หนัง Lady Bird ภาพยนตร์สุดวายป่วง Coming-of-age ของหญิงสาวอายุ 17 ปี ที่ใช้ชีวิตในเมือง Sacramento รัฐ California ที่อยากมีชีวิตอิสระ และหนีออกจากกรอบที่เธอเจออยู่ ทั้งโรงเรียนคาทอลิก และแม่ที่ไม่เคยเข้าใจเธอเลยแต่เธอก็ยังทั้งรักและเป็นห่วงแม่ของเธออยู่เสมอ นี่คือเรื่องราวช่วงพลิกผันของเศรษฐกิจอเมริกัน ที่จะสะท้อนให้เห็นความสัมพันธ์รอบตัวของเธอคนนี้
In the early 2000s, an artistically-inclined seventeen year-old comes of age in Sacramento, California.
ผู้ชมทั้งหมด
9,216 ครั้ง
|
เข้าฉาย
15 กุมภาพันธ์ 2561
|
ออกโรงแล้ว |
2 มีนาคม 2561 17:38:16 (IP 96.30.103.xxx)
|
||
ขอต้อนรับสู่ภาพยนตร์ Comming of Age ที่เรียบง่ายและสมจริงอย่างที่สุดเรื่องหนึ่งที่เคยดูมา มันอาจไม่ได้ยิ่งใหญ่ พิสดารเหมืองหนังเปลี่ยนวัยเรื่องอื่นๆ แต่การเล่าเรื่องในแต่ล่ะฮุค คือชกตรงเข้าไปในความรู้สึก เกี่ยวกัดเข้าไปในความสมจริงที่สะท้อนไปมาในตัวเราเอง มันสบสัน มันวุ่นวาย มันกระท่อนกระแท่น มันคือการเปลี่ยนผ่านวัย มันคือวัยรุ่น ที่ไม่ใช่แค่ตัวเอกเท่านั้น แต่หมายถึงการเปลี่ยนถ่ายวัยของพ่อแม่ด้วย มันเลยไปไกลกว่าหนังเปลี่ยนวัยปกติ เก็บเอาความทรงจำระหว่างวัยรุ่นและครอบครัว มาถักทอร้อยเรียงกันได้สมบูรณ์ สมกับที่ได้รางวัล Golden Globe และเข้าชิงออสการ์จริงๆ Lady Bird เป็นเรื่องราวปีสุดท้ายของ คริสทีน เด็กสาวหัวกบฏในโรงเรียนมัธยมศาสนาที่ตัวเองไม่เคยอยากเรียนในปี 2002 และเต็มไปด้วยความเกลียดชังต่อสิ่งที่ตัวเองเป็นอยู่ ไม่ว่าจะเป็นฐานะทางการเงิน พ่อแม่ บ้าน พี่ชาย ศาสนา เขตนอกเมืองเฉาๆ ที่ตัวเองอาศัย และแม้กระทั่งชื่อของตัวเธอเองที่พ่อแม่ตั้งให้ก็เปลี่ยนไปให้ทุกคนเรียกว่า “Lady Bird" เราจะได้เห็นการเผชิญโลกของ Lady Bird ในแบบวัยรุ่นธรรมดาเป็นกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความรัก เรื่องการดิ้นรน เป้าหมายชีวิต ครอบครัว กับความสัมพันธ์ที่เต็มไปด้วยช่องโหว่ระหว่างวัย เว้าแหว่ง และเติมเต็มกันอย่างแปลกๆ ของครอบครัวคริสทีน รวมไปถึงการเป็นคนดัง การหลงผิดทาง และการยอมรับสิ่งต่างๆ ของคริสทีนทำให้หนังมันไปไกลกว่า Comming of Age ทั่วไปมาก ทั้งวิธีการหนีจากชีวิตที่ตัวเองทั้งหลายของวัยรุ่นคนอื่นๆ ที่มีมุมมองที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ช่วยเติมสีสันหม่นหมองในหนังให้เข้มข้น และน่าสนใจมากขึ้นไปอีก ตัวหนังเลือกที่จะเล่าจังหวะจะโคนที่รวดเร็ว เรียบง่าย และมีกลิ่นอายตลกอยู่เสมอ แต่ในทุกช่วงการเล่าเรื่อง จะมีหมัดฮุคความรู้สึกแรงๆ เข้ามาแทงในใจของคนดูตลอดเวลา อาจเพราะด้วยตัวบทถูกสร้างมาจาก Insight ของมนุษย์ทุกช่วงวัยได้อย่างตรงประเด็นสุดๆ ทั้งความไม่เข้าใจกันของผู้คน การไม่ได้สื่อสาร การโกหก เรื่องราวความสัมพันธ์พังๆ ของกันและกันที่เกิดจากความหวังดีรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจากทิศทางใด ไม่ว่าจะทางเพื่อน ทางครอบครัว ทางครู หรือทางคนรัก ที่ต่างทำร้ายกันมากมายเหลือเกิน แต่ก็รักกันมากมายเช่นกัน ถึงจะเถียงกันแค่ไหนก็รู้ใจกันเสมอ มันคือความเป็นครอบครัว มันคือการพากันและกันไปต่อ มันอาจมีเป้าหมายนะ แต่มันก็ไม่จำเป็นต้องไปตามเป้าหมายนั้น เวลาเปลี่ยนแปลงเสมอไม่ว่าเราจะพร้อมหรือไม่ “ไม่มีใครอยากจน ไม่มีใครอยากติดอยู่ที่นี่” แม่ของคริสทีนพูดกับคริสทีนที่พยายามออกจากบ้านไปสู่นิวยอร์ค จนเกิดการปะทะกันท่ามกลางความเจ็บปวดของทุกฝ่ายที่ไม่มีอะไรเป็นไปตามอย่างที่ตัวเองต้องการ แต่รูปร่างของชีวิตมันเป็นแบบนั้น คือเต็มไปด้วยความล้มเหลว ทำร้ายกันและกันด้วยความหวังดี ไม่ค่อยมีคนได้รับชัยชนะเท่าไหร่หรอก แต่พวกเราก็ยังต่อสู้ต่อไป และเราก็ต้องไปต่อ ชีวิตมันไปต่อเสมอ แม้ว่าเราอาจไม่คุยกันอีกแล้ว หรือต่างเดินทางไปตามทางของตัวเองก็ตาม ฉากทาสีขาวให้ห้องตัวเองของคริสทีนนี่คืองดงามและเจ็บปวดมากๆ เพราะสุดท้ายเราก็เคลื่อนตัวออกไปเป็นเรา ไปสู่หนทางใหม่ๆ ของชีวิต มีคนมากมายที่ผ่านเข้ามา และผ่านไป ทิ้งเรื่องราวต่างๆ เอาไว้ ให้คิดถึง ให้จดจำ ฉากสุดท้ายมันจึงทรงพลัง ก็ยังมีเรื่องราวที่ไม่จบมากมายนั่นแหละ เราก็ค่อยๆ เดินต่อไป และมันก็ให้ความหมายของการเติบโตได้งดงามอย่างที่สุด อีกจุดหนึ่งที่ชอบมากๆ คือหนังมีความเกี่ยวโยงกับ “พระเจ้า” อยู่บ่อยๆ และแอบสอดแทรกความขัดแย้งที่ไม่มีผิดไม่มีถูกมาเสมอๆ เช่นเรื่องคนจนคนรวย เรื่องเกย์ พรหมจารี เรื่องการทำแท้ง ความผิดถูกของเซ็กส์ ซึ่งผู้กำกับก็ฉลาดมากพอที่จะทำมันเป็นแค่สภาพแวดล้อมรอบๆ ตัวละคร ปล่อยให้มันไม่ถูกตัดสิน ปล่อยให้ผู้คนที่ดูเก็บเกี่ยวตีความเอาเอง มันส่งผลกับเรื่องนั่นแหละ แต่ในระดับปกติที่มันจะทำกับผู้คน เราจะได้เห็นสภาพที่งดงามของศาสนาคริสต์ และเห็นสภาพพังๆ ของมันในระยะเวลาที่เท่าๆ กัน บาทหลวงที่ใจดีเก่ง แต่ก็ซึมเศร้า แม่ชีระเบียบจัดแต่หัวสมัยใหม่เปิดกว้าง เราจะได้เห็นความศักดิ์สิทธิของพหรมจารีที่แม้พวกเขาดูเหมือนจะไม่สนใจ แต่ก็ยังเป็นเรื่องสำคัญสำหรับผู้หญิง เราจะได้เห็นการกระทำต่างๆ ที่ส่งผลกับชีวิตในรูปแบบต่างๆ รอบๆ ตัวเลดี้เบิร์ด ท่ามกลางความโหยหาอิสระของเธอ ที่สุดท้ายก็ติดอยู่ในชีวิตเช่นเดิม โดยเฉพาะชีวิตของผู้ใหญ่ที่มีความโดดเดี่ยวเพิ่มเข้ามา Lady Bird เป็นหนังเฉพาะสำหรับผู้คนที่เข้าอกเข้าใจความเจ็บปวดระหว่างวัย ด้วยความสมจริงและเรียบง่ายมันทำให้เราเข้าถึงได้ง่าย พาเราไปสำรวจพื้นที่เก่าๆด้วยสายตาใหม่ๆ ได้หมดจรด เป็นหนังที่เหมาะกับวัยรุ่นทุกช่วงวัยและให้ความงดงามของการเติบโตแบบชีวิตพังได้อย่างประทับใจจริงๆ สรุปผลวิจารณ์หนัง
บทหนัง
10
การดำเนินเรื่อง
8.5
ดนตรีประกอบ
8
ฝีมือนักแสดง
9
กราฟฟิก
7
คะแนนเฉลี่ย
8.5
|
ยังไม่มีรีวิวหนังเรื่องนี้
ถูกใจ
ไม่ถูกใจ