่ก็ไม่ได้เเย่  หนังเล่าเรื่องดีเเต่ไม่ถึงกับดีมาก

ข้อเสีย

1.หนังยืดครับมีฉากหน้าเบื่อในบางฉากเเต่ไม่ถึงกับ หน้าเบื่อมาก ไม่ถึงเดินออกจากโรงเลย ดูเพลิงจนจบได้

2. มุกต่างๆอาจจะไม่ค่อยขำซักเท่าไหร่เหมืยนมุกจะทำออกมาให้เด็กดู ผู้ใหญ่ดูอาจจะไม่ค่อยฮาเท่าไหร่ครับ

3. ฉากไล่ล่าหรือต่อสู้ ไม่สุดเท่าไหร่  ตามสไตย์หนังทำให้เด็กดูครับ

" สรุป  เป็นหนังที่ผู้ใหญ่ดูได้ เด็กดูได้เเละเป็นหนังที่ดีอีกเรื่องเลยครับ"

[รีวิว] Sonic the Hedgehog
--- 7.5/10 ---
ตัดสินใจถูกแล้วที่แก้ดีไซน์ตัวละคร
ดูแล้วคุณจะรัก Sonic และอยากเห็นมันอีกต่อไปแน่ๆ
ทั้งสนุก ตลก กวน น่ารัก

เป็นหนังที่สร้างมาจากเกมชื่อดังของค่าย Sega กับเรื่องราวของเม่นสายฟ้า Sonic (Ben Schwartz) ที่หนีการตามล่ามายังโลกมนุษย์ และในโลกนี้เขาก็ต้องเผชิญหน้ากับการตามล่าของวายร้ายอัจฉริยะ Dr. Robotnik (Jim Carrey) เขาจึงต้องร่วมมือกับเพื่อนใหม่ Tom (James Marsden) เพื่อหยุดยั้งภัยคุกคามในครั้งนี้

Sonic the Hedgehog ส่อแววมีปัญหาตั้งแต่แรกเลย เพราะการปล่อยตัวอย่างแรกเมื่อประมาณช่วงเมษายน 2019 ก็เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์เละถึงดีไซน์ตัวละคร Sonic ที่ขัดใจแฟนๆ เสียเหลือเกิน จนทำให้ทางผู้กำกับทนกระแสตอบรับไม่ไหว และยอมรับคำวิจารณ์ไปปรับแก้ไขดีไซน์ Sonic ใหม่ทั้งหมด จนทำให้จากกำหนดฉายเดิม พฤศจิกายน 2019 ต้องถูกเลื่อนมาเป็น 14 กุมภาพันธ์ 2020 และในบ้านเราก็ได้ดูวันที่ 27 ก.พ. 2020 เนี่ยแหละ 

และเหมือนการตัดสินใจแก้ดีไซน์ตัวละครในครั้งนี้จะค่อนข้างเวิร์คเลยทีเดียว เพราะหลังจากปล่อยตัวอย่างหลังจากแก้ไขแล้ว แฟนๆ ต่างชื่นชม ชื่นชอบ และรู้สึกดีกับหนังขึ้นมาในทันที (แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะคุ้มกับรายได้หรือไม่) คงต้องรอดูกันต่อไป

เราจะมาพูดถึงตัวหนังกันบ้าง ซึ่งหนังจากเกมโดยส่วนมากที่ผ่านๆ มา มักจะไม่ค่อยเวิร์คสักเท่าไหร่ แต่ล่าสุด Pokémon Detective Pikachu ก็ได้สร้างปรากฏการณ์ทำลายอาถรรพ์หนังจากเกม เพราะมันทำออกมาได้ดีเลยทีเดียว จึงทำให้ความกดดันทั้งหมดตกไปอยู่ที่หนังจากเกมเรื่องต่อมาอย่าง Sonic the Hedgehog เนี่ยแหละ...แต่หลังจากดูปรากฏว่า เห้ย! สนุก!

