หนัง Captain America: Civil War หรือชื่อไทยว่า ศึกฮีโร่ระห่ำโลก กัปตันอเมริกา: ซิวิล วอร์ ดำเนินเรื่องต่อจาก อเวนเจอร์ส: มหาศึกอัลตรอนถล่มโลก เมื่อ สตีฟ โรเจอร์ส ได้นำทีมอเวนเจอร์สทีมใหม่ ในการเดินหน้าเพื่อปกป้องมนุษยชาติ หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั่วโลกโดยมีอเวนเจอร์สเข้าไปเกี่ยวข้องได้ส่งผลกระทบต่อเนื่อง ความกดดันทางการเมืองทำให้เกิดระบบตรวจสอบและพิจารณาการทำงานของทีมอเวนเจอร์ส ซึ่งสถานภาพที่เป็นอยู่ตอนนี้ได้ทำให้เกิดรอยร้าวในเหล่าอเวนเจอร์สในขณะที่พวกเขาก็ต้องปกป้องโลกจากวายร้ายผู้ชั่วช้าคนใหม่
Captain America: Civil War An incident leads to the Avengers developing a schism over how to deal with situations, which escalates into an open fight between allies Iron Man and Captain America.
ผู้ชมทั้งหมด
81,977 ครั้ง
|
เข้าฉาย
27 เมษายน 2559
|
ออกโรงแล้ว |
2 พฤษภาคม 2559 19:12:54 (IP 110.168.6.xxx)
|
||
Captain America Civil War มหึมันส์ที่มาร์เวลจัดให้ ปี 2016 ถือว่าเป็นปีที่ ค่ายที่ถือสิทธิ์ Comic Hero ยักษ์ใหญ่อย่าง DC และ Marvel วางแผนที่จะจัดหนัก Event ใหญ่ โดยการเอาตัวละครหลักของค่ายตัวเองอย่าง Batman มาปะทะกับ Superman และ กัปตันอเมริกา ปะทะ ไอรอนแมน ซึ่งรายแรกนั้นฉายไปเมื่อเดือนมีนาคม ซึ่งผลที่ได้ออกมา ถ้าไม่ชอบไปเลย ก็คือเกลียดไปเลย เพราะทางฝั่งนั้น เน้นเอาใจ FC ตัว Comic ซะส่วนใหญ่ แต่โดยรวมเนื้อเรื่องมันไม่ค่อยสมูทเลยเท่าไหร่ ทำให้ Civil War ตกที่นั่งลำบากแล้วว่าจะซ้ำรอยค่ายคู่แข่งหรือไม่ ผลที่ได้หลังจากที่รับชมมา Civil War ถือเป็นอีกก้าวของทาง Marvel Studio ที่ดึงเอาสองพี่น้องรูสโซ จาก Winter Soilder กลับมากำกับอีกครั้ง และทั้งคู่ยังคงรักษามาตรฐานในด้านเนื้อเรื่อง การกำกับ แอคชั่น ได้ออกมาดูง่ายและกลมกล่อมดีมาก ตัวเรื่องนั้นมีตัวละครหลากหลายมากมายก่ายกอง แต่ไม่สามารถทำให้คนดูสับสน หรือลำเอียงบทให้กับตัวละครอื่นๆ มากกว่าตัวละครหลักอย่าง กัปตันและไอรอมแมนเลย ในฉากการปะทะที่สนามบินเป็นอะไรที่สนุก ลุ้น และเอ็นจอย จัดหนักจัดเต็มเอามาๆ เรียกได้ว่าขนเซอร์ไพร์มาให้เพียบ ทำเอาตะลึงไปเลยก็ว่าได้ งานด้านภาพ ถือว่าค่อนข้างกลางๆสำหรับหนังของมาร์เวล แถมมีบางฉากที่ CG ยังดูลอยๆไม่เนียนเท่าไหร่ แต่โดยรวมถือว่าใช้ได้ ฉากที่ใช้กล้อง IMAX ดิจิตอลรุ่นใหม่ในการถ่ายทำ ออกมาใช้งานได้ดีทีเดียว จัดเต็ม 17 นาทีต่อเนื่องกันไปเลย (ฉากที่กะทะกันที่สนามบินนั่นแหละ) งานด้านเสียง และเพลงประกอบ อันนี้ถือเป็นจุดด้อยของหนังมาร์เวลเลยที่ยังไม่สามารถเฟ้นหา ผู้ประพันธ์เพลงประกอบที่ทำให้ติดหูและคนดูจำได้ งานส่วนมากที่ออกมาจะออกไปทาง กลางๆซะมากกว่า โดยรวม Civil War นั่นเป็นหนังอีกเรื่องจากมาร์เวลที่ยกระดับที่ตัวหนังสเกลใหญ่น้องๆ อเวนเจอร์ 2 เลยทีเดียว เพียงแต่มันไม่ได้เละเทะและเลอะเทอะ แบบเรื่องที่ว่า แถมเป็นการพิสูจน์ว่า ผกก สองพี่น้องคู่นี้ ที่ได้รับมอบหมายให้กำกับ Avengers Infinity War Part 1 และ 2 นั่นแฟนๆน่าจะหายห่วงได้พอสมควรเลยทีเดียว 9/10 สรุปผลวิจารณ์หนัง
บทหนัง
10
การดำเนินเรื่อง
9
ดนตรีประกอบ
8
ฝีมือนักแสดง
9
กราฟฟิก
9
คะแนนเฉลี่ย
9
|
||
2 พฤษภาคม 2559 01:00:31 (IP 125.24.120.xxx)
|
||
Captain America: Civil War (Anthony Russo, Joe Russo / USA / 2016) นี่มันแทบไม่ต่างกับ The Avengers เลยนี่!!! แค่โปสเตอร์ก็ให้ฟีลเหมือนกันเกินจนมั่นใจเลยว่าต้องมีคนดูเป็นหมื่นเป็นแสนที่คิดว่านี่เป็นหนังชื่อ The Avengers ไม่ใช่ภาคต่อของ Captain America อย่างที่ชื่อหนังบอก หนังรวมตัวพลพรรคซูเปอร์ฮีโร่ฝั่ง Marvel ยังคงสนุกดูเพลินได้เหมือนเดิม การมารุมมาตุ้มของตัวละครนับสิบ(กว่า)ที่แต่ละตัวต่างก็มีแฟนๆ รอคอยที่จะได้เห็นบนจอหนังถูกแบ่งบทได้อย่างลงตัว เรียกได้ว่าไม่มีตัวละครไหนไม่เป็นที่จดจำเพราะล้วนแล้วแต่มีซีนหรือช็อตที่โดดเด่น ซึ่งถ้าไม่มีผลต่อเส้นเรื่องมากมายก็ต้องมีการแย่งซีนเรียกความสนุกได้กันทั้งนั้น ก็มีอยู่บ้างที่ขาแจมซึ่งเป็นตัวละครน้องใหม่บางตัวสำหรับหนังชุดนี้จะมีซีนส่วนตัวที่เยอะกว่าชาวบ้านเขาเพื่อเปิดตัวแบบเป็นทางการเหมือนงานรวมญาติในบ้านเกิดแต่เป็นสตูดิโอผู้สร้างหลังใหม่ เออ..จะมีตัวไหนอีกล่ะ ก็ Spiderman (Tom Holland) นั่นแหละ เด็กใหม่เก๋าเกรียนเพิ่งหัดชักใย..ย้ำว่าชักใย..