หนัง Time Freak หรือชื่อไทยว่า ไทม์ฟรีค หนุ่มสายฟิสิกส์สุดปราดเปรื่อง (เอซา บัตเตอร์ฟิลด์) ต้องช้ำรักเมื่อแฟนสาวของเขา (โซฟี เทอร์เนอร์) ขอเลิกด้วยเหตุผลว่าพฤติกรรมของเขาห่วยแตกเกินไป เขาจึงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากสร้างเครื่องไทม์แมชชีนขึ้นมาเพื่อกลับไปแก้ไขทุกสิ่งที่ตัวเองทำผิดพลาดในอดีต เพื่อพิชิตใจเธออีกครั้ง
Physics prodigy Stillman (Butterfield) is destined for great things, only to be derailed when his girlfriend, Debbie (Turner) suddenly dumps him. But Stillman isn't beaten, he does what any heartbroken genius would do - he invents a time machine to get a second chance at love.
ผู้ชมทั้งหมด
7,638 ครั้ง
|
เข้าฉาย
5 ธันวาคม 2561
|
ออกโรงแล้ว |
11 ธันวาคม 2561 10:19:37 (IP 119.46.186.xxx)
|
||
Time Freak หนังเล่นกับประเด็นง่ายๆ พร้อมคอนเซ็ปสุดเชย ที่ถูกเล่าผ่านหนังมาแล้วหลายต่อหลายเรื่องอย่างประเด็น “ย้อนเวลา” เพื่อแก้ไขสิ่งที่ผิดพลาดในอดีต และเรื่องนี้มันมากับ “สิ่งที่หัวใจแตกสลายทุกดวงต้องการโอกาสแก้ตัว” นั่นคือย้อนเวลาเพื่อไม่ให้เสียคนที่เรารักไป Time Freak ว่าด้วยเรื่องของ Stillman เด็กหนุ่มสุดอัจฉริยะที่เพิ่งโดนแฟนสาว Debbie หักอก แต่ประเด็นคือเขาไม่อยากเลิก เขาจึงสร้างเครื่องย้อนเวลาเพื่อไปแก้ไขสิ่งที่ผิดพลาดในอดีตที่เกิดขึ้นกับชีวิตคู่ของเขา โดยมีเพื่อนเขา Evan คอยสนับสนุนการกระทำอันสุดฉลาดล้ำในครั้งนี้ แน่นอนว่าทั้งโปสเตอร์ ตัวอย่าง เรื่องย่อ ทุกอย่างมันดูเช๊ยเชย กับเรื่องราว ย้อนเวลาเพื่อแก้ไขข้อผิดพลาดในอดีต บอกตรงๆ ว่าความรู้สึกแรกว่ามันคือหนังรอมคอมดาดๆ เห่ยๆ ธรรมดาๆ แต่พอดูจบแล้วมันดีกว่าที่คิดไว้เยอะเลย ทั้งเนื้อเรื่อง บท นักแสดง เป็นหนังรักเดินทางข้ามเวลาที่สนุก!!! อย่างแรกเลยคือชอบที่หนังไม่พยายามยัดเยียดความเป็นวิทยาศาสตร์มากเกินไป ไม่ได้ให้คนปวดหัวกับการสูตรเดินทางข้ามเวลา หรือการประดิษฐ์ไทม์แมชชีน นั่นจึงเป็นข้อดีที่หนังไม่เสียเวลามาเล่าเรื่องที่มันเข้าใจยากขนาดนั้น ตามมาด้วยเรื่องการแสดง ต้องบอกว่านักแสดงนำทั้งสามทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีถึงดีที่สุด โดยเฉพาะตัวพระเอกอย่าง Stillman (ที่แน่นอนว่าชื่อของเขาต้องจงใจล้อกับคอนเซ็ปย้อนเวลาในหนังแบบฮาๆ) ที่แสดงออกมาได้ดีเกินคาด โคตรจะธรรมชาติ รับบทโดย Asa Butterfield ตั้งแต่ในเรื่อง Enders Game และ A Space