หนังจบแต่อารมณ์ไม่จบจริง ๆ กับภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์อย่าง F1 The movie ที่เล่นเอาเราแทบจะจิกเบาะดูเลยทีเดียวกับเรื่องราวชีวิตของ ซอนนี่ เฮย์ (รับบทโดย แบรด พิต) อดีตนักแข่งรถดาวรุ่งจากยุค90 ที่ชีวิตต้องเปลี่ยนผันไปอย่างสิ้นเชิงเพราะอุบัติเหตุร้ายแรง แต่ก็ยังไม่ทิ้งความฝันของตัวเอง เมื่อเพื่อนเก่าได้ยื่นข้อเสนอให้เขาได้กลับมาลงสนามอีกครั้งเพื่อกอบกู้ทีมที่กำลังแย่
เป็นภาพยนตร์ที่เราบอกได้ว่าสนุก ครบรส อินจนเผลอจิกเบาะตามในหลาย ๆ ฉากเลยด้วยความที่ตัวหนังมีภาพที่สวย การออกแบบในทุก ๆ องค์ประกอบทำให้เหมือนกับว่าเราได้หลุดไปอยู่มนโลกของซอนนี่ด้วยยังไง ยังงั้นทุก ๆ มุมภาพที่เสมือนเราได้ลงไปขับรถ Formula 1 กับเขายังตราตรึงใจเราไม่หยุด ตัวหนังมีกลิ่นอายจากท็อปกัน มาเวอริคพอสมควร ด้วยฝีมือของผู้กำกับ โจเซฟ โคซินสกี้และพ่วงด้วยทีมงานเดียวกัน ซึ่งการันตีความันส์ใน F1 The movie ได้เลย
ในด้านงานภาพ แสง สี บอกเลยว่าปราณิตสมกับที่คอยโปรโมทมาตลอดจริง ๆ ภาพสวย มุมกล้องที่ทำให้เราได้รู้สึกเหมือนลงไปนั่งอยู่ในรถกับซอนนี่จริง ๆ ทางฝั่งเนื้อเรื่องก็ดำเนินไปเร็วสมกับเป็น F1 ไปเร็ว แต่ไม่ได้เร็วจนตามไม่ทัน แม้เนื้อเรื่องจะออกไปทางเดาง่าย แต่ปัจจัยอื่น ๆ ทำให้มองข้ามไปได้เลย ทั้งการแสดงของตัวพ่ออย่างแบรต พิต หรือ ในบทของ โจชัว เพียซซึ่งรับบทโดย แดมสัน อิดริส ที่รับส่งกันได้อย่างเข้าขา อีกทั้งยังนักแข่งระกับโลกที่มาร่วมออกกล้องโชว์ฝีมือกันยิ่งทำให้ฉากในสนามยิ่งมันส์สุดติ่งขึ้นไปอีกทั้งเพลงที่ประกอบก็เหมาะสมมาก เราดูจบแล้วต้องมาตามฟัง ตามกดใส่เพลย์ลิสท์ไปอีก
สำหรับคนที่ไม่เคยดูแข่ง F1 มาก่อนอย่างเรานั้น ก็สามารถดูภาพยนตร์ F1 The movie ได้แบบชิว ๆ เลย แม้จะไม่ได้รู้กติกามาก่อนอาจจะสงสัยนิดหน่อยอย่างพวกธงแดง ธงเหลือง หรือการให้ทางในการแข่งขัน แต่ดูไปก็จะค่อย ๆ เข้าใจเองและสามารถมีอารมณ์ร่วมไปกับหนังได้สบาย ๆ ตัวหนังก็ครบเครื่องทั้งฟีลลิ่งการแข่งขัน การนำเสนอการแข่งขันF1ที่จะทำให้เราได้รู้จักและทำความคุ้นเคยไปกับมัน ปมดราม่าตัวละครที่ค่อย ๆ พัฒนาจนสามารถร่วมมือกันเป็นทีมจนสามารถประสบความสำเร็จได้ในที่สุด ถือเป็นอีกภาพยนตร์ที่อยากจะแนะนำทั้งแฟนกีฬาที่ดูแล้วก็น่าจะชอบกันและคนทั่ว ๆ ไปก็สามารถดูและรู้สึกสนุกและไฮป์ไปกับมันได้ จนสุดท้ายเราเองก็ได้ออกมาติดตามและทำความรู้จักกับวงการ F1 ต่อเพราะหนังเรื่องนี้เลย
ความคิดเห็น (0)