วิจารณ์ "บาบาดุค ปลุกปีศาจ หนังผีที่เน้นขายเนื้อเรื่อง มากกว่าความน่ากลัว"
...หลังจากได้เข้าไปจองบัตรในโรงภาพยนตร์ รอบ 19:30 น. แต่ช่วงไปจองหนัง เราได้ไปจองบัตรกันช่วง 19:00 น. (ยังเหลือเวลาอีกเยอะ) เลยเดินไปเเวะเข้า B2S เเล้วไปหยิบนิตยสารภาพยนตร์เล่มนึงมาอ่านดู ซึ่งในนิตยสารนั้นมีข้อมูลเกี่ยวกับบาบาดุคอยู่ ผมเลยอ่านฆ่าเวลา แล้วก็พบจุดประสงค์ที่เเท้จริงของภาพยนตร์เรื่องนี้ ..เจนนิเฟอร์ เค็นท์ ผู้กำกับภาพยนตร์ผีระดับมาสเตอร์พีคเรื่องได้กล่าวไว้ว่า "สิ่งที่หนังเรื่องนี้เล่า ไม่ใช่ส่วนของความน่ากลัว แต่เป็นการเล่าถึงความเป็นเเม่ลูก ที่ต้องเผชิญหน้ากับวิกฤตที่มืดเเปดด้าน ไม่มีทางหลีกเลี่ยง หลบหนีได้ โดยหนังจะโฟกัสไปที่ตัวละครเเม่ว่า จะมีวิธีการปกป้องลูกเช่นไร ซึ่งวิธีการต่างๆของผู้เป็นแม่ อาจเปลี่ยนให้เธอเป็นแม่ที่ดี หรือ เเม่ที่เลวร้ายขึ้น ก็ได้" ..ซึ่งคำพูดนี้ ทำให้ภาพหนังบาบาดุคในหัวผมจากที่คิดเเต่ว่ามีฉากผีหลอนๆเยอะ กลายเป็นภาพเเม่ลูกที่พยายามหาทางเอาตัวรอดจากสถานการณ์ที่ไร้วิธีโต้กลับอย่างกดดัน ..และ ผมก็สินใจว่าจะคิดตามความคิดใหม่นี้ เเล้วเข้าไปดูหนังโดยไม่คิดว่าจะน่ากลัวมาก เเต่มันเป็นหนังดราม่าดีๆเรื่องนึง
เริ่มวิจารณ์..
...หนังเรื่องนี้เล่าถึงเเม่ลูกคู่นึง ที่ผู้เป็นลูกและแม่ดูมีอาการทางจิต และลูกก็ถูกคนรอบข้างมองว่า ประหลาด และ อันตราย ทำให้ผู้เป็นเเม่ต้องคอยดูเเลลูกอย่างใกล้ชิดตลอดเวลา(อย่างอดทน) ลูกของเธอมักฝันร้ายทุกคืน ผู้เป็นแม่จึงกล่อมลูกนอนทุกคืน ด้วยการอ่านนิทานก่อนนอนให้ฟัง เมื่อคืนนึงเธอให้ลูกเป็นคนเลือกนิทานเอง ลูกก็ได้หยิบหนังสือเล่มนึงที่ชื่อว่า "มิสเตอร์ บาบาดุค" มาให้เเม่อ่าน หลังจากนั้นความหลอนก็เริ่มเกิดขึ้น
...สิ่งที่บาบาดุคทำให้ผมทึ้งได้ คือ "นักแสดง" นักเเสดงของบาบาดุคในหนังเรื่องนี้ เหมือนนักเเสดงที่ได้ "รางวัลออสก้าสาขานักเเสดงยอดเยี่ยม" จริงๆ โดยเฉพาะนักเเสดงเด็กที่เล่นเป็น "ซามูเอล" เด็กคนนี้เล่นบทเด็กของหนังได้อย่าง "น่ารำคาญ"(นี้คำชมนะครับ ไม่ได้ด่า) จนทำให้เรารู้ว่าผู้เป็นแม่ของหนังนี้ต้องมีความอดทนมากๆในบทของเธอ เพราะ เด็กคนนี้มันน่ารำคาญจริงๆ..ทางด้านผู้เเม่ก็เเสดงได้ดีเยี่ยมเช่นกัน เเสดงได้ลึกลับ อ่อนโยน ก้าวร้าว เเละ หวาดกลัว ได้อย่างลงรอยตามอารมณ์ของหนัง
..ทางด้านเนื้อเรื่องก็มีจุดเด่นที่เเปลกใหม่