ได้ไม่กี่เดือนก็ต้องยกพื้นที่ไว้เรียกกระแสให้เขาหน่อย แต่ก็ยังน่าเสียดายที่ตัวละครที่มีมุมน่าสนใจอย่าง Scarlet Witch (Elizabeth Olsen) และ Vision (Paul Bettany) ไปจนถึงตัวร้ายจริงๆ ของเรื่องราวทั้งหมดอย่าง Zemo (Daniel Brühl) ที่หลายครั้งเปิดฉากว่าจะต้องเป็นตัวตั้งตัวตีในการดำเนินเรื่อง แต่สุดท้ายก็ต้องคืนให้พื้นที่ให้กับเจ้าของ(ชื่อ)เรื่องอย่าง Captain America (Chris Evans) กับ Winter Soldier (Sebastian Stan) เพื่อนตายของเขาล่ะ นอกจากนั้นฉากแอคชั่นยังสนุกน่าติดตามตั้งแต่เริ่มเรื่องไปจนถึงแอคชั่นไคลแม็กซ์กับฉากปะทะกันในสนามบิน ที่จริงๆ แล้วก็ไม่ใช่ฉากไคลแม็กซ์ในการคลี่คลายปมเรื่องหรอกนะ แต่แน่นอนว่าเป็นฉากที่ใครๆ ก็จำได้ เพราะมันสนุกด้วยคิวแอคชั่นที่ไหลลื่น ที่สำคัญคือมีมุมตลกที่ปะปนกับมุมดราม่าระหว่างแต่ละคู่ตัวละครได้น่าดู ถึงแม้เราจะคาดการณ์ไว้ก่อนแล้วว่ามันไม่มีอะไรที่เกินความคาดหมายหรอก ซึ่งก็ไม่ง่ายเลยที่จะออกแบบและเล่าฉากที่คนดูพอจะรู้จุดจบของฉากได้ง่ายๆ ให้ยังมีไดนามิกที่สนุกได้ขนาดนี้ ถึงจะดูเหมือนเด็กงอแงง้องแง้งตีกันแต่ก็ยังเรียกว่า ต้น-กลาง-จบ ของฉากนี้ทำงานได้อย่างดี มันบรรจุไว้ทั้งแพ็กความสนุกเพื่อเซอร์วิสแฟนหนัง และวางตำแหน่งการตระหนักเศร้าสะเทือนบนเส้นเรื่องไว้ให้น่าจดจำได้พอๆ กันทั้งสองอารมณ์ความรู้สึก อดไม่ได้ที่จะต้องเปรียบเทียบกับ Batman v Superman: Dawn of Justice (Zack Snyder / USA / 2016) ที่เข้าโรงฉายไปก่อนหน้า ถึงในมุมอารมณ์บรรยากาศจะแตกต่างกันอยู่มากซึ่งผู้กำกับทั้งสองเรื่องต่างทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีพอตัว แต่ในแง่ของบทนั้นกลับมีแผล และแวดล้อมด้วยประเด็นการเมืองซึ่งเป็นจุดน่าสนใจที่เบอร์ใหญ่ใกล้เคียงกัน ถ้าถอดความสนใจส่วนตัวออกไปไม่เอามาวัดว่าการเล่าประเด็นของเรื่องไหนมันทำได้ถึงกว่ากัน ก็ต้องบอกว่าบทของ Batman v Superman: Dawn of Justice นั้นมีแผลที่ใหญ่กว่าโดยเฉพาะจุดเปลี่ยนความคิดความรู้สึกของตัวละคร Batman ใน “ฉากนั้น” ที่ทั้งง่ายและง่อยเหลือเกิน ทำให้ความดีงามในความขัดแย้งที่สร้างความกระอักกระอ่วนต่อประเด็นได้อย่างท่วมท้นตั้งแต่เริ่มเรื่องมากลับมีร่องรอยที่ทำให้เราไม่เชื่อการกระทำของตัวละครที่น่าจะมีรอยหยักสมองสูงอย่าง Batman ซึ่งไม่น่าเชื่อใจคนที่กำลังเป็นศัตรูได้ง่ายขนาดนั้น