หนัง The Black Phone หรือชื่อไทยว่า สายหลอน ซ่อนวิญญาณ ผู้กำกับสก็อต เดอร์ริคสัน หวนคืนสู่รากเหง้าความสยองของเขาอีกครั้ง เพื่อร่วมมือกับบลัมเฮาส์ แบรนด์ดังของภาพยนตร์แนวนี้ ในทริลเลอร์สยองขวัญเรื่องใหม่ ฟินนีย์ ชอว์ เด็กชายขี้อายแต่ชาญฉลาดวัย 13 ขวบ ถูกฆาตกรซาดิสต์ลักพาตัวไปขังอยู่ในห้องใต้ดินเก็บเสียง ที่ซึ่งการกรีดร้องไม่ก่อเกิดประโยชน์ใดๆ ในตอนที่โทรศัพท์ไร้สัญญาณที่ติดอยู่ตรงผนังเริ่มส่งเสียงดังขึ้นมา ฟินนีย์ก็ค้นพบว่าเขาสามารถได้ยินเสียงของเหยื่อคนก่อนๆ ของฆาตกรรายนี้ และเหยื่อเหล่านั้นก็ตั้งปณิธานเอาไว้ว่าจะทำให้แน่ใจว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับพวกเขาจะต้องไม่เกิดขึ้นกับฟินนีย์ อีธาน ฮอว์ค ผู้ได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลออสการ์สี่สสมัย นำแสดงในบทที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดในอาชีพนักแสดงของเขา และแนะนำเมสัน เธมส์ ในผลงานภาพยนตร์เรื่องแรกของเขา The Black Phone อำนวยการสร้าง กำกับและร่วมเขียนบทโดยสก็อต เดอร์ริคสัน มือเขียนบทและผู้กำกับจาก Sinister, The Exorcism of Emily Rose และภาพยนตร์มาร์เวลเรื่อง Doctor Strange บทภาพยนตร์เขียนโดยเดอร์ริคสันและซี. โรเบิร์ต คาร์กิล (Doctor Strange และแฟรนไชส์ Sinister) จากเรื่องสั้นที่ได้รับรางวัลโดยโจ ฮิลจากผลงานนิวยอร์ก ไทม์ เบสต์เซลเลอร์เรื่อง 20th Century Ghosts ของเขา ภาพยนตร์เรื่องนี้อำนวยการสร้างโดยครุ้กเค็ด ไฮเวย์ของเดอร์ริคสันและคาร์กิลและได้รับการนำเสนอโดยยูนิเวอร์แซลและบลัมเฮาส์ โดยมีเจสัน บลัม, สก็อต เดอร์ริคสันและซี. โรเบิร์ต คาร์กิล รับหน้าที่ผู้อำนวยการสร้างของภาพยนตร์เรื่องนี้ ภายใต้การควบคุมงานสร้างโดยไรอัน ทูเร็คและคริสโตเฟอร์ เอช. วอร์เนอร์
An adaptation of a short story by New York Times Best Seller JOE HILL.
ผู้ชมทั้งหมด
14,302 ครั้ง
|
เข้าฉาย
13 กรกฎาคม 2565
|
ออกโรงแล้ว |
16 กรกฎาคม 2565 03:31:31 (IP 49.228.97.xxx)
|
||
[รีวิว] The Black Phone - สายหลอน ซ่อนวิญญาณ ไม่รู้ว่าด้วยเหตุผลอะไรกันแน่ ที่ทำให้ The Black Phone - สายหลอน ซ่อนวิญญาณ ดีเลย์และเข้าฉายในบ้านเราช้ามาก ๆ ตัวหนังสร้างมาจากหนังสือเรื่องสั้นที่เขียนโดย Joe Hill ลูกชายของ Stephen King มันถูกดัดแปลงมาเป็นบทหนังและกำกับโดย Scott Derrickson ที่เคยฝากผลงานอย่าง The Exorcism of Emily Rose (2005), The Day the Earth Stood Still (2008), Sinister (2012), Deliver Us from Evil (2014), Doctor Strange (2016) ซึ่งตัวหนังก็ออกมาดูดีกว่าที่คิดเยอะมาก ๆ เป็นหนังทุนต่ำ (ทุนประมาณ 16-18 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ที่สร้างสรรค์และดูสนุกจริง ๆ The Black Phone เป็นหนังที่บอกเล่าเรื่องราวในช่วงยุค 70s เป็นยุคที่มีคดีการลักพาตัวเด็กอย่างมากมายทั่วอเมริกา จนกระทั่งมีคดีของจอมฉุดหรือ The Grabber (Ethan Hawke) เกิดขึ้น เด็กถูกลักพาตัวไปและไม่ได้เห็นหน้าพ่อแม่อีก แต่มีอยู่รายหนึ่ง Finney (Mason Thames) เด็กคนนี้ไม่เป็นอย่างที่มันคิด เพราะเด็กคนนี้ได้รับการช่วยเหลือจากเหล่าวิญญาณเด็ก ๆ คนอื่น ๆ ที่โดนจอมฉุดฆ่าไป! หนังมีกลิ่นอายความเป็น Stephen King ไม่น้อยนะ แถมช่วงแรกยังเนือย ๆ ชมนกชมไม้ไปเรื่อยกว่าจะเข้าเรื่องเหมือนกันอีก เพราะหลายฉากหลายอย่างมันก็ไม่จำเป็นสักเท่าไหร่ ถ้าไม่มีก็ไม่ได้ให้เรื่องราวเปลี่ยนแปลงไปเลย น่าชื่นชมความสร้างสรรค์ที่ผสมผสานหนังแนวระทึกขวัญ หนังเชือด หนังเอาตัวรอดในห้องปิดตาย และความสยองขวัญได้อย่างลงตัว มีความชวนอึดอัด มีจังหวะให้ลุ้น ให้ตื่นเต้น อยู่เป็นระยะ ๆ ส่วนทางด้านความสยองใครที่แบบกลัวผีก็ดูได้ เพราะมันไม่ใช่หนังผีจ๋าขนาดนั้น มีจังหวะ Jump Scare มีผีก็จริง แต่มันก็ไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้นหรอก (มั้ง) แต่สัดส่วนแต่ละอย่างมันไม่ได้มากมารวมกันแล้วมันเป็นหนังที่สนุกเลยแหละ และต้องชื่นชมพวกเสียงและดนตรีประกอบที่สร้างความระทึก สร้างอารมณ์ร่วมให้กับหนังไม่น้อยเลย แต่ถึงกระนั้นบทมันก็ค่อนข้างจะธรรมดา ไม่ได้มีจุดพลิก จุดหัก การเอาตัวรอดของเด็กน้อยก็ดูราบรื่นเกินไปเสียหน่อย เหมือนกับว่าเวลากำลังหาทางหนีมันไม่มีจังหวะให้จอมฉุดโผล่มาแล้วแบบ "เห้ย ทำอะไรของแกอยู่น่ะ" พอมาถึงตอนจบมันก็เลยดูง่ายไปสักหน่อย แต่ก็เป็นตอนจบที่ถือว่าเท่และมันก็สมเหตุสมผลกับการปูเรื่องเนือย ๆ ตอนแรกแหละ อีกจุดน่าสังเกตคือหนังเหมือนจะลืมให้น้ำหนักและเหตุผลไปว่าไอ้เรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น The Grabber หรือจอมฉุดเนี่ย มันทำทำไมกันนะ จุดประสงค์คืออะไร เพื่ออะไร และการฆ่าเด็กวิธีฆ่าแต่ละคนคือยังไง ถ้ามีมันอาจจะส่งเสริมมิติให้ตัวละครกับบทและเปิดพื้นที่การแสดงให้ Ethan Hawke ได้ดูจิตมากกว่านี้แน่นอน ทางด้านการแสดงถือว่า Mason Thames แสดงในบท Finney ได้ดี แต่รู้สึกว่าการพัฒนาตัวละครมันก้าวกระโดดไปสักหน่อย ดูเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือรวดเร็วมาก บทน้องสาว Gwen ที่แสดงโดย Madeleine McGraw ก็ไม่ได้โดดเด่นอะไร บางซีนแอบเล่นใหญ่ไปด้วยซ้ำ ที่น่าชื่นชมที่สุดก็คือ Ethan Hawke ในบท The Grabber หรือจอมฉุดนี่แหละ ที่ไม่คุ้นภาพความเป็นตัวเขาเลย แถมท่าทางการพูดการจายังดูโรคจิตไม่ใช่น้อย แต่น่าเสียดายที่หนังมีพื้นที่ให้เขาโชว์ศักยภาพน้อยเกินไปอย่างที่ได้กล่าวไปย่อหน้าที่แล้ว สรุปแล้ว The Black Phone - สายหลอนซ่อนวิญญาณ เป็นหนังทุนต่ำที่สร้างสรรค์ผสมผสานหนังหลายแนวได้อย่างลงตัว ทั้งระทึกขวัญ ทั้งสยองลงเหมาะเหม็งมาก ไม่ได้เน้นหนักไปทางใดทางนึง แต่ก็ถือว่าเหมือนกั๊ก ๆ เลยให้ความรู้สึกไม่สุดสักทางเหมือนกัน แต่ก็ดำเนินเรื่องราวได้อย่างสนุก ลุ้น ตื่นเต้น น่าเอาใจช่วยได้ดีเลย สรุปผลวิจารณ์หนัง
บทหนัง
7
การดำเนินเรื่อง
8
ดนตรีประกอบ
9
ฝีมือนักแสดง
8
กราฟฟิก
7
คะแนนเฉลี่ย
7.8
|
ยังไม่มีรีวิวหนังเรื่องนี้
ถูกใจ
ไม่ถูกใจ