ตัวหนังมีลักษณะคล้ายคลึงกับ "28 Day Later"ตรงที่ว่าใช้จุดประสงค์ของหนังเป็นตัวปูพรมเรื่อง แต่ใช้อารมณ์ของหนังเป็นตัวตกเเต่งพรมนั้นให้น่าดูเพิ่มขึ้นอีก(ในความคิดผมนะ) จุดประสงค์ของหนังที่แท้จริง ก็คือ "การบอกเล่าชีวิตของเเม่ลูกคู่นึงที่ต้องใช้ชีวิตอย่างอดทน เพราะ แม่และลูก มีความรักกันเเละกันที่ไม่เท่าเทียมกัน" (ลูกรักแม่ แต่เเม่กลับรำคาญลูก และ มองว่าลูกเพี้ยน ก้าวร้าว) เเละใช้อารมณ์ของหนังนั่นคือ "มิสเตอร์ บาบาดุค" เป็นตัวตกเเต่งเรื่องให้น่าดู.. เนื้อเรื่องของหนังคล้ายหนังเเนวจิตวิทยา ที่เล่นกับอารมณ์ของตัวละครเเม่เเละลูกคู่นี้ ในหลายๆอารมณ์ จนอารมณ์ในหนังเรื่องนี้ กลายเป็นอารมณ์แปรปรวน ที่เปลี่ยนผันตลอดเวลา จนเราไม่สามารถคาดการณ์ล่วงหน้าถึงเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นต่อๆไปได้เลย อีกทั้งหนังยังมีเรื่องราวที่ซับซ้อน แต่มีเหตุมีผลของมันเอง ซึ่งทำให้เรารู้ว่าหนังดูมีปมบางอย่างที่พยายามจะให้ตัวละครเหล่านี้เเกะมันออกให้ได้
จุดเด่นของหนังอีกจุดที่ผมเห็น นั่นคือ "หนังสือ มิสเตอร์ บาบาดุค" ที่ถือว่าเป็นการเรียกน้ำย่อยการเริ่มต้นความหลอนได้ดีจริงๆ [spoil]หนังสือมิสเตอร์บาบาดุคมีจุดเด่นไม่เหมือนหนังเรื่องอื่นๆที่อ่านเเล้วผีจะออกมา ตรงที่ว่า "มันเป็นหนังสือป็อบ-อัพ" ที่จะมีภาพเด้งขึ้นมา (อย่างที่เห็นในตัวอย่างหนัง) ซึ่งมันทำให้เราเห็นภาพได้ และ อย่างที่รู้ๆกันอยู่ ว่า ป็อบ-อัพ มันมีลูกเล่นของมัน นั่นคือ "การขยับ" หนังสือป็อบ-อัพ มักจะมีจุดๆนึงที่ให้เราไปกระตุกจุดนั้น เเล้วภาพจะขยับได้ในส่วนนึง ซึ่งทำให้เราเหมือนได้ดูการ์ตูนเเละเรื่องราวต่างๆได้เหมือนดูทีวี[/spoil] ซึ่งจุดนี้ผมขอชื่นชม ที่ผู้กำกับเรื่องนี้เลือกใช้ หนังสือป็อบ-อัพเป็นตัวเรียกน้ำย่อยความหลอนที่ผมว่ามันเเปลก และดีที่สุดเเล้ว
..ฉากต่างๆภายในตัวบ้านก็เรียกว่า "หลอน"อยู่เช่นกัน เพราะ พื้นที่ภายในตัวบ้าน มีความมืดอยู่ทุกจุด ต่อให้เช้าสว่างจ้าเเค่ไหน ก็ยังมีจุดๆนึงที่มืดสนิทอยู่เสมอ เสริมด้วยมุมกล้องที่ผมว่ามันดูดีสำหรับหนังเรื่องนี้
..ทางด้านตัวละครที่เป็นจุดเรียกให้ผู้ชมมาดูหนังเรื่องนี้ หรือ "บาบาดุค" ตัวปีศาจตนนี้ ถึงเเม้ว่ามันจะดูไม่เนียนนัก (ก็หนังมันทุนต่ำ) แต่ก็ใช้บรรยากาศรอบตัวต่างๆ อย่างความมืด และความเงียบ มาเสริมให้ บาบาดุค หลอนขึ้นไปได้อีกขั้นนึง [spoil]เสียงของบาบาดุค เวลาที่มันร้องท่อนฮุกของมัน "บา บา ดุค (หยุด) ดุค (เสียงสั่นคลอน) ดุคคคคคค (เสียงดัง สั่นคอน และ ลากยาว)" บอกตรงเลยว่า "ขนลุก" เสียงมันหลอนจริงๆ จนผมกลัวตามตัวละครไปด้วยเลย[/spoil] ความหลอนของบาบาดุค อีกอย่างนึงก็คือ "มันเป็นปีศาจ" ดังนั้น มันสามารถที่จะโผล่มา เมื่อไร ที่ไหน เวลาไหน ก็ได้ ซึ่งจุดนี้เองทำให้เหล่าคนดูหลอนตามตัวละครได้ เพราะ เราไม่รู้ และเดาไม่ถูก ว่ามันจะมาที่ไหน เมื่อไร เวลาไหนกันเเน่ (เเหม.. เป็นปีศาจที่ไม่รู้จักเวล่ำ เวลาเลยจริงๆ)
..แต่ถึงกระนั้น การที่นักวิจารณ์หลายคนบอกว่า "หลอนกว่า Insidious และ น่ากลัวกว่า The Conjuring" ผมว่า "มึงโกหก"(หรือไม่จริงนั่นเอง #ขออภัยที่พูดหยาบ) แต่จะบอกว่า หลอนกว่า ก็มีอยู่ (มีฉากเดียว -_-) และการที่นักวิจารณ์ให้เรื่องนี้ไปถึง "5 ดาว" ผมว่า5ดาวที่นักวิจารณ์ให้ก็ถูกต้องนะ เพราะ เนื้อเรื่องมันเเปลก นักเเสดงเยี่ยม ดูกดดันเข้มข้น ลึกลับ งงงวย ดราม่า จิตวิทยา เเละ หลอนจากจิตอยู่ แต่ถึงกระนั้น มันก็มิอาจสามารถโค่นความหลอนสะท้านโลกันต์อย่าง "Insidious วิญญาณตามติด และ The Conjuring คนเรียกผี" ได้อย่างอยู่หมัด ถ้าให้เทียบจริงๆ "The Babadook ปลุกปีศาจ" เป็นได้เเค่ฉากเปิดตัวผีของหนัง "Insidious วิญญาณตามติด และ The Conjuring คนเรียกผี" เท่านั้น (คือเอาง่ายๆ พี่บาบาดุคครับ ผมว่า พี่หลอนได้มากกว่านี้นะ) ด้านคำวิจารณ์ดีๆ เเละการให้คะเเนน 5 ดาว อันนี้ผมไม่ค้านครับ เพราะ หนังมีเนื้อเรื่องแปลกใหม่ เเละ นักเเสดง แสดงได้ดีเยี่ยมจนผมแทบจะบ้าตามตัวละคร แต่การที่นักวิจารณ์มาเปรียบเทียบผิดๆว่า "หลอนกว่า Insidious และ น่ากลัวกว่า The Conjuring" มันไม่จริงที่สุด
..แต่ถึงกระนั้น "The Babadook ปลุกปีศาจ" ก็เป็นหนังที่ดีอีกเรื่องนึง หากคุณไม่ได้สัมผัสความหลอนอย่างเต็มเปี่ยม แต่คุณก็ยังสามารถสัมผัสความรักของแม่ลูกที่ไม่ลงรอยกัน ได้อย่างยินดี ผมว่าส่วนนึงที่ทำให้คนดูว่า "ภาพยนตร์ บาบาดุค ปลุกปีศาจ เป็นหนังผีไม่หลอน" ผมว่าคนที่ผิดไม่ใช่คนทำหนัง แต่เป็นตัวนักวิจารณ์มากกว่าที่ วิจารณ์เว่อเกินไป จนทำให้คนดูหวังสูงเกินไป (ฉนั้น เมื่อดูหนังจบ อย่าโทษผู้กำกับ คนเขียนบท หรือกลุ่มคนทำหนังในเรื่องนี้ เพราะ ส่วนใหญ่สิ่งที่ดึงดูดให้เราเข้าไปดูหนังเรื่องนี้ คือ คำวิจารณ์ต่างๆนานา มากกว่า) ส่วนความเห็นที่ว่า "บาบาดุค ปลุกปีศาจ สมควรเป็นหนังผีแห่งปีนี้หรือไม่" นั้น อันนี้ผมคิดว่า "คุณเท่านั้นที่จะเป็นคนตัดสินใจได้ ไม่ใช่คนอื่น..."
ความคิดเห็น (3)