ความตั้งใจอันดีที่จะกำจัด Superman เหมือนกำแพงเบอร์ลินที่ถูกพังทลายลงได้ง่ายดายเพียงน้ำฝนหยดเดียวซะงั้น ขณะที่ Captain America: Civil War มีแผลที่เนียนกว่า อาจจะเรียกว่าแผลได้ไม่ถนัดนักเพราะมันก็แค่ประเด็นที่เราสนใจแต่หนังไม่ได้เลือกที่จะผลักจุดนั้นให้ไปได้ไกลอย่างที่เราหวังก็แค่นั้นเอง ก็คือประเด็นสนธิสัญญาโซโคเวียที่ Avengers ต้องเลือกว่าจะอยู่ใต้การควบคุมของสหประชาชาติเพื่อประนีประนอมยอมตามรัฐ หรือจะยังคงปฏิเสธสนธิสัญญาและเป็นองค์กรเอกชนอิสระต่อไป ซึ่งหนังไม่ได้ดีเบตประเด็นนี้ด้วยการชูตัวละครฝ่ายรัฐขึ้นมาเป็นศัตรู แต่กลับขลุกอยู่กับเรื่องมิตรภาพความสัมพันธ์บาดแผลปมอดีตระหว่างตัวละครซูเปอร์ฮีโร่ด้วยกันเองซึ่งก็ไม่ผิดเพราะพล็อตเขาตั้งใจเซ็ตมาให้มันต้องตีกันเองอยู่แล้ว แต่ก็เล่นมุมนี้จนแอบมีกลิ่นให้ชวนนึกตั้งชื่อไทยได้ว่า ‘เพื่อนชาย My Hero’ ก็ฉากเทิร์นนิ่งพอยต์ความคิดความไว้เนื้อเชื่อใจของเพื่อนมันเล่าด้วยเพื่อนอีกคนเบ่งเกร็งกล้ามซะขนาดนั้น POV มันใช่อ่ะเธอ... ประเด็นที่น่าสนใจจึงตกมาอยู่ที่บทบาทและหน้าที่ภารกิจของ Black Panther (Chadwick Boseman) หรือ Prince T’Challa (อ่านพารากราฟนี้ต่อในสปอยล์) สปอย
เจ้าชายที่เพิ่งขึ้นเป็นกษัตริย์ออกมาไล่ล่าแก้แค้นแทนพ่อที่เพิ่งโดนระเบิดตาย แถมยังเป็นตัวละครที่พ่นมุมมองคุณงามความดีของเรื่องอีกด้วย ซึ่งมันก็ง่ายไป แต่พอมองย้อนกลับไปดูพระบรมราชกรณียกิจล้างแค้นเพื่อพ่อตั้งแต่แรกมันก็สะท้อนอะไรบางอย่างได้น่าคิด!! สุดท้ายนี้ส่วนนี้คงไม่ถือว่าสปอยล์นะ เพราะคนเล่นโซเชี่ยลก็น่าจะรู้กันทั่วบ้านทั่วเมืองแล้ว ก็แค่อยากจะบอกว่าใช้ Daniel Brühl ไม่คุ้มเอาเสียเลย แต่ถ้ายังมาในภาคต่อๆ ไปก็จะรอดูเฮียแกอีกออยู่ดี แต่ Marisa Tomei เป็นป้าเมย์นี่เซอร์ไพรส์สุดๆ บอกเลยว่า..ละมุน และถ้า Ant-Man (Paul Rudd) มีท่าทีว่าจะทำตัวเล็กมุดเข้าไปในร่มผ้าของ Scarlet Witch ไม่ก็น้องแนท Black Widow (Scarlett Johansson) บ้างคงเป็นอะไรที่งดงามมากๆ ไม่ใช่อะไรหรอกแค่นอกจากมุมตลกเกรียนๆ แล้วอยากเห็นมุมหื่นบ้าง อย่างอื่นไม่ได้อยากเห็นเลย แต่ถ้ามีแล้วกล้องตามเอาไปอินไซต์ก็อยากจะดู.. สรุปผลวิจารณ์หนัง
บทหนัง
7