Betwenn us และ พ่วงด้วยเพื่อนพระเอกตัวโคตรจะแย่งซีน Evan รับบทโดย Skyler Gisondo ที่ทำให้หนังมีสีสันมากๆ ดูสองคนนี้เขาสนิทกันจริงๆ และบทของตัวละครนี้เรียกได้ว่าทำให้หนังมีเสียงหัวเราะอยู่เนืองๆ เลย เรียกได้ว่าโผล่มาฉากไหน ฉากนั้นมีฮาแน่นอน ถ้าหนังขาดตัวละครนี้ไป หนังมันจะกร่อยกว่านี้เยอะ แต่ประเด็นคือตัวละครนางเอกอย่าง Debbie ที่รับบทโดย Sophie Turner จาก Games of Thrones รู้สึกจะเคมีไม่เข้ากันกับพระเอกเท่าไหร่ การแสดงก็ไม่ได้โดดเด่น และธรรมดามาก แถมเธอยังดูแก่ไป ไม่เหมาะกับบทคู่รัก แต่มันดันไปเหมือนพี่สาวซะมากกว่า (ทั้งๆ ที่พระ-นาง อายุห่างกันแค่ปีเดียวเองนะ 555) ถ้าคุณคิดว่ามันคือหนังรอมคอม รักข้ามเวลาธรรมดาบอกเลยว่าคุณคิดผิด เพราะนี่ไม่ใช่เนื้อหารักใสๆ กุ๊กกิ๊ก แต่อย่างใด ประเด็นมันลึกกว่านั้น มันฝากทั้งข้อคิดดีๆ ในเรื่องราวการใช้ชีวิต ความรัก ความสัมพันธ์ และชีวิตคู่ได้อย่างลงตัว กลมกล่อม อีกทั้งตอนจบยังทำออกมาได้ยอดเยี่ยม แบบน่าประทับใจกับประเด็นของเรื่องนี้สุดๆ (ชอบฉากก่อนจะจบมาก ฮาแบบตัวโยนเลย เผลอก๊ากออกมาด้วย) ชอบกิมมิคเล็กๆ ของการย้อนเวลา ที่ทำให้เกิดภาพจำกับคนดูด้วยการ ทำท่าเจ็บปวด และภาพซ้ำๆ ให้เห็นถึงการย้อนเวลา ถือว่าเป็นสิ่งที่ฉลาดมาก เพราะหนังจะได้ไม่ต้องไปเสียเวลาเล่าและทำให้ลำบากแฟนตาซีกับฉากย้อนเวลามากเท่าไหร่ แต่ข้อเสียของหนังเรื่องนี้คือ Butterfly Effect ที่เราจะเห็นได้ในหนังย้อนเวลาหลายๆ เรื่อง ว่าถ้าเราเปลี่ยนแปลงอะไรในอดีต มันก็จะส่งผลกับปัจจุบัน ซึ่งในเรื่องนี้มันก็มีแหละ เพียงแต่มันส่งผลกับตัวละครหลัก 3 ตัวเท่านั้น เลยทำให้หนังน่าเสียดายที่ไม่เล่นประเด็นนี้ให้หนักกว่านี้ และด้วยความที่เป็นหนังย้อน-ข้ามเวลา มันจึงสามารถยืดหยุ่นเนื้อหาออกไปได้อีกมากมาย จึงทำให้มันเป็นจุดอ่อน ที่หลายต่อหลายครั้ง มันเหมือนจะจบและ แต่มันก็ยังไม่จบสักที เลยทำให้กระชากอารมณ์คนดูนิดหน่อย แต่มันก็แค่นิดเดียว หนังมันยังรักษามาตรฐานตัวเองไว้ได้ ด้วยเนื้อเรื่องและการดำเนินเรื่องที่น่าติดตาม สรุป Time Freak เป็นหนังที่แนะนำให้ดูเลย อยากให้ไปดู เพราะรอบมันน้อยมากจริงๆ เป็นหนังเบาสมองอีกหนึ่งเรื่องที่ให้ข้อคิด และแง่คิดในชีวิตคู่ได้ดี แถมยังเรียกเสียงหัวเราะได้ดีอีกด้วย อยากให้ลองไปดูกันครับ ^^ สรุปผลวิจารณ์หนัง
บทหนัง
9.5
การดำเนินเรื่อง
9
ดนตรีประกอบ
7
ฝีมือนักแสดง
8
กราฟฟิก
6.5
คะแนนเฉลี่ย
8
|
ยังไม่มีรีวิวหนังเรื่องนี้
ถูกใจ
ไม่ถูกใจ