หนัง Joker หรือชื่อไทยว่า โจ๊กเกอร์ ผลงานเรื่องราวจุดเริ่มต้นของ “Joker” จากผู้กำกับฯ ทอดด์ ฟิลลิปส์ ที่จะพาไปรู้จักกับโลกของอาร์เธอร์ เฟลค โดยมีการถ่ายทอดการแสดงไว้อย่างน่าประทับใจโดยโจคิน ฟีนิกซ์ อาร์เธอร์เป็นชายคนหนึ่งที่ต้องเผชิญหน้ากับความโหดร้ายทารุณและสังคมที่เต็มไปด้วยการเหยียดหยาม เขาต้องเผชิญกับความอ้างว้างจนเปลี่ยนเขาจากที่เป็นคนอ่อนแอกลายเป็นคนโหดเหี้ยม เขารับจ้างแต่งชุดตัวตลกรายวัน จนกระทั่งคืนหนึ่งที่เขาพยายามจะแสดงตลกเดี่ยว แต่กลับพบว่าตัวเองต่างหากที่เป็นเรื่องตลก เขาไม่เป็นตัวของตัวเองเวลาที่มีผู้คนอยู่รายล้อม ซึ่งเห็นได้จากเสียงหัวเราะที่ควบคุมไม่ได้และดูไม่เหมาะสม ยิ่งเขาพยายามควบคุมเท่าไหร่มันก็ยิ่งแสดงออกมามากขึ้น จนทำให้เขาแสดงความเยาะเย้ยและความรุนแรงออกมา อาร์เธอร์ทุ่มเทเวลาไปกับการดูแลแม่ที่ไม่ค่อยแข็งแรง และไขว่คว้าตามหาคนที่เหมาะจะเป็นพ่อซึ่งเขาไม่เคยมีมาก่อน ตั้งแต่นักธุรกิจมหาเศรษฐี โธมัส เวย์น ไปจนถึงพิธีกรรายการทีวีเมอร์เรย์ แฟรงค์ลิน เขาพบว่าตัวเองอยู่ปลายทางระหว่างโลกแห่งความจริงกับความบ้าคลั่ง การตัดสินใจที่ผิดพลาดเพียงครั้งเดียวกลายเป็นชนวนเหตุที่นำไปสู่เหตุการณ์รุนแรงมากมาย ฟีนิกส์ นักแสดงผู้เข้าชิงรางวัล Oscar มาแล้วถึง 3 ครั้ง (“The Master,” “Walk the Line,” “Gladiator”) รับบทแสดงนำในเรื่องร่วมกับโรเบิร์ต เดอ นีโร เจ้าของรางวัล Oscar (“Raging Bull,” “The Godfather: Part II”) ในบทแฟรงคฺบิน นักแสดงในเรื่องยังรวมถึงซาซี บีตซ์ (“Deadpool 2”) ฟรานเซส คอนรอย (ภาพยนตร์ทางทีวี “American Horror Story,” ภาพยนตร์ทาง Hulu “Castle Rock”) มาร์ค มารอน (ภาพยนตร์ทางทีวี “Maron,” “GLOW”) บิล แคมป์ (“Red Sparrow,” “Molly’s Game”) เกล็นน์ เฟลชเลอร์ (ภาพยนตร์ทางทีวี “Billions,” “Barry”) เชีย วิกแฮม (“First Man,” “Kong: Skull Island”) เบร็ตต์ คัลเลน (“42,” ภาพยนตร์ทาง Netflix “Narcos”) ดักลาส ฮอดจ์ (“Red Sparrow,” ภาพยนตร์ทางทีวี “Penny Dreadful”) และจอช เพส (ภาพยนตร์ที่กำลังจะฉาย “Motherless Brooklyn,” “Going in Style”) ฟิลลิปส์ ผู้เข้าชิงรางวัล Oscar (“Borat,” ภาพยนตร์ไตรภาค “The Hangover”) กำกับฯ จากบทภาพยนตร์ที่เขาร่วมเขียนกับสก็อตต์ ซิลเวอร์ ผู้เขียนบทฯ ที่เคยเข้าชิงรางวัล Oscar (“The