การดำเนินเรื่อง
7.5
ดนตรีประกอบ
7.5
ฝีมือนักแสดง
8
กราฟฟิก
9
คะแนนเฉลี่ย
7.8
|
||
29 เมษายน 2559 14:40:02 (IP 119.42.115.xxx)
|
||
รีวิวหนัง Captain America : Civil War จากมุมมองของคนที่ไม่ได้เป็นติ่งซูเปอร์ฮีโร่ค่ายมาร์เวลกันดีกว่านะ รับประกันว่าอวยไส้แตก แหกไส้ขาดกันอย่างแน่นอน สาวกค่ายมาร์เวลถ้าอ่านแล้วไม่ชอบใจก็อย่าว่ากันนะครับ ออกตัวก่อนเลยว่าเดิมทีไม่เคยมีความคลั่งไคล้ ศรัทธาในซูปเปอร์ฮีโร่ค่ายมาร์เวลแต่อย่างใด สาเหตุที่ทำให้ได้ไปดูเพราะได้ตั๋วฟรี บวกกับความที่ปฏิเสธใครไม่เป็น ก็เลยบอกกับตัวเองว่า "เอาวะดูก็ดู" ก็หวังว่ารีวิวนี้จะเป็นประโยชน์กับคนที่ ไม่เคยดูหนังซูปเปอร์ฮีโร่ค่ายมาร์เวลมาก่อน แต่ต้องไปดูหนังเรื่องนี้เพราะแฟนชวน เพื่อนชวนขัดไม่ได้ หรือดูเพราะอย่างรู้ว่าหนังเรื่องนี้มันมีดีอะไร ถึงได้ฟันรายได้ไป 40 ล้านบาทกับแค่เปิดฉายวันแรกในไทย เมื่อรู้ตัวว่าจะต้องได้ไปดูหนังเรื่องนี้ ก็เกิดความกังวลใจขึ้นมาทันทีว่า "เฮ้ยนี่เราไม่เคยดูหนังซูเปอร์ฮีโร่มาเวลมาก่อน กระโดดมาดูภาคนี้เลยจะรู้เรื่องไหมเนี่ย ตัวละครก็เยอะแยะมากมาย" เลยได้สอบถามกับติ่งค่ายมาร์เวลว่าต้องเตรียมตัวยังไงก่อนเข้าโรง ก็ได้คำแนะนำมาว่า ต้องรีบไปหาภาคแรกกับภาคสองของ Captain America มาดูก่อน เราก็เลยต้องทำตามนั้น
ต้องบอกเลยว่านั่งดูหนังทั้ง 2 ภาคนี้แบบบ้าคลั่ง ดูอย่างเอาเป็นเอาตาย เพราะมีเวลาเตรียมตัวไม่มากก่อนเข้าโรง ผลที่ออกมามันน่าประทับใจมากๆ เหมือนเก็งข้อสอบแล้วข้อสอบออกตรงแบบเป๊ะๆ เพราะการที่ได้ดูหนังทั้ง 2 ภาคนี้ก่อน ทำให้เกิดอาการอินในเรื่องความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อนระหว่าง 2 ตัวละครหลักคือ Captain America และ บัคกี้ (Winter Soldier) เอามากๆ พูดง่ายๆ คือถ้าเดินเข้าโรงโดยไม่รู้พื้นหลังความสัมพันธ์ของตัวละครหลักทั้ง 2 ตัวนี้ ก็อาจจะทำให้ความสนุกในการดู Civil War ลดลงไปถึง 60% เลยทีเดียวเชียว ***ขอฟันธงเลยว่าใครก็ตามที่ยังไม่เคยดู Captain America ภาค 1 และ 2 ให้รีบไปหามาดูซะก่อนจะเดินเข้าโรงไปดู Civil War จะทำให้การดูหนังของคุณมีอรรถรสขึ้นมากๆ*** ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว แฟนมาร์เวลอย่าว่ากันนะ ขอวิจารณ์เลยเถิดไปถึงที่มาของตัวละคร บัคกี้ (Winter Soldier) เพื่อนรักเพื่อนแค้นของ Captain America ซึ่งที่มาของ บัคกี้ นี่ต้องสืบย้อนไปตั้งแต่ภาคที่สองของเรื่อง มีใครคิดเหมือนผมบ้างไหมคับว่า ที่มาของ บัคกี้ มันพิลึกชอบกล ก็ในเมือองค์กรไฮดร้ามีทหารร่างกายกำยำแข็งแรงตั้งหลายคน ไหงจึงต้องจับเอาเพื่อนกัปตัน มาทำเป็น Winter Soldier เพื่อทำให้เกิดพลอตเรื่องแบบเพื่อนฆ่าเพื่อนทีดูจงใจเกินเหตุ ทีนี้ก็เลยต้องมีการล้างสมอง บัคกี้ เสียยกใหญ่ เพื่อให้เพื่อนยอมฆ่าเพื่อน (ถ้าเอาทหารจากหน่วยไฮดร้ามาทำเป็น Winter Soldier ก็ไม่ต้องยุ่งยากกับการล้างสมองเลย จริงไหม?) หรือสาวกมาร์เวลว่าไงครับ และต่อไปนี้เป็นการแหกไส้หนังเรื่อง Captain America : Civil War กันหล่ะ บอกเลยว่าเป็นหนังซูปเปอร์ฮีโร่ที่สนุกมาก มีฉากต่อสู้ เตะต่อย ทำลายล้างกันสะบั้นหั่นแหลกให้เห็นกันในเกือบจะ 70% ของความยาวหนังเลยทีเดียว ฉากต่อสู้ก็สนุกสนานตื่นเต้นดี ไม่มีช่วงไหนของหนังเลยที่รู้สึกว่าเป็นช่วงเวลาที่น่าเบื่อ ในฉากที่เป็นซีนอารมณ์ก็โดนใจอยู่หลายๆ ฉาก ต้องบอกว่านักแสดงถ่ายทอดอารมณ์ของหนังออกมาได้ดี ก็ต้องบอกว่า Captain America : Civil War ดูแล้วคุ้มค่า ไม่เสียดายตังค์ค่าตั๊ว (เพราะได้ตั๊วฟรีมา 555) ใครอยากรู้ผมชอบซีนอารมณ์ ซีนดราม่าในช่วงไหนของหนังบ้าง คลิกเลย (ระวังนะครับ เป็นการสปอยหนัง)
ซีนอารมณ์ผมชอบฉากงานศพของเพ็กกี้ (อดีตแฟนของกัปตัน) ที่มีหญิงสาวมากล่าวสุนทรพจน์ในงานประมาณว่า "ถึงแม้คนทั้งโลกจะเห็นต่างกับเรา แต่เราก็ต้องยืนยันที่จะทำในสิ่งที่เราคิดว่าถูกต้อง" เมื่อได้ฟังอย่างนี้เข้าไป ถึงกับทำให้กัปตันไม่ยอมลงนามในสนธิสัญญาของสหประชาชาติเลยทีเดียว อีกฉากที่ทำให้อินได้ ก็บทสนทนาระหว่างกัปตัน กับบัคกี้ ตอนที่ทั้งสองเดินทางไปฐานลับของไฮดร้าในไซบีเรีย (ตอนใกล้จบเรื่องแล้ว) ทั้งคู่พูดคุยเรื่องประสบการณ์ในวัยหนุ่มที่ร่วมหัวจมท้ายกันมา ฉากนี้ทั้งกัปตันและบัคกี้ถ่ายทอดอารมณ์ของเพื่อนซี้ออกมาได้ดี ดูแล้วยิ้มตามได้ Captain America: The Winter Soldier(ระวังนะครับ เป็นการสปอยหนัง)
