หนัง Ghostbusters Afterlife หรือชื่อไทยว่า โกสต์บัสเตอร์ ปลุกพลังล่าท้าผี เรื่องราวของแม่เลี้ยงเดี่ยว Callie (รับบทโดย Carrie Coon) ที่ต้องเลี้ยงดูลูกสองคน 1 ลูกสาวผู้หมกมุ่นกับวิทยาศาสตร์ (รับบทโดย Mckenna Grace) และ 2 ลูกชายผู้ชื่นชอบอุปกรณ์เทคโนโลยีเครื่องจักรกล (รับบทโดย Finn Wolfhard) นอกจากนี้หนังยังได้ Paul Rudd นักแสดงชายชื่อดังที่เรารู้จักกันดีในบทซูเปอร์ฮีโร่ Antman แห่ง MCU มาร่วมรับบทเป็นอาจารย์โรงเรียนรู้รอบรู้อย่าง Mr.Grooberson อีกด้วย ครอบครัวสามแม่ลูกได้เดินทางย้ายบ้านมาอยู่ในเมืองเล็กๆ ณ Oklahoma หลังจากที่ผู้เป็นแม่ได้รับมรดกตกทอดมาจากพ่อของเธอ แม้ว่าเธอจะไม่รู้ว่าพ่อของเธอคือใคร. เมื่อพวกเขาได้มาถึงพวกเขาก็เริ่มค้นพบความเกี่ยวข้องกับเหล่า Ghostbusters รุ่นดั้งเดิม. Trevor และ Phoebe เริ่มรู้ว่าคุณปู่ของพวกเขาเคยเป็นใครและพวกเขาก็พร้อมที่จะสานต่องานของคุณปู่ให้สำเร็จ เมื่อเหล่าผีใต้เมืองกำลังจะตื่นขึ้นมาอาละวาดอีกครั้ง!
ผู้ชมทั้งหมด
11,797 ครั้ง
|
เข้าฉาย
13 มกราคม 2565
|
ออกโรงแล้ว |
17 มกราคม 2565 14:14:47 (IP 49.228.19.xxx)
|
||
[รีวิว] Ghostbusters: Afterlife - บริษัทกำจัดผี Ghostbusters: Afterlife คือหนังภาคต่ออย่างเป็นทางการจากสองภาคแรกในปี 1984 และ 1989 ซึ่งในปี 2016 เวอร์ชันนั้นเป็นรีเมคไม่ได้เกี่ยวข้องกับภาคไหนใด ๆ ทั้งสิ้น ในภาคนี้กำกับโดย Jason Reitman ลูกชายแท้ ๆ ของ Ivan Reitman ผู้กำกับต้นฉบับ Jason Reitman ผ่านงานการกำกับชั้นดีมาทั้ง Juno (2007) หรือ Up in the Air (2009) ที่บทดีทั้งคู่ นี่คือครั้งแรกของเขากับการมาจับหนังแนวแฟนตาซี คอเมดี้ Sci-fi สุดคลาสสิคขึ้นหิ้งของพ่อ และตอนที่ทำหนังเรื่องนี้เสร็จตัวเขาได้เชิญพ่อไปดูที่ค่าย หลังดูจบผู้เป็นพ่อถึงกับหลั่งน้ำตาในความภาคภูมิใจเลยทีเดียว โดยส่วนตัวเป็นคนชื่นชอบ Ghostbusters ชื่นชอบในที่นี้คือมีความทรงจำกับมันในวัยเด็ก ได้ดูผ่านม้วนเทปบ้าง ทีวีเอามาฉายบ่อย ๆ บ้าง คือมันผ่านตา ผ่านใจและเป็นหนึ่งในหนังที่เติบโตผ่านมันมาหลายครั้งหลายครา ยังคงจำในความสนุกความประทับใจ อยากไล่จับผีเหมือนในหนังเลย และหนังเรื่องนี้ทำมาเซอร์วิสแฟน Ghostbusters แบบจัดเต็มมาก คือ Spider-Man: No Way Home เซอร์วิสแค่ไหน เรื่องนี้โคตรเซอร์วิสไม่แพ้กัน เราจะได้เห็น Easter Egg ต่าง ๆ จากต้นฉบับเยอะมาก ที่โผล่มาให้ยิ้มทุกครั้ง ทั้งสิ่งของหรือแม้กระทั่งคำพูดที่เป็นมุกเล็ก ๆ เสน่ห์ของต้นฉบับยังคงมีอยู่ และที่สำคัญที่ทำให้แฟนแฟรนไชส์นี้ต้องปลาบปลื้ม... คลิกเพื่อซ่อนหรือแสดงข้อความ
