หนัง Once Upon a Time in Hollywood หรือชื่อไทยว่า กาลครั้งหนึ่งในฮอลลีวู้ด เรื่องราวของ นักแสดงหนุ่มตกอับชาวตะวันตกกับสตั้นท์แมนของเขาที่พยายามดื้นรนให้ประสบความสำเร็จในธุรกิจหนัง อีกทั้งหนังเรื่องนี้ยังเป็นหนังเรื่องแรกของ เควนติน ที่สร้างขึ้นมาโดยอ้างอิงจากเรื่องจริงอีกด้วย แบรด พิตต์ , ลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ และ มาร์โก้ต์ ร็อบบี้
A faded TV actor and his stunt double embark on an odyssey to make a name for themselves in the film industry during the Helter Skelter reign of terror in 1969 Los Angeles.
ผู้ชมทั้งหมด
10,292 ครั้ง
|
เข้าฉาย
12 กันยายน 2562
|
ออกโรงแล้ว |
16 กันยายน 2562 10:21:09 (IP 180.183.244.xxx)
|
||
[รีวิว] Once Upon a Time in...Hollywood ผลงานลำดับที่ 9 ของ Quentin Tarantino ที่เจ้าตัวเคยบอกไว้ว่าจะทำหนังยาวแค่ 10 เรื่องเท่านั้น หลังจากที่เคยทำหนังมาหลากหลายแนว ไม่ว่าจะเป็น อาชญากรรม, แก๊งค์สเตอร์, กังฟู, คาวบอย, สงครามโลก คราวนี้มาในแนวหนังที่มีแบ็คกราวสร้างมาจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงของคดีฆาตกรรมสุดอื้อฉาวแห่งวงการฮอลลีวู้ดของ Sharon Tate ที่โดนกลุ่ม Manson Family ลัทธิของ Charles Manson ฆาตกรรมอย่างโหดเหี้ยม จึงเป็นที่น่าสนใจว่าตัวของ Quentin จะถ่ายทอดหนังเรื่องนี้ออกมายังไง Once Upon a Time in...Hollywood เป็นหนังที่เล่าเรื่องของนักแสดงชื่อดังที่กำลังจะหมดยุคของเขาในไม่ช้าอย่าง Rick Dalton (Leonardo DiCaprio) และสตั้นท์แมนของเขาอย่าง Cliff Booth (Brad Pitt) ที่ทั้งคู่ได้บังเอิญมีบ้านที่อยู่ติดกับผู้กำกับอย่าง Roman Polanski และคู่หมั้นของเขา Sharon Tate โดยที่หารู้ไม่ว่ามันกำลังจะนำไปสู่เรื่องราวที่พวกเขาไม่คาดคิด ก่อนอื่นต้องบอกก่อนเลยว่า จำเป็นอย่างมากถึงมากที่สุด ที่จะต้องรับรู้เรื่องราวและเหตุการณ์คดีฆาตกรรมสุดอื้อฉาวของ Sharon Tate มาก่อน เพราะถ้ารับรู้แล้วหนังมันจะทำงานกับเราแบบที่สุด และจะสนุกขึ้นมาก มันจะตรงกับที่ Quentin ต้องการเลย ตลอดทั้งเรื่องเราจะเกิดความสงสัยว่ามันจะมาบรรจบกันตรงไหน หลายๆ ครั้งที่มีตัวละครจริงๆ จากเหตุการณ์จริงมาเกี่ยวข้องเราก็จะแบบ เอาละเว้ยๆๆๆๆๆ และด้วยความที่เป็นแบบนั้น เราจึงรอลุ้นและสนุกกับมันว่าหนังจะลงเอยยังไง จะเล่ามันยังไง มันจึงเดาตอนจบอะไรไม่ได้เลย เป็นหนังเกือบ 3 ชั่วโมงที่เพลินมาก ไม่น่าเบื่อเลยแม้แต่นิดเดียว ตลอดทั้งเรื่อง Quentin