Fighter”) สร้างอิงจากตัวละครของ DC อำนวยการสร้างฯ โดยฟิลลิปส์และแบรดลีย์ คูเปอร์ ผู้เข้าชิงรางวัล Oscar (“A Star Is Born,” “American Sniper”) ภายใต้บริษัท Joint Effort ของพวกเขา และเอ็มม่า ทิลลินเกอร์ คอสคอฟฟ์ ผู้เข้าชิงรางวัล Oscar (“The Wolf of Wall Street”) อำนวยการสร้างบริหารฯ โดยไมเคิล อี. อุสแลน, วอลเตอร์ ฮามาดะ, อารอน แอล. กิลเบิร์ต, โจเซฟ การ์เนอร์, ริชาร์ด บาแรตตา และ บรูซ เบอร์แมน ทีมงานเบื้องหลังที่ฟิลลิปส์ได้ร่วมงานด้วย ได้แก่ ผู้กำกับภาพลอว์เรนซ์ เชอร์ (“Godzilla: King of the Monsters,” ภาพยนตร์ไตรภาค “The Hangover”) ผู้ออกแบบฉาก มาร์ค เฟรดเบิร์ก (“Selma,” “The Amazing Spider-Man 2”) ผู้ลำดับภาพ เจฟฟ์ กรอธ (“War Dogs,” “The Hangover Part III”) และผู้ออกแบบเครื่องแต่งกายเจ้าของรางวัล Oscar มาร์ค บริดเจส (“Phantom Thread,” “The Artist”) ดนตรีประกอบโดยฮิลเดอร์ กัวนาดอทเทอร์ (“Sicario: Day of the Soldado”) วอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิกเจอร์สนำเสนอภาพยนตร์ร่วมกับวิลเลจ โรดโชว์ พิกเจอร์ส และ BRON Creative, Joint Effort Production ภาพยนตร์จากทอดด์ ฟิลลิปส์ เรื่อง “Joker” จะฉายในโรงภาพยนตร์ทั่วโลกเริ่มวันที่ 2 ตุลาคม 2019 จะจัดจำหน่ายทั่วโลกโดยวอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิกเจอร์ส
ผู้ชมทั้งหมด
27,105 ครั้ง
|
เข้าฉาย
3 ตุลาคม 2562
|
ออกโรงแล้ว |
9 ตุลาคม 2562 23:27:39 (IP 184.22.83.xxx)
|
||
รีวิว JOKER ฉบับบเด็กเดินตั๋ว เข้าใจทั้งคนที่รีวิวชื่นชมการถ่ายทอดการแสดงของโจอาควินในบทนำ เข้าใจคนที่รีวิวเตือนว่าถ้าอยู่ในช่วงสภาพจิตใจไม่แข็งแรง จิตใจอ่อนแอ มีภาวะซึมเศร้าการดูเรื่องนี้อาจจะเชื่อมโยง และนำพาให้เกิดภาวะที่แย่ลงทางจิตใจได้ และเข้าใจคนที่บอกว่าไม่ได้ขนาดนั้น ดูได้ไม่ได้ดาวน์อะไร ไปจนถึงบางคนที่ผิดหวังกับฟอร์มหนังไปเลยก็มี มันขึ้นกับหลายองค์ประกอบของคนดูแต่ละคนมากๆ ต่างคนต่างสภาพจิตใจ ต่างประสบการณ์ ต่างการเชื่อมโยง ต่างการตีความ ความอินและความคาดหวังเลยต่างกัน สำหรับเด็กเดินตั๋ว เห็นความดิ่งดาร์กฉบับดีซีในรสชาติที่ไม่ได้เจอมานาน รักและคิดถึงความดาร์กอันนี้มาก เป็นหนังที่ดีมากๆเชิงคุณค่าและงานศิลปะภาพยนตร์ เป็นหนังดราม่าจิตหลุดดีๆเรื่องหนึ่งที่ผูกพันกันกับเราในเชิงเรื่องราวซุปเปอร์ฮีโร่ของจักรวาลดีซี