ต่อไปนี้ เราก็จะมามาเล่าเรื่องให้ฟังกับแบบคร่าวๆ เรื่องมันก็มีอยู่ว่า ในหนังภาคที่ผ่านๆ มา ร่วมถึงภาคนี้ เหล่าซูปเปอร์ฮีโร่ได้ออกปฏิบัติการปราบเหล่าร้ายในหลายภูมิภาคทั่วโลก ซึ่งนอกจากจะปราบเหล่าร้ายได้ทำเสร็จแล้ว ผลที่ตามมาก็คือบ้านเมืองพังทลาย และสูญเสียชีวิตผู้บริสุทธิ์ไปเป็นจำนวนมากกับการที่ซูปเปอร์ฮีโร ใช้กำลังเข้าปะทะกับเหล่าร้าย ด้วยเหตุนี้สหประชาชาติจึงไม่อาจให้เหล่าซูเปอร์ฮีโร่ออกปฏิบัติภารกิจได้ตามใจชอบอีกต่อไป ต้องรอไฟเขียวจากสหประชาชาติก่อนถึงจะออกปฏิบัติการได้ จากเหตุการณ์นี้ ทำให้ซูปเปอร์ฮีโร่แยกออกเป็น 2 ฝ่าย โดยฝ่ายที่ยอมอยู่ใต้ข้อบังคับของสหประชาชาตินั้นก็นำทีมโดย โทนี่ สตาร์ค หรือ Iron Man นั่นเอง ส่วนซูปเปอร์ฮีโร่ฝั่งนอกคอกที่ไม่ยอมอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์ของสหประชาชาติ นั้นก็นำทีมโดย Captain America (ส่วนรายละเอียดที่ว่าฝั่งไหนมีใครบ้าง ก็ไปตามดูกันในหนังนะครับ) ความแตกแยกนี้ทำให้ทั้งสองฝ่ายต้องต่อสู่กัน เพื่อพิสูจน์ความเชื่อของตัวเอง หนังได้ดำเนินเรื่องไปสู่บทสรุปที่ร้าวลึกจนถึงขนาดที่ทำให้ Iron Man และ Captain America อาจจะไม่มีวันกลับมาญาติดีกันได้อีกต่อไป เพราะในตอนท้ายเรื่อง Iron Man ได้ล่วงรู้ความจริงว่า ในอดีต บัคกี้ (เพื่อนซี้ของกัปตัน) ได้ถูกล้างสมอง แล้วมีคนสั่งให้เขาไปฆ่าพ่อแม่ของ Iron Man เพื่อแย่งชิงบางสิ่งบางอย่างมา ทำให้ Iron Man ต้องการฆ่า บัคกี้ แต่ก็มีกัปตันมาขัดขวางไว้ มันช่างลึกซึ้งยิ่งนัก... ก็ขอจบการรีวิวหนัง Captain America : Civil War เอาไว้เพียงเท่านี้ครับ 0__o ***คำเตือน : หนังยาวเกิน 2 ชั่วโมง ระหว่างดูหนังอย่าจิบน้ำเยอะ เพราะถ้าต้องวิ่งออกไปเข้าห้องน้ำก็อาจทำให้พลาดตอนสำคัญของหนังไป เพราะหนังเรื่องนี้มีจุดพลิกผันตลอดเรื่องเลยทีเดียวนะ สรุปผลวิจารณ์หนัง
บทหนัง
7
การดำเนินเรื่อง
8
ดนตรีประกอบ
5
ฝีมือนักแสดง
7
กราฟฟิก
8.5
คะแนนเฉลี่ย
7.1
|
ยังไม่มีรีวิวหนังเรื่องนี้
cccccc
27 เมษายน 2559 19:06:20 (IP 110.168.10.xxx)
|
||||||||
GUEST |
จองตรงไหนอ่ะ
|
|||||||
หม่อม
26 เมษายน 2559 13:14:17 (IP 118.175.173.xxx)
|
||||||||
GUEST |
มันเข้าวันพุ่งนี้แน่ไหมครับ
|
|||||||
red
12 มีนาคม 2559 14:19:06 (IP 110.77.235.xxx)
|
||||||||
GUEST |
ชอบดูหนังสนุกและมัน
|
ถูกใจ
ไม่ถูกใจ