หนัง Hunger Games 3 Part 2 หรือชื่อไทยว่า เกมล่าเกม ม็อกกิ้งเจย์ พาร์ท 2 เตรียมพบกับการเปิดฉากการต่อสู้ครั้งสุดท้ายที่จะเปลี่ยนพาเน็มไปตลอดกาล ภาคจบของภาพยนตร์ที่ผู้ชมทั่วโลกเฝ้ารอคอยมากที่สุดแห่งปีที่สร้างปรากฏการณ์ฟีเวอร์ร้อนแรงที่สุดแห่งทศวรรษ!ถึงเวลาสาหรับศึกการต่อสู้ครั้งยิ่งใหญ่ที่จะกำหนดชะตาของผู้คนทั้งพาเน็ม เมื่อแคทนิส เอเวอร์ดีน(เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์) ร่วมมือกับเขต 13 และรับข้อเสนอของประธานาธิบดีคอยน์(จูลีแอนน์ มัวร์) ที่จะรับหน้าที่ “ม็อกกิ้งเจย์” สัญลักษณ์และความหวังและผู้นำในการเคลื่อนไหวครั้งนี้ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ประธานาธิบดีสโนว์ประกาศกร้าวที่จะไม่ยอมอ่อนข้อให้กับกลุ่มกบฏอีกต่อไปและพร้อมที่จะตอบโต้แบบตาต่อตาฟันต่อฟัน พวกเขาก็เช่นกันที่พร้อมจะต่อสู้ชนิดที่หากต้องมอดไหม้ อีกฝ่ายก็ต้องมอดไหม้ไปด้วย!
ผู้ชมทั้งหมด
25,825 ครั้ง
|
เข้าฉาย
19 พฤศจิกายน 2558
|
ออกโรงแล้ว |
26 พฤศจิกายน 2558 11:44:00 (IP 110.78.138.xxx)
|
||
The Hunger games: MockingJay part 2 บทสรุปของเกมส์ล่าชีวิต นับเป็นเวลานานหลายปีกว่าจะดำเนินมาถึงบทสรุปของภาพยนตร์ที่ดัดแปลงมาจากนิยายชุดชื่อดังเรื่อง The Hunger games ที่มีทั้งหมด 3 เล่มด้วยกัน ส่วนในหนังสือเล่มสุดท้าย MockingJay แบบฉบับของภาพยนตร์นั้นได้แบ่งออกเป็น 2 พาร์ทด้วยกัน เนื้อเรื่องของหนังต้องการจะสื่อถึงการแบ่งชนชั้นและการใช้ความรุนแรง โดยจะแบ่งเมืองออกเป็น 12 เขตด้วยกันซึ่งทั้ง 12 เขตนั้นการใช้ชีวิต ฐานะ ชนชั้น ก็จะไม่เท่าเทียมกัน ทุกๆ ปีจะมีการจัดการแข่งขันเกมส์ล่าชีวิต โดยนำตัวแทนเขตชาย-หญิง 1 คู่ จากทั้ง 12 เขตมาฆ่าฟันกันเองโดยจะมีผู้รอดชีวิตเพียงแค่ 1 คนเท่านั้น โดยภาค MockingJay part 2 จะเป็นเนื้อเรื่องที่บ่งบอกถึงบทสรุปของหนัง หลังจากที่กลุ่มกบฎได้ก่อตั้งตัวเองขึ้นมาเป็นเขต 13 เพื่อต่อกรกับชาวเมืองหลวงแคปปิตอล โดยใช้ แคทนิส เอเวอร์ดีน รับบทโดย เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์ ผู้พิชิตเกมส์ล่าชีวิตปีล่าสุดให้มารับหน้าที่เป็น “ม็อกกิ้งเจย์” เป็นสื่อกลางในการโน้วน้าวให้ทุกเขตมาเข้าร่วมกับเขต 13 เพื่อต่อการกับ ปธน.สโนว์ ผู้นำแห่งชาวพาเน็ม ภาคนี้จะเป็นการต่อสู้ครั้งสุดท้ายของม็อกกิ้งเจย์ และบทสรุปความรักของแคทนิส ต้องบอกก่อนเลยว่าตัวผมไม่ได้อ่านนิยายเรื่องนี้เลยจะมารีวิวในแบบฉบับของหนังอย่างเดียว ซึ่งส่วนตัวผมคิดว่าภาคนี้นั้นสนุกกว่า MockingJay part 1 ที่ฉายไปเมื่อปีก่อนเนื่องจากภาคก่อนนั้นค่อนข้างน่าเบื่อ เป็นการต่อสู้กันไปมาด้วยคำพูด เหมือนเป็นการอุ่นเครื่องก่อนที่จะมาต่อสู้กันจริงๆในภาคนี้ ในภาคนี้จะเพิ่มในเรื่องของการสูญเสียเข้ามา เริ่มมีตัวละครตาย เหมือนได้ดึงความเป็นเกมส์ล่าชีวิตในภาคแรกๆ กลับมาอีกครั้ง หลังจากที่พาร์ท 1 นั้นค่อนข้างต่างจากภาคแรกๆ แต่ภาคนี้ก็ยังดูดรอปกว่าภาคแรกๆ เนื่องจากตัวหนังดำเนินเรื่องค่อนข้างน่าเบื่อในช่วงต้นเรื่องไปนิด ซึ่งบางคนอาจจะหลับได้เลย พอมาถึงฉากที่เริ่มมีคนตายก็จะมาแบบไม่ทันตั้งตัวเลยทีเดียว