แต่มองในอีกมุมอีกมิติของการกำเนิดตัวร้ายสายดาร์กคู่ปรับตลอดกาลของแบทแมน ทุกอย่างถูกสร้างมาแบบให้สมจริง มีเหตุมีผลรองรับมากๆ ต่างๆจากSuicide Squad มากๆ ดูจริงกว่าแบทแมนภาคโนแลนอีก ดูดาร์กและดำดิ่งมาก การแสดงของโจอาควินพาหนังไปอีกขั้นเลย บียอร์นตัวร้ายทุกตัวในดีซี มีมิติเชิงเหตุผล ตรรกะของการคิดอ่านการกระทำของตัวละคร และถ่ายทอดออกมาได้จิตมาก ทุกเสียงหัวเราะของโจอาควินแทบจะเรียกน้ำตาแทน เป็นความรู้สึกที่แปลกมากๆที่ได้จากการแสดงนี้ เพลงและเสียงประกอบพาหนังรับรู้ความรู้สึกของโจ๊กเกอร์ได้แบบทวีคูณมากๆ โดดเด่นมากๆ งานเสื้อผ้าออกอบบมามีความหมาย การแต่งหน้าบอกนัยยะบางอย่างกับเรา มีดีเทลที่น่าตามเก็บรายละเอียดอีกเยอะ รวมไปถึงฉากประกอบต่างๆใดๆอีก ช่างเพลิดเพลินมากๆ ดีงามจริงๆ - เด็กเดินตั๋ว - สรุปผลวิจารณ์หนัง
บทหนัง
9
การดำเนินเรื่อง
9
ดนตรีประกอบ
9
ฝีมือนักแสดง
9.5
กราฟฟิก
8.5
คะแนนเฉลี่ย
9
|
||
9 ตุลาคม 2562 15:28:29 (IP 125.24.105.xxx)
|
||
Joker ตัวตลกที่ไม่ตลก เรื่องราวใน Joker ฉบับนี้นั้น เล่าถึง อาเธอร์ เฟล็ค ชายผู้ต้องดิ้นรน ใช้ชีวิตในเมือง Gotham อันโสมม เขามีอาชีพเป็นตัวตลกในงานปาร์ตี้ ซึ่งชีวิตจริงเค้าไม่ได้น่าตลกเหมือนอาชีพแต่อย่างใด เมื่อเขาต้องเผชิญโลกอันโหดร้าย ที่ยิ่งเลวร้ายขึ้นเรื่อยๆ สังคมแวดล้อมตัวเขาก็ได้ผลักดันให้เขาเริ่มเปลี่ยนไป จนในท้ายที่สุดก็กลายเป็นโจ๊กเกอร์ นั่นเอง เอาตรงๆ แล้วพล๊อตนั้นไม่ได้มีอะไรซับซ้อน หรือชั้นเชิงในการเล่าที่แปลกใหม่อะไร เพียงแต่ตัวหนังเองนั้นได้นักแสดงอย่าง วาคิน ฟีนิกซ์ ที่รับบทเป็นโจ๊กเกอร์ เล่นได้ดีแบกหนังได้ทั้งเรื่องจริงๆ จนหลายๆ คนคิดว่าหนังเรื่องนี้อย่างน้อยก็ต้องได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงออสการ์ ในสาขานักแสดงนำชายแน่ๆ ด้วยการแสดงของวาคิน ทำให้โจ๊กเกอร์เวอร์ชั่นนี้ดูเป็น มนุษย์คนนึงที่ถูกสังคมภายนอกหล่อหลอม ขัดเกลาจนเขาต้องกลายเป็นวายร้ายในที่สุด สรุป ตัวหนังนั้นนำพาคนดูดำดิ่งสู่ด้านมืดสุดหดหู่ของมนุษย์จริงๆ ซึ่งบอกได้เลยว่าถ้าใครไม่ชอบดูหนังที่เนื้อหาหน่วงๆ ชวนเครียด หรือกำลังมีปัญหาเกี่ยวกับโรคซึมเศร้า ไม่แนะนำให้มาชมอย่างแรง และไม่แปลกใจเลยว่าทำไมในอเมริกานั้น ถึงได้มีการาส่งตำรวจไปคุมเข้มทุกโรงที่ฉายหนังเรื่องนี้ เพราะเนื้อหาบางอย่างมันสะท้อนหรืออาจจะเป็นชนวนปลุกระดมอะไรได้ง่ายมากจริงๆ 9/10 สรุปผลวิจารณ์หนัง