ไม่รู้สปอยล์มั้ยนะ ใส่ไว้ก่อนละกัน... คือการกลับมาของตัวละครต้นฉบับ ทั้ง Bill Murray ในบท Peter Venkman, Dan Aykroyd ในบท Ray Stantz, Ernie Hudson ในบท Winston Zeddemore ที่จริง ๆ มีข่าวบอกอยู่แล้วล่ะว่าพวกเขาจะมาปรากฏตัวในหนังภาคนี้ แต่ให้ตายเถอะคุณ ไม่คิดว่าจะได้เห็น Dr. Egon Spengler เพราะนักแสดงตัวจริงได้เสียชีวิตไปแล้ว สำหรับแฟน ๆ การได้เห็นซีนตอนท้ายที่พวกเขามาร่วมกันปราบผี พูดประโยคต่าง ๆ บรรยากาศ ความรู้สึก เสน่ห์จากต้นฉบับกลับมาแบบเต็มไปหมด ทำให้แฟน ๆ อดอมยิ้มไม่ได้ และต้องปลาบปลื้มแน่นอน สำหรับใครที่ไม่ใช่แฟน Ghostbusters อาจจะไม่อินเท่าไหร่ มวลอารมณ์ ความรู้สึกอาจจะไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วยเหมือนแฟน ๆ ทางที่ดีคือควรดูสองภาคแรกก่อนไปดูภาคนี้จะเก็บได้ทุกอารมณ์ครบกว่า และเช่นกัน สำหรับใครที่ไม่ใช่แฟนหรือเพิ่งเคยมาดู Ghostbusters อาจจะรู้สึกว่าเนื้อเรื่องมันธรรมดา ไม่ค่อยมีอะไรเท่าไหร่ เอาจริง ๆ Ghostbusters มันก็เป็นแบบนั้นแหละ 555+ ในภาคนี้เนื้อเรื่องก็ไม่ได้เข้มข้น ไม่ได้ซับซ้อน จุดขัดแย้งต่าง ๆ ก็ผ่านไปได้ด้วยดีแบบง่าย ๆ คลี่คลายง่าย จบง่าย ความบังเอิญมากมายของตัวละครที่ไปใช้อุปกรณ์เป็นก็ง่ายเหลือเกิน บทตัวละครบางตัวก็น้อยเหลือเกิน บางตัวละครก็ถูกจับมาร่วมหัวจมท้ายดื้อ ๆ เสียอย่างงั้น คือทุกอย่างมันดูง่ายไปหมด มันคือหนังที่ดูเอาเพลินเท่านั้นเลย ความสนุกมันจึงตกไปอยู่ที่วิธีการเล่า การดำเนินเรื่อง ฉากต่าง ๆ ซึ่งหนังก็มีฉากสนุกมากมายที่ทำออกมาได้ดีเลย ทั้งฉากเปิดเรื่องที่ดูเหมือนเป็นหนังสยองขวัญเลย ฉากขับรถไล่ล่าผี ฉาก Boss Fight หรือแบบตัวละครคุยกันต่าง ๆ นานา อะไรทำนองนั้น และงานด้านภาพในเรื่องนี้ก็โคตรจะดูดีจริง ๆ สรุปแล้ว Ghostbusters: Afterlife เป็นหนังที่สนุกดูได้เพลิน มีเสน่ห์ในแบบของมัน ที่สำคัญเอาใจแฟนขั้นสุด แนะนำให้ไปดูสองภาคแรกก่อนแล้วดูเรื่องนี้จะอินเพิ่มขึ้นแน่นอน ป.ล. หนังมีฉากก่อนและหลังเครดิตอย่างละตัวเน้อ สรุปผลวิจารณ์หนัง
บทหนัง
7
การดำเนินเรื่อง
7
ดนตรีประกอบ
7
ฝีมือนักแสดง
7
กราฟฟิก
9.5
คะแนนเฉลี่ย
7.5
|
ยังไม่มีรีวิวหนังเรื่องนี้
ถูกใจ
ไม่ถูกใจ