รีวิวหนัง Midway - อเมริกา ถล่ม ญี่ปุ่น

Midway สารคดีเวอร์ชั่นจอใหญ่ ของผู้กำกับจอมทำลายล้าง

ถ้าคุณเคยดูหนังสงครามอย่าง Pearl Harbor (2001) แล้วอยากรู้เรื่องราวต่อจากนั้น Midway คือเรื่องราว 6 เดือนหลังจากนั้น ที่เป็นสงครามด่านสำคัญที่จะชีชะตาของ อเมริกันชน ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เสริมทัพความยิ่งใหญ่โดยดาราชั้นนำมากมายภายใต้การกำกับของ Roland Emmerich ที่เคยมีผลงานสไตล์ทำลายล้างโลกมากมายไม่ว่าจะเป็น ID4 1-2 / The Day Affter Tomorrow / 2012 ที่เน้นเล่นใหญ่จัดเต็มเสมอมา

เรื่องราวใน Midway นี่จะเริ่มเล่าตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นของสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ในขณะนั้น ญี่ปุ่น กำลังเปิดฉากรบกับจีน อเมริกานั้น ยังคงทำตัวเป็นกลาง แต่แล้วเมื่อทางญี่ปุ่นได้ส่งกองบินทิ้งระเบิดมาทำลาย Pearl Harbor ก็เป็นฉนวนที่ทำให้ อเมริกาได้ประกาศเข้าร่วมสงครามโลกในครั้งนั้น และได้เริ่มหาทางเอาคืนญี่ปุ่นให้จงได้ จนเกิดเป็นสมรภูมิ Midway 

หลังจากได้ดูจบ ต้องบอกเลยว่าด้วยความที่ผู้สร้างพยายามเล่าอิงกับความจริงในประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้น เลยทำให้จุดไคลแมกซ์ของหนังนั้นไม่ค่อย Impact หรือส่งผลใดๆ กับคนดูแต่อย่างใด ทั้งๆ ที่ตลอดทั้งเรื่องมีการปูบทมาซะดิบดีเลย กว่าจะมาถึงสงคราม Midway ที่เป็นตัวผลิกชะตาสงคราม คือพูดง่ายๆ เลย ถ้าใครเคยศึกศาเรื่องราวจริงในประวัติศาสตร์ของเรื่องนี้ ต้องบอกเลยว่าตัวหนังอ้างอิง ลงดีเทลต่างๆ ได้มีความใกล้เคียงกับประวัติศาสตร์เป็นอย่างมา แต่พอมาทำเป็นหนังมันเลยไม่ค่อยไปถึงฝั่งฝัน หรือดูแล้วสนุกบันเทิง เอ็นจอยในแบบที่หนังควรจะเป็นแต่อย่างใด รวมไปถึงดาราดังมากมายหลากแลายที่ตบเท้าเข้าฉากมากมาย บางตัวละครที่มีให้เล่นก็เหมือนว่าจะใช้ศักยภาพของนักแสดงไม่คุ้มเท่าไหร่ ค่อนข้างหน้าเสียดายทีเดียว

สรุปแล้ว ถึงแม้ว่ามันจะมีความสนุกได้ไม่ค่อยเต็มที่เท่าไหร่ เป็นหนังที่ดูจบแล้วก็คือจบกันไม่ได้มีการอยากหยิบมาดูซ้ำ จะมีมากสุดก็แค่เปิดกรอดูฉากสงครามที่ผู้สร้างพยายามใส่เข้ามาในหนังเต็มไปหมดตลอดทั้ง 2 ชั่วโมง 7/10

Midway

หนังสงครามอิงประวัติศาสตร์ ที่ได้นักแสดงดังหลายคนมาร่วมแสดง เนื้อเรื่องดี ฉากสงครามสมจริง แต่ฉากดราม่าไม่สมจริง  

หนังอิงประวัติศาสตร์ สงครามโลกครั้งที่ 2 โดยใช้ช่วงสงครามบนเกาะ Midway เป็นไฮไลท์ของหนัง โดยญี่ปุ่นได้ถล่มเพิร์ลฮาร์เบอร์ หลังจากนั้นญี่ปุ่นตั้งใจจะยึดเกาะ Midway ซึ่งเป็นศูนย์กลางที่ใครยึดได้ก็มีโอกาสชนะสงครามสูง