บางทีเรายังไม่ทันเห็นว่ามีใครตายฉากไหนบ้าง เรียกได้ว่าปรับอารมณ์แทบจะไม่ทัน ตัวหนังก็ยังคงดำเนินเรื่องแบบเนิ่บๆ ยันบทสรุปของเรื่อง ซึ่งได้ปิดตำนานเรื่องราวทั้งหมดได้ดี แต่ความรู้สึกของคุณดูมันรู้สึกเหมือนกับมันดูค้างคายังไงก็ไม่รู้ และรู้สึกว่ายังไม่สุดทั้งแอคชั่นรวมถึงบทดราม่า จะมีเพียงตัวนักแสดงฝีมือการเล่นดีอย่างที่เรารู้ๆ กันอยู่ สำหรับผมถ้าให้เทียบกันกับภาคก่อนๆ ภาคทำได้ไม่ดีเท่าภาค 1 และภาค 2 แต่ก็ไม่แย่เท่ากับ Mockingjay part 1 ส่วนตัวผมคิดว่าภาค 3 นี่ถ้าไม่แบ่งต้องพาร์ทอาจจะออกมาดีกว่านี้ก็ได้นะ สรุปผลวิจารณ์หนัง
บทหนัง
8
การดำเนินเรื่อง
8.5
ดนตรีประกอบ
9
ฝีมือนักแสดง
9
กราฟฟิก
9
คะแนนเฉลี่ย
8.7
|
||
18 พฤศจิกายน 2558 10:15:04 (IP 118.172.230.xxx)
|
||
Mockingjay Part 2 จุดจบของความแตกแยก The Hunger Game ถือเป็นวรรณกรรม อีกเรื่องนึงที่ได้มีการดัดแปลงทำเป็นภาพยนตร์และออกฉาย พร้อมทั้งสร้างกระแสอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ภาคแรกที่เข้าฉาย จนสามารถต่อลมหายใจ จนสามารถทำเป็นภาพยนตร์จนจบได้ครบถ้วน ทั้ง 3 เล่ม ซึ่งภาคสุดท้ายได้อินเทรนตามกระแสสมัยนิยม ที่จับเอาหนังสือเล่มสุดท้ายมาแบ่งเป็น Part 1 และ Part 2 เพื่อความครบถ้วนในการถ่ายทอดเอาในแฟนๆหนังสืออย่างเต็มเปี่ยม ซึ่งเอาเข้าจริงใน Part 1 ที่ฉายไปเมื่อปลายปีที่แล้ว เรียกได้ว่า เป็นการลดระดับเกรดหนังของตัวเองลงจริงๆ เพราะภาคนั้น ถือว่าเป็นการขยายความมากเกินไปจนมันมีแต่น้ำๆ ท่วมทุ่ง ไร้อารมณ์ร่วมจริงๆ กว่าจะบิ้วคนดูให้สนุกได้ก็ดันตัดจบเอาซะดื้อๆ ถือเป็นความผิดหวังของแฟนๆหนังเสียจริงๆ แต่ก็เอาเถอะ หลายๆคนคงคิดว่าเก็บความมันส์จัดเต็มไว้ในภาคสุดท้าย ถือว่าพอให้อภัยได้ จนกระทั่ง 1 ปีผ่านไป ถึงเวลาที่ Part 2 ซึ่งเป็นภาคสุดท้ายได้เวลาออกฉาย ความรู้สึกหลังจากที่ได้ชมคือ ตัวหนังยังดำเนินเรื่องเนิบๆเรื่อยๆในช่วงครึ่งแรกของหนัง ปกความดราม่าและหดหู่ของสงคราม ดำเนินเรื่องมาโทนเดียวกับ Part 1 ซึ่งถ้าเป็นคนที่ไม่ชอบอะไรแนวๆนี้ มีหลับได้แน่ๆ จนกระทั่งเนื่อเรื่องเริ่มมีการบุกเมืองแคปพิตอล มีการใส่ฉากแอคชั่น การสูญเสีย ประดังเข้ามาแบบไม่ได้ให้ทันตั้งตัวเลยทีเดียว ซึ่งตัวละครประกอบที่เพิ่มเข้ามา ก็มาไวไปไวไม่ให้ได้ตั้งตัวเลย ส่วนตัวชอบตรงที่เดินเรื่องตามหนังสือมากแบบฉากต่อฉากเลยจริงๆ แต่น่าเสียดายที่ ผกก คนนี้กำกับทั้งแอคชั่นและดราม่า ไปไม่สุดซักทาง ไม่เหมือนตอนที่กำกับภาค 2 อันนั้นดูลงตัวและกลมกล่อมที่สุดในบรรดาหนังทั้ง 4 ภาคของ Hunger Games เลยทีเดียว สรุป Mockingjay Part 2 ไม่ได้น่าจดจำเท่า Catching Fire แต่ก็เก็บรายละเอียดตามหนังสือได้ดี แฟนๆหนังสือฟินแน่นอน แต่สำหรับแฟนภาพยนตร์ เรื่องนี้ยังไม่ตอบโจทย์ความแอคชั่นหรือดราม่า แบบเต็มสูบซักทีเดียว แต่ไหนๆก็ชมกันมาแล้ว 3 ภาค ยังไงก็ต้องตามเก็บตามชมในโรงเพื่อปิดตำนานซักที 7.5/10 สำหรับภาคนี้ สรุปผลวิจารณ์หนัง
บทหนัง
7.5
การดำเนินเรื่อง
7
ดนตรีประกอบ
7
ฝีมือนักแสดง
8
กราฟฟิก
8
คะแนนเฉลี่ย
7.5
|
ยังไม่มีรีวิวหนังเรื่องนี้
ถูกใจ
ไม่ถูกใจ