หนัง Brightburn หรือชื่อไทยว่า เด็กพลังอสูร จะเป็นอย่างไรหากเด็กจากโลกใบอื่นมาเยือนโลกด้วยอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิด แต่เขาไม่ได้มาเพื่อเป็นฮีโร่แก่มนุษยชาติ เขาพิสูจน์ตัวเองว่าเป็นยิ่งกว่าความเลวร้ายที่เราสามารถคาดคิดได้ถึง ด้วย Brightburn จากวิสัยทัศน์ของผู้สร้าง Guardians of the Galaxy และ Slither ที่จะมานำเสนอความสดใหม่และล้มแนวทางซูเปอร์ฮีโร่เก่า ๆ ด้วยการเป็นภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่สยองขวัญ
What if a child from another world crash-landed on Earth, but instead of becoming a hero to mankind, he proved to be something far more sinister?
ผู้ชมทั้งหมด
16,380 ครั้ง
|
เข้าฉาย
22 สิงหาคม 2562
|
ออกโรงแล้ว |
28 สิงหาคม 2562 17:01:37 (IP 125.24.99.xxx)
|
||
Brightburn เมื่อซุเปอร์แมนไม่ได้เป็นเด็กดี? ยอมรับจริงๆม ว่าผมเองติดตามโปรเจคนี้มาตั้งแต่ Comic Con เมื่อปีก่อน ที่มีการปล่อยโปสเตอร์แรก และประกาศว่าเป็นโปรเจคลับที่เจมส์กัน ร่วมงานอยู่ด้วยยิ่งทำให้น่าติดตามเข้าไปใหญ่ ทั้งๆ ที่ปีก่อนพี่แกพึ่งจะมีข่าวคราวจนทำให้ดิสนีย์สั่งปลดกลางอากาศ และให้กลับมาทำ Gusrdians of Galaxy Vol.3 ตามเดิมในเวลาต่อมา เนื้อเรื่องว่าด้วย คู่ผัวเมียชาวไร่ ซึ่งอยากจะมีลูกมากแต่ก็ไม่มีซักที อยู่มาวันหนึงได้มีอุกาบาตตกในไร่ของเขา และปรากฎว่าไม่ใช่อุกาบาต แต่เป็นยานอวกาศ ที่ในนั้นมีเด็กทารกผู้ชาย ผัวเมียคู่นี้เลยนำเด็กทารกที่เจอมาเลี้ยงเป็นลูกของตัวเอง จนเด็กเริ่มแตกเนื้อหนุ่ม พลังพิเศษที่แอบแฝงในร่างเด็กคนนี้ก็ถูกปลุกขึ้น เรียกได้ว่าพล๊อตเรื่องแทบจะไม่ต่างจากต้นกำเนิดบุรุษเหล็ก Superman เลยเพียงแต่ว่าในรายนั้นเป็นซูเปอร์ฮีโร่ที่ใช้พลังพิเศษเพื่อปกป้องโลก กลับกันในเรื่องนี้เป็นเหมือนขั้วตรงข้าม ที่หลายๆคนเคยตั้งคำถามว่า "ถ้าซูเปอร์แมนเป็นตัวร้ายล่ะ จะเป็นยังไง" ซึ่งต้องยอมรับจริงๆว่าพล๊อตเรื่องและ Concept หนังนั้นน่าติดตามเป็นอย่างมาก แต่หลังจากที่ได้ดูหนังแล้วนั้นเหมือนแนวความคิดต่างๆ การเล่าเรื่องยังไม่สามารถใช้ประสิทธิภาพของพล๊อตและ Concept ได้อย่างเต็มที่ บางประเด็นที่กล่าวถึงก็ถูกลอยแพไปซะอย่างงั้น ทำให้โดยรวมของหนังมันไปไม่สุดซักทาง นอกจากฉากหวาดเสียวและตุ้งแช่เป็นพักๆ ที่ได้ผลบ้างและไม่ได้ผลบ้าง สรุปว่าเป็นหนังอีกเรื่องที่ก่อนไปชมคิดว่ามันน่าจะสนุกมากแน่ๆ แต่พอเอาเข้าจริงๆแล้วผมคงหวังในตัวหนังมันมากเกินไป ทำให้ไม่ค่อยจะฟินหรืออินไปกับเรื่องนี้ซักเท่าไหร่ 7/10 สรุปผลวิจารณ์หนัง
บทหนัง
6
การดำเนินเรื่อง
6
ดนตรีประกอบ
7