บทหนัง
7.5
การดำเนินเรื่อง
8
ดนตรีประกอบ
10
ฝีมือนักแสดง
10
กราฟฟิก
9.5
คะแนนเฉลี่ย
9
|
||
9 ตุลาคม 2562 13:00:05 (IP 159.192.96.xxx)
|
||
Joker ภาพยนตร์ฮีโร่วายร้ายจากจักรวาล DC "Joker" ได้กลับมาผงาดบนจอยักษ์แบบเดี่ยวๆ ครั้งแรก คราวนี้ได้นักแสดงมากความสามารถ Joaquin Phoenix มาแสดงในบท Arthur Fleck หรือ Joker โดยเราจะได้เห็นประวัติของอาชญากรตัวร้ายจากเรื่อง BATMAN 2 ชั่วโมงเต็ม กับการกลายเป็น Joker กระแสของภาพยนตร์ดีเกินคาด นักวิจารณ์ต่างให้คะแนนเต็มหลายสำนัก คนดูล้นหลาม และแน่นอนตัวหนังดีมากๆ เป็น Joker ที่มีเรื่องราว ความดราม่า ความกดดัน และอีกเอกลักษณ์ที่สื่อถึงตัว Joker นั่นคือ เสียงหัวเราะ และในเรื่องนี้ทำได้ดีมากๆ (เสียงหัวเราะจะติดหูมากๆ หลังออกจากโรง) การดำเนินเรื่องของหนังต้องบอกก่อนว่าอาจจะเฉพาะกลุ่มเพราะหนังแทบไม่ได้มีฉากสู้ หรือยิงกันเลย มีน้อยมากจนอาจทำให้คนที่ชอบหนังฮีโร่ อาจไม่ได้ชอบเรื่องนี้ แต่ตลอดทั้งเรื่องกดดันสุดๆ ขยี้หัวใจตลอดเวลา คำพูดของตัวละครแต่ละตัวมีผลต่อเนื้อเรื่อง มีผลต่อการเป็น Joker ซึ่งสำหรับผมชอบมาก ผูกเรื่องได้ดี มีปมให้คิดตลอดเวลา ตลอดทั้งเรื่องมีความกดดัน กดจิตใจเราตลอดเวลา ถามว่าข้อเสียมีมั้ย ก็จะบอกสำหรับตัวผม บางอย่างของหนังเหมือนยัดเหยียดความเป็น Joker มากไปหน่อย จนบางทีมันเหมือนเยอะเกิน บางทีก็รู้สึกหนังจงใจเกินไป แต่ในภาพรวมคือดีมาก Joaquin Phoenix แสดงได้ดีมาก แสดงความเป็น Joker ได้ดีสุดๆ เหมือนแบกหนังทั้งเรื่องเอาไว้ได้ด้วยตัวคนเดียว และอีกคนที่แสดงได้สมบทบาทมากๆ คือ Robert De Niro ที่รับบทเป็นพิธีกร ชื่อว่า Murray คือพี่แกแสดงความเป็นพิธีกรได้ดีจริงๆ Easter Egg ในหนังบอกเลยว่าเยอะมาก เมืองGotham ทำออกมาได้หดหู่ สมจริงสุดๆ และยังเชื่อมโยงไปยังตระกูลเวนย์ (ครอบครัวของBatman) ได้โอเคมากๆ ใครเป็นแฟนแบทแมนเรื่องนี้ก็ห้ามพลาด ยังไงก็ต้องตีตั๋วไปชมกันให้ได้นะครับ บอกเลยว่าคุ้มค่าตั๋วแน่นอน ปล.หนังไม่ควรพาเด็กๆ ไปดูนะครับ เนื้อเรื่องแรงพอสมควร สรุปผลวิจารณ์หนัง
บทหนัง
10
การดำเนินเรื่อง
8
ดนตรีประกอบ
9
ฝีมือนักแสดง
10
กราฟฟิก
8
คะแนนเฉลี่ย
9
|
||
6 ตุลาคม 2562 03:03:47 (IP 184.22.232.xxx)
|
||
