หนัง The End of the Pale Hour หรือชื่อไทยว่า หยุดรักไว้ที่วันนั้น The End of the Pale Hour ( Akegata no Wakamonotachi ) หยุดรักไว้ที่วันนั้น สร้างจากนิยายขายดีของ มาซาฮิโกะ คัตซึเสะ เรื่องราว ของรักแรก และ ระยะห่างของความรัก นำโดย ทาคุมิ คิตะมุระ ( I WANT TO EAT YOUR PANCREAS ,OUR 30 MINUTE SESSIONS ) ยูอินะ คุโรชิมะ ( Sagrada Reset ) ยูกิ อิโนะอุเอะ ( Ultraman Taiga The Movie ) The End of the Pale Hour เป็นผลงานการกำกับของ ผู้กำกับหญิงรุ่นใหม่มาแรงของญี่ปุ่น ฮานะ มัตสึโมโตะ ( Dadadada Seventeen ) หนังถ่ายทอดเรื่องราว ของชายหนุ่มที่ตกหลุมรัก หญิงสาวแปลกหน้าในงานเลี้ยงหลังเรียนจบ พวกเขาตกลงที่จะเดตกันทุกสุดสัปดาห์ตั้งแต่ช่วงหัวค่ำไปจนถึงรุ่งเช้า จนเวลาผ่านไป 2 ปี หญิงสาวคนนั้นก็ได้หายตัวไป โดยไม่มีแม้แต่คำร่ำลา
A young man falls in love with a woman he meets at a party, but when she leaves him, he must face some uncomfortable truths.
ผู้ชมทั้งหมด
7,666 ครั้ง
|
เข้าฉาย
24 กุมภาพันธ์ 2565
|
ออกโรงแล้ว |
22 กุมภาพันธ์ 2565 13:19:30 (IP 184.22.219.xxx)
|
||
[รีวิว] THE END OF THE PALE HOUR - หยุดรักไว้ที่วันนั้น ได้มีโอกาสไปดูรอบสื่อของหนังเรื่องนี้ โดยที่ไม่ได้ดูตัวอย่างมาก่อนเลยว่าเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับอะไร รู้เพียงแต่ว่าเป็นหนังญี่ปุ่นเท่านั้น ซึ่งตัวหนังบอกเล่าเรื่องราวชีวิตของชายคนหนึ่งที่กำลังจะเป็น First Jobber เขามีทั้งความใฝ่ฝันอยากเปลี่ยนแปลงโลก มีไฟในการทำงานมากมาย และ...มีความรักที่ยากจะถอนตัว นี่แหละครับเรื่องย่อของหนังเรื่องนี้ ที่มันดูธรรมดา ไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่ แต่มันเล่าได้เข้าอกเข้าใจผู้คนได้เป็นอย่างดี ที่บอกว่ามันคือหนังชีวิต เพราะหนังเรื่องนี้มีแทบจะทุกแง่มุมในการใช้ชีวิตเลยก็ว่าได้ ตั้งแต่การงาน ความรัก ความสัมพันธ์ วัฒนธรรม การใช้ชีวิต ที่จะส้อนภาพสังคมญี่ปุ่นเอาไว้ แต่มันก็น่าจะสะท้อนภาพที่ตรงกับใครหลายคนอยู่เหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นคนที่อยู่ช่วงวัยทำงานมาแล้วสักระยะก็อาจจะผ่านจุดเหล่านี้มา และคนที่เพิ่งเรียนจบกำลังจะเป็น First Jobber ก็อาจจะยิ่งสะท้อนมันได้เป็นอย่างดี หนังถูกแบ่งเป็นสองพาร์ทอย่างชัดเจน และผมขอเรียกแทนทั้งสองพาร์ทว่า "ความใฝ่ฝัน" กับ "ความเป็นจริง" แน่นอนว่าการมีฝันไม่ใช่เรื่องที่ผิด จะฝันเล็ก ฝันใหญ่แค่ไหน มันมีความหมายเสมอ หลายคนโชคดีที่ได้ทำอย่างฝันเป็นอย่างฝัน และหลายคนอาจไม่ได้โชคดีแบบนั้น เพราะความฝันอาจโดนบั่นทอนลลงด้วยองค์ประกอบรอบตัวหลาย ๆ อย่าง และอาจทำให้ความฝันถูกตีกรอบจนไม่กล้าฝันอีกต่อไป แต่ก็ยังคงมีความหวังอยู่ และนั่นแหละคือสิ่งที่พระเอกในเรื่องนี้ต้องเผชิญ หนังถ่ายทอดให้เห็นการพัฒนาการของตัวละครพระเอกได้เป็นอย่างดี ตัวละครนี้เอาไว้ขับเคลื่อนเรื่องราวในทุกแง่มุม เริ่มตั้งแต่แง่มุมความรักที่เขาได้พบผู้หญิงคนหนึ่งในงานเลี้ยงรุ่นและได้ตกหลุมรักใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน ความฝันของเขาคือการได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันแต่มันก็ต้องจบลง หนังถูกดำเนินเรื่องตามสไตล์หนังญี่ปุ่นส่วนมากที่เคยดู คือจะเนิบ ๆ เรื่อย ๆ ค่อย ๆ เล่า พาเราไปรู้จัก ผูกพันกับตัวละคร ซึ่งพอมันถึงจุดหักของเรื่องทำให้อึ้งเหมือนกัน มันกระชากความรู้สึก และเปลี่ยนความรู้สึกเราครึ่งเรื่องแรกไปหมดเลย จุดที่น่าชื่นชมคือเหมือนหนังเล่นมายากล เบี่ยงเบนความสนใจเราไปยังจุดต่าง ๆ จนเราไม่ได้โฟกัสหรือเอะใจกับจุดหักที่ปรากฏอยู่ตลอดนั้นเลย หนังยังจะท้อนเรื่องงานของพระเอกที่เชื่อว่าใครหลายคนน่าจะต้องเคยประสบพบเจอกันมาไม่มากก็น้อย ทั้งความคาดหวังก่อนการทำงาน ทำงานแล้วรู้สึกว่าไม่ใช่สิ่งที่ตัวเองต้องการ หมดไฟ หมดแพชชั่น ซึ่งหนังเรื่องนี้นำเสนอทุกแง่มุมในเรื่องการงานออกมาได้เป็นอย่างดี รวมถึงเรายังได้เห็นมุกเล็ก ๆ ที่โดนเองก็คงยิ้มแห้ง ๆ เหมือนกัน เกี่ยวกับเพื่อนเก่าที่ไม่ได้เจอมานาน... เรายังเห็นในอีกหลายแง่มุมสังคมญี่ปุ่นที่มีในประเทศถูกนำเสนอออกมาสะท้อนความจริงอย่างไม่เคอะเขิน และมันก็คงจะตรงใจใครหลายคนเช่นกัน ทางด้านนักแสดงเล่นได้ดีทุกคนเลย โดยเฉพาะยูอินะ คุโรชิมะ สวยสะกดมากกกกกก เป็นหนึ่งสิ่งที่ทำให้เราไม่ได้สังเกตจุดที่ก่อให้เกิดจุดหักกลางเรื่องแหละ เพลงประกอบจัดว่าเพราะเลย โดยเฉพาะเพลงของ Radwimps หรือเพลงของใครสักคนจำไม่ได้ที่ชื่อเพลงว่าเอเลี่ยน สองเพลงนั้นเพราะมากจริง ๆ สรุปแล้ว The End of the Pale Hour - หยุดรักไว้ที่วันนั้น เรียกได้ว่าเป็นหนังชีวิตเรื่องนึงได้เลย เพราะมันสะท้อนชีวิตในหลายเรื่องมากมาย อาจจะดำเนินเรื่องเอื่อยจนเกินไปเท่านั้น ถึงแม้ตัวหนังจะไม่ได้ปลอบประโลม แต่มันถูกถ่ายทอดออกมาได้อย่างจริงและตรงไปตรงมา สรุปผลวิจารณ์หนัง
บทหนัง
9
การดำเนินเรื่อง
7
ดนตรีประกอบ
9
ฝีมือนักแสดง
8
กราฟฟิก
7
คะแนนเฉลี่ย
8
|
ยังไม่มีรีวิวหนังเรื่องนี้
ถูกใจ
ไม่ถูกใจ