ฝีมือนักแสดง
8
กราฟฟิก
8
คะแนนเฉลี่ย
7
|
||
26 สิงหาคม 2562 23:36:03 (IP 171.99.161.xxx)
|
||
Brightburnหนังขายความดาร์กของมนุษย์จากต่างดาวที่มีพลังที่เหนือกว่ามนุษย์ทั่วไป แต่ไม่ได้ใช้พลังในด้านที่ดี เหมือนกับในหนังฮีโร่เรื่องอื่นๆ ฟังๆ ดูก็คือซุปเปอร์แมนนั่นเอง ยิ่งถ้าใครได้อ่านการ์ตูน Injustice ที่ซุปเปอร์แมนกลายเป็นคนไม่ดีเพราะโลอิสหรือนางเอกตาย ก็คงอยากจะดูเรื่อง Brightburn มากขึ้น แต่!! แต่พอไปดูจริงๆมันไม่ใช่แบบที่เราคิด เพราะหนังเน้นฉากไล่ฆ่าและฉากหวาดเสียวเลือดสาด จนรู้สึกได้ว่าเนื้อเรื่องมันไม่มีอะไรเลย ที่สำคัญไม่ควรพาเด็กๆ ไปดูครับ ฉากน่ากลัวเยอะพอสมควร ตัวพลอตเรื่องน่าสนใจ แต่พอดูจริงๆเนื้อเรื่องแทบไม่มีอะไร ดำเนินเรื่องเร็วมากจนละเลยตัวละครต่างๆ ทำให้เราไม่รู้สึกอินกับตัวละครใดๆ เลย แถมฉากไล่ฆ่าก็ไม่ค่อยมีเหตุผลเท่าไร ถ้าดูเอามันก็คงพอได้ ด้านดีของหนังก็คงเป็นฉากไล่ฆ่าที่ทำให้ตกใจในหลายจังหวะ เลือดสาดสมจริง และที่ดีที่สุดๆคือนักแสดงเด็ก Jackson A. Dunn ที่แสดงเป็นซุปเวอร์ชั่นดาร์กนั่นเอง หน้าตาโรคจิตสมจริงๆมาก (อันนี้ชมนะ) ยิ่งฉากตอนท้ายแสดงออกทางสีหน้าได้ดีมากๆ ด้วยที่ตัวผมชอบฮีโร่ซุปเปอร์แมนมากๆ และก็อ่าน Injustice มาด้วย ก็ต้องบอกว่าเรื่องนี่้แทบไม่มีความเป็นซุปเปอร์แมนเลย มันไม่ใช่หนังฮีโร่สายดาร์ก หรือฮีโร่ที่เข้าด้านมืด แต่มันเป็นหนังสยองขวัญซะมากกว่า สำหรับคนที่ชอบหนังสยองขวัญ ก็แนะนำเรื่องนี้เลยครับ ถึงแม้ส่วนตัวจะไม่ค่อยชอบเรื่องนี้ แต่แฟนซุปเปอร์แมนยังไงก็ต้องตีตั๋วเข้าดูแน่นอนครับ จริงๆแล้วก็อยากให้ค่ายหนังทำ Injustice สักทีอยากดูซุปเปอร์แมนสายดาร์กแบบแท้ๆ แต่ระหว่างรอก็ดูเรื่องนี้ไว้เลยครับ พอจะเติมเต็มความอยากดูในใจไว้ได้บ้าง ^^ สรุปผลวิจารณ์หนัง
บทหนัง
3.5
การดำเนินเรื่อง
6
ดนตรีประกอบ
5
ฝีมือนักแสดง
8
กราฟฟิก
5
คะแนนเฉลี่ย
5.5
|
||
22 สิงหาคม 2562 13:07:23 (IP 180.183.244.xxx)
|
||
[รีวิว] Brightburn - เด็กพลังอสูร Brightburn เป็นหนังที่ว่าด้วยเรื่องของเด็กคนหนึ่งที่ตกมาจากฟากฟ้า ทำให้ครอบครัวหนึ่งที่ไม่สามารถมีลูกได้ เก็บเด็กคนนั้นมาเลี้ยง แต่เด็กคนนั้นกลับไม่ใช่เด็กธรรมดา เพราะเขามีพลังพิเศษเหนือมนุษย์ เพียงแต่ว่าเขาไม่ได้ใช้พลังนั้นทำความดี เขาใช้มันเพื่อฆ่า!!! ไอเดียตั้งต้นของหนังเรื่องนี้เจ๋งมาก มันมาจากแนวความคิดของ James Gunn ที่ว่า “จะเป็นอย่างไรถ้าเด็กที่ตกมาจากฟากฟ้า ไม่ได้ใช้พลังที่มีปกป้องมนุษย์” ผนวกกับผลงานการกำกับของ David Yarovesky ที่มีไอเดียว่า เขาโตมากับหนังฮีโร่ และคิดว่าถ้าวันนึงมีพลังเหมือนฮีโร่เขาจะใช้มันทำอะไร