[รีวิว] Joker ถ้าถามว่าในปีนี้เฝ้ารอหนังเรื่องอะไรมากที่สุด แน่นอนว่ามันไม่ใช่ Avengers: Endgame หากแต่ว่ามันคือ Joker นี่แหละ ด้วยความที่หนึ่งเลย มันเป็นตัวละครที่เราโปรดปรานมากถึงมากที่สุด สองเรื่องราวมันถูกตีความใหม่ถึงต้นกำเนิดตัวละครนี้ จึงทำให้เราอยากรู้ว่าผู้กำกับจะถ่ายทอดมันออกมาอย่างไรให้น่าสนใจ ขอเกริ่นก่อนว่าหนังเรื่องนี้กำกับโดย Todd Phillips ที่เคยฝากผลงานสุดเฮอา เอาไว้ในไตรภาค The Hangover ซึ่งเจ้าตัวได้แรงบันดาลใจในการสร้างเรื่องนี้มาจากหนังของ Martin Scorsese กับเรื่อง Taxi Driver (1976), Raging Bull (1980) และ The King of Comedy (1982) และนำแสดงโดย Joaquin Phoenix มันจึงยิ่งน่าสนใจเข้าไปอีกว่า Todd Phillips ที่เคยทำหนังตลกๆ จะมาทำหนังดราม่า เจาะลึกจิตใจตัวละครอย่าง Joker ให้ดีได้ยังไง Joker บอกเล่าต้นกำเนิดของตัวละครนี้ผ่านชายที่ชื่อ Arthur Fleck ตลกตกอับผู้ที่โดนสังคมทำร้ายอย่างทารุณ จนก่อให้เกิดเป็น Joker พอ End Credit ขึ้นปุ๊บ แทบอยากจะลุกปรบมือให้กับความยอดเยี่ยมของทุกภาคส่วนในหนังเรื่องนี้เลยจริงๆ มันเป็นหนังที่นำเสนอตัวละคร Joker ออกมาได้โคตรจริง สัมผัสได้ และน่าสนใจแบบสุดๆ ตัวหนังมีการดำเนินเรื่องที่เรียบง่าย ไม่ซับซ้อน มันค่อยๆ พาคนดูดำดิ่งไปกับตัวละครอย่าง Arthur Fleck มันค่อยๆ หล่อหลอมความพังของจิตใจ จากสภาพสังคมที่ตัวละครนี้ต้องเจอ ที่ถึงแม้มันจะเล่าได้ไม่ได้เวอร์วังหรือยากเกินคาดเดา เล่าง่ายๆ ว่าเขาคือคนบ้า แต่มันสนุกตรงที่ “มันบ้าได้ยังไง” ตรงนี้นี่แหละ และ “ความบ้าของมันจะไปถึงจุดไหน” และมันสุดยอด เล่าได้โคตรให้คนดูเห็นอกเห็นใจ และเห็นด้วยไปกับสิ่งที่ตัวละครนี้ต้องเจอ ต้องเป็นเลยทีเดียว หนังสามารถพาคนดูอย่างเราๆ ถูกกลืนกินไปกับสิ่งที่ตัวละครนี้ต้องเจอ มันไม่ใช่หนังฮีโร่ที่จะมาชั่งน้ำหนักความดีความเลวอะไรทั้งสิ้น แต่มันคือการแสดงให้เห็นเลยว่าทำไมมันเป็นแบบนี้ ถ้าหนังจบจะมีใครสักคนชักปืนออกมายิงจะไม่แปลกใจเลย ไม่ผิดเลยที่หลายๆ ฝ่ายห่วงในจุดนี้ เพราะหนังมันมีจุดที่แบบ “เออจริงว่ะ” และอาจนำไปสู่ความรุนแรงได้เลยจริงๆ จึงถูกและควรแล้วแหละ ที่เมืองนอกรักษาความปลอดภัย มีทหารมาคุม สิ่งที่โคตรประทับใจและเห็นได้ชัดที่สุดคือการแสดงของ Joaquin Phoenix ที่ถ่ายทอดตัวละครอย่าง Arthur Fleck หรือ Joker