จริงๆ เนื้อเรื่องของ Sonic the Hedgehog ไม่ได้มีอะไรมากเลย ธรรมดาจริงๆ ถือเป็นหนังสูตรสำเร็จเลยด้วยซ้ำ กับการโคจรมาเจอกันของคน 2 คน (1 คนกับ 1 ตัว?) และร่วมกันปราบเหล่าร้ายหรือพิทักษ์โลก ก็ไม่ได้แปลกแนวแตกต่างหรือใหม่อะไร แต่ด้วยความง่ายความไม่มีอะไรนั้น มันก็ยังเล่าออกมาได้สนุก เพราะตัวละคร Sonic นั่นแหละ สนุกกับการกระทำ บทพูดที่พล่ามไม่หยุดของ Sonic จังหวะในการเล่า หรือมุกต่างๆ ที่ใส่มาโคตรถูกจังหวะ แถมยังมีการจิกกัด ชื่นชม หนังหลายๆ เรื่องในอดีต ตลอดทั้งเรื่องก็เรียกเสียงฮาได้เป็นระยะๆ 

นับว่าทางค่ายตัดสินใจถูกจริงๆ ที่แก้ดีไซน์ Sonic ใหม่ เพราะเราเชื่อเลยว่าถ้าตัวละครเป็นแบบเดิม+เนื้อเรื่องและอะไรหลายๆ อย่างที่ Sonic ทำ มันจะไม่น่ารัก น่าเอ็นดู หรือให้ความรู้สึกอะไรก็ตามที่เวอร์ชั่นใหม่นี้ยังให้ได้ 

และแน่นอนว่าคงต้องชื่นชมผู้ให้เสียงพากย์ตัวละคร Sonic อย่าง Ben Schwartz ที่เวิ่นเว้อ วุ่นวาย พูดมาก ป่วนเสียเหลือเกิน รวมถึงการแสดงของ James Marsden ที่เข้าขากันได้เป็นอย่างดี และที่ขาดไม่ได้คือดาราตลกรุ่นเก๋าแห่งวงการอย่าง Jim Carrey ในบทวายร้าอัจฉริยะ Dr. Robotnik ที่เล่นใหญ่จัดเต็ม เรียกเสียงฮาทุกฉากที่เฮียแกโผล่มาเลย หากใครเคยติดตามผลงานแกคงจะนึกออกแน่ๆ ว่าเป็นยังไง ถึงมันจะซ้ำและเห็นแบบนี้มาบ่อยแล้ว แต่มันก็ยังฮาอยู่ดี

สรุป Sonic the Hedgehog เป็นหนังที่ทำมาจากเกมที่สนุกเลยแหละ อาจจะมี CG บางฉากที่ลอยๆ บ้าง กับเนื้อเรื่องที่ธรรมดาเกินไป แต่มันก็เพลินๆ แหละ ถ้าถามว่าชอบอะไรมากกว่าระหว่าง Pokémon Detective Pikachu กับเรื่องนี้ ก็ไม่ใช่แฟนทั้งสองเกมนะ แต่ถ้าหนังค่อนข้างชอบ Pokémon Detective Pikachu มากกว่า แต่ในเรื่องนี้ถ้าดูแล้วคุณจะหลงรักเจ้า Sonic และอยากเห็นมันอีกแน่ๆ  

Sonic The hedgehog คุ้มค่ากับที่ปรับแก้ CG น้องใหม่หมด!

ถึงยุคที่เกมส์เก่าๆ ถูกนำมาปัดฝุ่นสร้างเป็นภาพยนตร์ Life Action มากมาย แต่ก็ไม่วายที่หลายๆ เรื่องนั้นจะได้รับกระแสตอบรับในทางนี้ไม่ดีด้วยกันทั้งนั้น และ Sonic The hedgehog เป็นเรื่องที่สร้างกระแสต่อต้านแบบท็อปฟอร์มเอามากๆ หลังจากปล่อยตัวอย่างแรก และภาพโปสเตอร์ แสดงให้เห็นถึงดีไซน์ต้องโซนิคที่แขนขายาว จน 90% ของคนที่เห็นต่างร้องยี้ และด้วยความที่กระแสต่อต้านรุมเร้าเข้ามาหนักมากๆ ทางค่ายก็ต้องยอมถอยทัพ ประกาศเลื่อนฉายจากปีก่อนมาเป็นปีนี้แทน และเร่งแก้ CG ที่เป็นน้องโซนิคใหม่ทั้งหมด จนความก็ปูดออกมาอีกครั้งเพราะทีมงาน  CG ถูกใช้งานหนักมากเพื่อให้ทันกำหนดฉาย และไม่วายบริษัทก็ปิดตัวลงหลังจากทำงานเสร็จ ด้วยกระแสดราม่าต่างๆ นานา ของหนังเรื่องนี้ ทำให้หนังเป็นที่จับตามอง จนกระทั่งออกฉายในอเมริกาไปตั้งแต่วาเลนไทน์ ขึ้นแท่นหนังทำเงินอันดับ 1 ติดต่อกัน 2 สัปดาห์ซ้อน ชนะ Bird Of Prey ไปเลย