และความคิดที่ออกมามันค่อนข้างดาร์คเลยทีเดียว ทั้งหมดทั้งมวล มันเลยรวมกันเป็นหนังฮีโร่สยองขวัญ ที่มีดีแค่ไอเดีย หนังถูกนำเสนอออกมาได้อย่างน่าผิดหวัง มันกลายเป็นหนังระทึกขวัญ สยองขวัญธรรมดาๆ ไปซะอย่างนั้น คือไอเดียมันเจ๋ง แต่นำไอเดียนั้นมาขยายได้ไม่เจ๋งอย่างที่ว่าเลย ในเมื่อตั้งตนเป็นหนังฮีโร่สยองขวัญ มันน่าจะทำได้แบบเวอร์วังอลังกาล พลังแบบฮีโร่ถล่มโลกได้ ภาพที่เรานึกคือแบบสยองมาก โหดมาก แต่หนังกลับโชว์เรื่องราวเหล่านั้นน้อยเกินกว่าที่หนังมันควรจะเป็น รวมถึงหนังดำเนินเรื่องได้เร็วมาก ปุ๊บปั๊บ เด็กมีพลัง ไล่ฆ่า ดราม่าครอบครัว จบ คือหนังควรจะใส่ใจเรื่องราวปมของตัวละครให้มากกว่านี้สักหน่อย เพื่อที่จะทำให้คนดูอินมากขึ้น พอมันกลายเป็นแบบนี้เลยทำให้รู้สึกว่า ใครจะอยู่ใครจะตายก็ไม่สนใจละ ช่างมันเถอะ เพราะเราไม่ได้รู้สึกอยากเอาใจช่วยหรือผูกพันกับตัวละครไหนเลย แถมน้ำหนักยังไม่มากพอที่จะส่งให้อินในตอนจบได้ด้วย สิ่งที่ชอบที่สุดในเรื่อง (แต่กลับมีน้อยที่สุด) คือความโหดและการฆ่าของเด็กคนนี้ ที่โหดจริง พอจะสร้างสรรค์บ้าง แต่มีน้อยเกินไป ทั้งที่ความจริงมันควรวินาศสันตะโรได้มากกว่านี้ด้วยซ้ำ กลายเป็นสิ่งที่น่าเสียดายที่สุดของหนังเรื่องนี้เลยก็ว่าได้ แต่ยังดีที่การแสดงนำทั้งสามยังสามารถประคับประคองหนังได้ เริ่มจากตัวเด็ก Brandon Breyer ที่แสดงโดย Jackson A. Dunn เล่นได้ดูหน้าตาโรคจิต โนสนโนแคร์ และไม่น่าไว้วางใจสุดๆ (แถมน่าหมั่นไส้ด้วย) ตามมาด้วย บทพ่อ ที่แสดงโดย David Denman ถึงจะไม่ได้โดดเด่น แต่ก็แสดงในส่วนที่ตัวเองรับผิดชอบได้ดีเลยทีเดียว และคนที่น่าชื่นชมที่สุดคือ Elizabeth Banks ในบทแม่ ต้องบอกว่าเธอแสดงได้ดีมากกกกกถึงมากที่สุด ดูจริงโคตร ไม่ว่าจะซีนอารมณ์ไหนก็ตาม เศร้าเสียใจ ตกใจ อาจคงเพราะเธอเคยร่วมงานกับ James Gunn มาด้วยในเรื่อง Slither (2006) เลยทำให้ทำงานกันง่ายขึ้นแหละ สรุป Brightburn เป็นหนังที่คงจะนิยามได้ว่า ถ้า Superman ถูกเลี้ยงดูมาไม่ดีคงจะกลายเป็นแบบในเรื่องนี้แหละ มันเป็นหนังขายไอเดียเท่านั้น เพราะเนื้อเรื่องมันกลับกลายเป็นธรรมดามาก แถมจุดขายอย่างความโหดของเด็กถึงแม้จะโหด แต่น้อยเกินไปจริงๆ ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ต้องขอขอบคุณทางเมเจอร์มากๆ นะครับ ที่ให้โอกาสได้ไปดูหนังเรื่องนี้ กราบบบบบบบบบ (ถ้ามีอีกติดต่อได้นะครับ 555) ปล. หนังมีฉากพิเศษ 1 ตัวก่อน End-Credit (Mid-Credit) สรุปผลวิจารณ์หนัง
บทหนัง
5
การดำเนินเรื่อง
5
ดนตรีประกอบ
6
ฝีมือนักแสดง
8
กราฟฟิก
7
คะแนนเฉลี่ย
6.2
|
ยังไม่มีรีวิวหนังเรื่องนี้
ถูกใจ
ไม่ถูกใจ