ออกมาได้โคตรของโคตรของโคตรดี ทั้งท่วงทาการแสดงออก หรือบทพูดต่างๆ หากจะให้เปรียบเทียบว่าใครคือ Joker ที่ดีที่สุด เราคงตอบไม่ได้ เพราะ Heath Ledger ผู้ล่วงลับ ก็แสดงไว้สุดในทางของตัวเอง และ Joaquin Phoenix ก็ได้แสดงบทบาทนี้ในทางของตัวเองสุดเช่นกัน ค่อนข้างเอียงมาทางรายหลังนิดนึง แต่ถ้าถามว่าชอบใครมากกว่ากัน เราขอตอบว่าเราชอบ Joaquin Phoenix มากกว่า เพราะการแสดงของเขายอดเยี่ยมจริงๆ ไม่น่าเชื่อว่าจะมีใครแสดงออกมาได้แบบนี้ และดีขนาดนี้ เรามาเริ่มตั้งแต่สิ่งสำคัญของตัวละคร Joker ก็คือการ “หัวเราะ” และตัวของ Joaquin Phoenix ได้ศึกษาการหัวเราะของตัวละครนี้กับผู้ป่วยทางจิตเวช กับอาการที่มีชื่อเรียกว่า PLC หรือ Pathological Laughter and Crying มันเป็นอาการหรือภาวะการแสดงออกทางอารมณ์ที่มากผิดปกติ ที่มันยังขัดกับอารมณ์ภายใน ณ ขณะนั้น แถมมันยังไม่สามามรถควบคุมการแสดงออกทางอารมณ์ได้ เช่น การหัวเราะในเรื่องเศร้า ซึ่งตัวของ Joaquin Phoenix ก็เอามาใช้กับเรื่องนี้ได้ดีอย่างน่าเหลือเชื่อ ตลอดทั้งเรื่องเราจะได้เห็นการหัวเราะของเขาหลายแบบมาก มันจะมีใครในโลกที่สามารถหัวเราะได้หดหู่จนมันส่งผ่านมาถึงคนดูได้ขนาดนี้ ทุกครั้งที่ Joaquin Phoenix หัวเราะ ไม่มีสักฉากเลยที่รู้สึกว่ามันตลก กลับกลายเป็นการหัวเราะที่โคตรเศร้า หัวเราะได้น่าสะพรึง หัวเราะได้น่าสงสาร และหัวเราะได้โคตรเจ็บปวด แสดงได้ดีขนาดนี้ รางวัลออสการ์สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจะหนีไปไหนเสีย (กันหน้าแตก อย่างน้อยก็ต้องได้เข้าชิงละน่าาาา) คิดไม่ออกเหมือนกันว่าอีกสักกี่ปีจะมีคนกล้ามารับบทบาทนี้ เพราะครั้งนี้มันยอดเยี่ยมจริงๆ นอกเหนือจากบท การดำเนินเรื่อง การแสดง สิ่งที่โคตรยอดเยี่ยมไม่แพ้กันและช่วยส่งหนังแบบสุดคือเพลงและดนตรีประกอบ เห้ยเข้ากับทุกฉากอย่างน่าเหลือเชื่อ Soundtrack เพลงประกอบอย่าง Smile - Jimmy Durante, Laughing - The Guess Who, Send In the Clowns - Frank Sinatra, Put On a Happy Face - Tony Bennett และ That’s Life - Frank Sinatra ก็ยอดเยี่ยมมากพอแล้ว แต่ Score ที่ประพันธ์โดย Hildur Guðnadóttir มันดีย์อะไรขนาดนั้น! ฉากในห้องน้ำเอย ฉากรถไฟใต้ดินเอย และก็จะไม่แปลกใจอีกเช่นกัน ถ้า Joker จะได้เข้าชิงออสการ์สาขาเหล่านี้ เท่านั้นยังไม่พอ! งานด้านภาพและสีของเรื่องนี้นับว่าจัดจ้านมาก