เปิดเรื่องมาได้สนุก เดินเรื่องด้วยหน่วยข่างกรองของสหรัฐ(ที่เรารู้สึกได้ว่าเทพแน่ๆ) หลังจากนั้นหนังใส่ตัวละครมาเยอะมาก แต่ก็แบ่งบทได้ดี เพียงแต่ว่า ตัวละครแต่ละตัวดูผ่านไปมา บทก็ลอยๆ และหน่วยข่าวกรองที่ปูมาตั้งแต่ต้น พอเข้ากลางเรื่องบทก็ดูธรรมดาไปซะงั้น คือเรารู้แหละว่าฉลาดแต่เนื้อเรื่องมันดูตันๆ เลยไม่สามารถดึงจุดที่น่าสนใจตรงหน่วยข่างกรองนี้มาได้เลย ส่วนนักแสดงในบทคนขับเครื่องบิน ยอมรับว่าตอนแรกๆ ก็สับสนตัวละคร (ตัวละครเยอะมาก) แต่พอดูไปสักพักก็จะพอจำได้ ด้วยการที่ตัวละครเยอะ ตัวละครบางตัวบทเลยบางเบา บางตัวก็แทบจะจางหายไปจากเนื้อเรื่อง พอมาตอนจบถึงจะรู้ว่าตัวละครนี้ก็สำคัญ 

ฉากสงครามอลังการมาก ฉากเครื่องบินรบที่เป็นจุดสำคัญก็ทำได้สมจริงมากๆ เสียดายก็ตรงที่หนังสเกลใหญ่ขนาดนี้ดันไม่ได้เข้าโรง IMAX ถ้าเข้าภาพและเสียงคงอลังกว่านี้ เสียดายจริงๆ 

ในหนังสงครามเรื่องนี้อาจมีจุดด้อยมากๆคือฉากดราม่า หนังทำได้แย่มากๆ ไม่ลุ้น ไม่เศร้าอะไรทั้งนั้น เวลาเข้าฉากดราม่า มันรู้สึกไม่สุดทุกๆ ฉาก ทำให้มีผลกระทบไปถึงเนื้อเรื่อง คนดูก็ไม่ได้ฮึกเฮิมเหมือนหนังสงครามเรื่องอื่นๆ ไม่ได้ลุ้นอะไรกับหนังสักเท่าไร เหมือนเราสามารถเดาตอนจบได้เลยก็ว่าได้

สำหรับเรื่องนี้เอาจริงๆแค่ไปเสพฉากสงครามก็คุ้มแล้ว โดยเฉพาะฉากเครื่องบินรบนี่สมจริงมาก เนื้อเรื่องก็ไม่ได้ถึงกับแย่ แถมมีนักแสดงดังๆ แค่นี้ก็คุ้มแล้วครับ

ปล.ผมเกลียดชื่อไทยมากๆ มันไม่เข้ากับเนื้อเรื่องในหนังเลย สู้ใช้ชื่อหนังทับศัพท์ไปเลยซะดีกว่า 

[รีวิว] Midway - อเมริกา ถล่ม ญี่ปุ่น
—- 7.2/10 —-
ปังๆๆๆ ฟิ้ว ตู้ม!!!
เป็นหนังสงครามที่ตู้มต้ามมาก เครื่องบินฝ่าห่ากระสุนทิ้งระเบิดนี่คือที่สุดของหนังละ
แต่ความดราม่ายังน้อยไป และสร้างความฮึกเหิมไม่ได้มากเท่าที่ควร

Midway หนังสงครามที่ชื่อแปลไทยกำปั้นทุบดินมาก “อเมริกา ถล่ม ญี่ปุ่น” แต่เรื่องมันก็แบบนั้นแหละจริงๆ 555 ผลงานการกำกับของ Roland Emmerich ที่เคยฝากผลงานใหญ่ๆ มาไม่น้อย Independence Day (1996), The Day After Tomorrow (2004), 2012 (2009), White House Down (2013) เรียกได้ว่าเป็นผลงานวินาศสันตะโรทั้งนั้น มาในคราวนี้เขามาทำหนังสงครามจ๋าๆ ที่อิงมาจากเรื่องจริง

โดย Midway เป็นหนังที่สร้างมาจากเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้นในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง เมื่อหน่วยข่าวกรองของอเมริการู้ข้อมูลว่าทางญี่ปุ่นจะบุกมาถล่มที่ Midway จึงส่งเครื่องบินไปถล่มเรือทางฝั่งญี่ปุ่นจนยกทัพถอยรายเป็นหน้ากาก

นี่คือหนังสงครามที่เน้นการสู้รบทางอากาศ ภาพที่เราเห็นส่วนใหญ่ก็จะเป็นการทิ้งระเบิด เครื่องบินขับไล่ ปืนจากเรือที่ยิงเหล่าเครื่องบิน ฉากเหล่านั้นแหละคือสิ่งที่ดีที่สุดของหนังเรื่องนี้แล้ว คือถ้าดูในโรง 4DX มันต้องสะใจมากแน่ๆ (เราดู Pavalia นะ) การขับเครื่องบินสู้รบกันนี่คือเพลินตามาก และไอ้ฉากที่ขับฝ่าดงกระสุนเข้าไปทิ้งระเบิดนี่อย่างมัน ลุ้นโคตร เฉี่ยว โฉบ โดน ไม่โดน ตู้มมมม! บันเทิงสุดละ 5555 แต่….ฉากแอ็คชั่นเหล่านั้นมันจำเจมาก แต่ละฉากมันไม่ได้มีความแตกต่างสักเท่าไหร่ บินฝ่ากระสุน ทิ้งระเบิด ลุ้นแค่โดนไม่โดนแค่นั้นแหละ แต่ก็เป็นฉากแอ็คชั่นที่ดูได้เพลินตาเช่นกัน ถึงแม้สกิลพระเอกจะดูเวอร์ๆ โม้ๆ ไปหน่อยก็ตาม (เรื่องจริงอาจจะเป็นงั้นก็ได้นะ ถ้าเป็นงั้นจริงเรียกเขาว่ายอดมนุษย์เถอะ)