เนื้อเรื่องว่าด้วยเจ้าโซนิค เม่นสีฟ้าที่อาศัยอยู่ในโลกคนละมิติกับคนเรา ซึ่งโดยไล่ล่าโดยบางอย่างทำให้ต้องใช้วงแหวนสีทองเปิดประตูมิติ หนีมาโลกมนุษย์ และใช้ชีวิตเรื่อยมาเป็น 10 ปี ซึ่งโซนิคเองก็ต้องหลบๆ ซ่อนๆ ในป่า แอบดูการใช้ชีวิตของมนุษย์ไปเรื่อยๆ ด้วยความที่ตัวเองไม่ได้ใช้ชีวิตในแบบที่ควรจะเป็น หรือมีเพื่อนซักคนมาวันหนึ่งโซนิคก็ได้ระเบิดพลังคลื่นไฟฟ้าออกมา ทำให้เกิดระลอกคลื่นพลังงานทำให้ไฟฟ้าดับทั้งภูมิภาคนั้นเลย จึงเป็นที่ถูกจับตามองจากรัฐบาลว่าเหตุการณ์ดังกล่าวนั้นเป็นการก่อการร้าย หรืออย่างอื่น จนต้องส่ง Dr.Egg ด๊อกเตอร์วายร้ายสติเฟื่อง มาเพื่อค้นหาความจริง จนทำให้เกิดเรื่องราวปั่นป่วนตั้งแต่เมื่องเล็กๆ ในชนบท ยันเมืองซานฟรานซิสโก

ถ้าว่ากันตามตรงแล้วพล๊อตเรื่องเองก็ไม่ได้มีความแปลกใหม่อะไร ก็ยังคงใช้วิธีการเล่าแบบสูตรสำเร็จเหมือนหนังทั่วๆ ไป แต่ที่ต้องชมเลยคือดีไซน์ใหม่น้องโซนิคนั้น ถูกแก้แล้ว น้องน่ารักในแบบที่ควรจะเป็น พร้อมทั้งมุกตลกต่างๆ ที่ใส่เข้ามาก็ทำให้ฮาท้องแข็งเลยก็ว่าได้ สิ่งที๋โดดเด่นอีกอย่างคือ จิม แครี่ ดาราตลกวัยเก๋า ซึ่งแทบไม่ได้เห็นน้าแกเล่นหนังตลกสไตล์นี้มานานแล้ว (ถ้าใครเคยดู Yes,Man หรือ Bruce Almighty) คาแร็คเตอร์กวนๆ ของ DR.Egg ในเรื่องนี้ จิม แครี่ เล่นได้สติหลุด ตลกมากจริงๆ 

สรุปแล้ว ถึงแม้ว่าหนังเองจะไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่ แต่ก็เป็นหนังที่มีองค์ประกอบที่สนุก ฮา น่าติดตามจริงๆ เหมาะกับการชมทั้งครอบครัว ตัวหนังไม่ได้มีพิษภัยอะไร ถ้าจะให้เทียบให้เห็นภาพ ถ้าใครเคยชอบดูหนังที่มีคาแรคเตอร์ตัวละครหลักเป็น CG อย่าง Garfield The Movie / Scooby-Doo หนังเรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่จะไม่ทำให้คุณผิดหวัง และคุณจะหลงรักน้องโซนิคแน่นอน 7.5/10

ปล.ผมได้ดูในระบบ 4DX ฉากที่น้องโซนิควิ่งเร็วๆ เก้าอี้โยกมันส์มากจริงๆ แนะนำให้ลองชมกัน