มีการเกรดดิ่งออกมาได้เป็นอย่างดี สะท้อนภาพจิตใจของตัวละครได้ยอดเยี่ยม ฉากไหนดาร์คก็หดหู่เสียเหลือเกิน ฉากที่ตัวละครแฮปปี้ก็โคตรสดใส เราจะมาพูดถึงเรื่องที่หลายๆ คนเตือนกันดีกว่า กับการที่คนเป็นภาวะหรือโรคซึมเศร้า ไม่ควรเข้าไปดู โดยส่วนตัวเราก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน เพรา่ะเราไม่รู้อาการของคนเหล่านั้นว่าเป็นยังไง เพราะเราก็ไม่เคยเป็นเหมือนกัน จะบอกว่าห้ามดูหรือดูแล้วจะรู้สึกยังไง เราก็ตอบไม่ได้จริงๆ นั่นแหละ เราจะไม่โกหกว่าเราเข้าใจ เพียงแต่ระวังไว้ก็ไม่เสียหาย คนที่เรารู้จักบางคนเป็นภาวะหรือโรคนี้ไปดูก็ไม่ได้รู้สึกอะไรหรือแย่ลงแต่อย่างใดเหมือนกัน แต่หากถ้าจะพูดในฐานะตัวเราเองที่ไม่ได้เป็นอะไร หนังมันดูแล้วจิตตก มันดาว มันหดหู่ขนาดนั้นไหม เราขอตอบในฐานะตัวเราเลยนะ ว่า “ไม่” เพราะเราเคยเจอหนังที่ดูแล้วมันแบบ ดูจบทำอะไรไม่ได้ หดหู่ จิตตกมากกว่านี้มาแล้ว แต่ถ้าถามว่าอินไหม อินนะ อินมาก และหนังมันโคตรเจ๋งที่ทำให้เราเข้าใจตัวละครตัวนี้ได้จริงๆ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น มันยังมีจุดที่เรารู้สึกว่าเอ๊ะ ที่หักไป 0.1 มันน่าจะได้มากกว่านี้สิ ช่วงท้ายๆ น่าจะวินาศสันตะโรได้มากกว่านี้ พีคได้มากกว่านี้ อีกนิด อีกนิดเดียวจริงๆ ไม่งั้นมันจะสมบูรณ์แบบมาก สรุป Joker คงไม่ใช่ทุกคนที่ชอบหนังเรื่องนี้ แต่สาหรับเรามันคือหนังเจาะลึกสภาวะจิตใจของตัวละครเรื่องนึงที่โคตรดี มันไม่ใช่แบบหนัง DC เรื่องอื่นๆ อย่าง Aquaman หรือ Wonder Woman มันเป็นหนังที่มีแนวทางและการเล่าเรื่องในตัวเองที่สูงมากๆ มันไม่ได้บันเทิงในแง่แบบ The Dark Knight แต่มันคือหนังที่โคตรดีหนึ่งเรื่อง ที่ถึงแม้คุณจะไม่รู้จักคุณก็จะอินไปกับมันได้ไม่ยาก และถ้าคุณรู้จักคุณก็จะยิ่งอินเข้าไปใหญ่ มันคือหนังที่จะทำให้คุณรู้จัก เข้าใจ และรักตัวละครนี้มากขึ้น พูดได้เพียงแต่ว่า มันเป็นหนังที่เจ๋งเรื่องนึงเลยทีเดียว สรุปผลวิจารณ์หนัง
บทหนัง
10
การดำเนินเรื่อง
9.5
ดนตรีประกอบ
10
ฝีมือนักแสดง
10
กราฟฟิก
10
คะแนนเฉลี่ย
9.9
|
ยังไม่มีรีวิวหนังเรื่องนี้
11 ตุลาคม 2562 17:43:38 (IP 182.232.198.xxx)
|
||||||||
สนุกมากค่า
|
||||||||
7 ตุลาคม 2562 10:36:40 (IP 183.88.244.xxx)
|
||||||||
10/10 เลยครับ ผมชอบมากๆ
|
ถูกใจ
ไม่ถูกใจ