สิ่งที่หนังเรื่องนี้ทำได้ดีเลยคือการที่บอกเล่าฝั่งที่แพ้อย่าง “ญี่ปุ่น” ด้วย คือหนังบอกเล่าความสำคัญให้น้ำหนักทั้งฝั่งอเมริกาและญี่ปุ่นได้ดีเลยแหละ แม้กระทั่งหลังจากความพ่ายแพ้เหล่าทหารญี่ปุ่นเป็นยังไง ต้องเจอกับอะไรบ้าง หนังก็ถ่ายทอดออกมาได้ดีจริงๆ แถมหนังยังไม่ลืมที่จะบอกเล่าผลกระทบที่ทางฝั่งอเมริกาก่อไว้กับผู้ที่ให้การช่วยเหลือด้วย นับว่าใส่ใจรายละเอียดจริงๆ 

นอกเหนือจากนั้น หนังยังสะท้อนความสำคัญของการสู้รบที่มีหลายฝ่ายเกี่ยวข้อง ทั้งนายพล พลทหาร พลขับเครื่องบิน หน่วยข่าวกราว ได้ในระดับที่น่าพอใจ เปรียบเสมือนฟันเฟืองที่ขาดฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไปต้องแย่แน่ๆ 

แต่สิ่งที่น่าเสียดายคือหนังให้ความสำคัญของฝั่งเมียเหล่าทหารน้อยมาก คือถ้าเป็นหนังสงครามเรื่องอื่นๆ จะต้องให้เห็นว่าบรรดาเมียๆ เสียใจ เศร้า หดหู่ รอการกลับมาของคนรัก รวมถึงลูกที่อาจจะต้องกำพร้าพ่ออะไรทำนองนั้น หนังเรื่องนี้ละเลยความสำคัญของจุดนี้แบบสุดๆ 

แถมสิ่งที่หนังเรื่องนี้ขาดไปอีก คือเรื่องการปลุกใจหรือทำให้คนดูฮึกเหิม จริงอยู่ที่ในเรื่องนี้มีฉากปลุกใจบ้าง แต่มันไม่ได้ทำให้เรารู้สึกเลือดสูบฉีด อยากลุกออกไปสู้ หรือสร้างกำลังใจเลยแม้แต่นิดเดียว คำพูดมันดูแปลกๆ ตลกด้วยซ้ำ ยิ่งใส่เพลงประกอบปลุกใจเท่ๆ แล้วแบบ...ยิ่งไม่เข้าเลย ไม่เท่เลย ขัดใจโคตร คือหนังสงครามปกติมันต้องมีฉากคำคมเท่ๆ แล้วเส้!!!

หนังมีตัวละครเยอะมากกกกก เอาจริงๆ จำได้ไม่กี่ตัว ยิ่งพอไปรบใส่ชุดใส่หมวกนี่จำแทบไม่ได้ว่าใครเป็นใคร จำได้แค่พระเอกและอีก 2-3 คนเท่านั้น บางทีอาจจะงงได้เลยว่า “เห้ย นี่มันคนขับเครื่องบินลำไหนวะเนี่ย มันอยู่ส่วนไหนของสงคราม” ยิ่งฝั่งญี่ปุ่นยิ่งจำไม่ได้เลยว่าใครเป็นใคร งงมากจริงๆ 555 และด้วยความที่ตัวละครมันเยอะ บางตัวนี่เสียของมาก มาไว ไปไว บางตัวก็ไม่รู้จะมีมาทำไม ตัดบททิ้งดื้อๆ เลย เหล่านักแสดงที่มารับบทในเรื่องนี้ถือว่าทำหน้าที่กันได้ดีมาตรฐานแต่ไม่โดดเด่นเลยสักคนจริงๆ

สรุปแล้ว Midway - อเมริกา ถล่ม ญี่ปุ่น คือหนังสงครามที่ดูได้เพลินๆ ไม่ได้น่าเบื่อ แต่ก็ไม่ได้สนุกมากขนาดนั้น มีจุดขายอยู่ที่ฉากสู้รบกันกลางอากาศกับทิ้งระเบิด ตู้มต้ามมาก ที่ลุ้นจริง ตื่นเต้นจริง แต่ไม่หลากหลายสักเท่าไหร่