เหมือนได้พาเราหลุดเข้าไปในยุคทองแห่งฮอลลีวู้ดช่วงนั้นไปเลย ทั้งการแสดง เบื้องหลัง สภาพแวดล้อมเมือง เรียกได้ว่าถ่ายทอด LA ในยุคนั้นออกมาได้โคตรมีเสน่ห์มากๆ ถึงแม้มันอาจจะดูเวิ่นเว้อไปซะหน่อย แต่มันเหมือนเป็นการถ่ายทอดสิ่งที่ Quentin รัก ผ่านออกมาในหนังของตัวเอง ในหลายๆ แง่มุม ให้คนดูได้รับรู้ รวมถึงสิ่งที่น่าชื่นชมมากๆ คือทีมนักแสดงทุกคนเลย ไล่ไปตั้งแต่ Leonardo DiCaprio ในบทของ Rick Dalton ที่สะท้อนภาพของดาราดังในยุคนั้นมากมายไม่ว่าจะเป็น George Maharis, Ty Hardin, Fabian, Vince Edwards, Edd Byrnes ที่ถ่ายทอดการแสดงออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม ตามมาด้วย Brad Pitt ที่รับบท Cliff Booth ซึ่งตัวละครนี้ก็ได้รับแรงบันดาลใจมาจากสตั้นท์แมน Hal Needham และ Burt Reynolds ที่แสดงได้โคตรเท่ และไม่น่าเชื่อว่าชายอายุ 56 จะรักษาหุ่นได้โคตรยอดเยี่ยมขนาดนี้ และสองตัวละครนี้แหละที่สร้างความบันเทิงให้หนังแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วยมาก รวมไปถึง Margot Robbie ในบท Sharon Tate ที่ถึงแม้ไม่ได้ออกมาโชว์ฝีไม้ลายมือการแสดงมากเท่าที่ควร และนับเป็นเรื่องน่าเสียดาย แต่ต้องบอกว่าทุกครั้งที่เธอปรากฏออกมาช่างสวย น่ารัก น่าหลงไหลเสียเหลือเกิน และยิ่งเธอทำให้คนดูหลงรักเท่าไหร่ และยิ่งคนดูรับรู้เรื่องราวจริงที่เกิดขึ้นมามากแค่ไหน มันยิ่งส่งผลให้ลุ้นกับชะตากรรมของตัวละครนี้เสียเหลือเกิน สิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุดของหนังยกให้องค์สุดท้ายของหนังเลย ถ้าไม่ใช่ Quentin คิดไม่ออกจริงๆ ว่าใครจะทำหนังให้ตอนจบออกมาแบบนี้ได้ คุณไม่มีทางเดาออกแน่ๆ ว่าหนังมันจะออกมาเป็นยังไง สปอยล์ไม่ได้จริงๆ ต้องไปชมเองในโรง เรียกได้ว่าคือความบันเทิงขั้นสุด Quentin ได้ถ่ายทอดจุดด่างพร้อยแห่งยุคทองของฮอลลีวู้ดออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม และน่าจะเพลิดเพลินเจ้าตัวใช่เล่น แต่ในความสนุก เพลิดเพลิน บันเทิง ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่านะ ว่าหนังเรื่องนี้ของ Quentin มีความแตกต่างจากเรื่องอื่นพอสมควร ดูนิ่งขึ้น สุขุม เหมือนทิ้งจดหมายบอกผ่านคนดูว่ารักยุคนั้นมากๆ นะ รวมถึงเรายังเห็นถึงความเหงา เศร้า และถวิลหาของตัว Quentin เองด้วย ยิ่งแนวทางของ Rick Dalton มาถึงช่วงที่แบบจะหมดยุคของเขาแล้ว ยิ่งทำให้สะท้อนถึง Quentin และสงสัยว่าเจ้าตัวจะคิดแบบนั้นป่าวนะ เพราะนี่ก็คือเรื่องที่ 9 ก่อนที่จะถึงเรื่องสุดท้ายเฮียแกแล้วนะ ดูแล้วแอบเศร้าเล็กๆ ชอบกล สรุปแล้ว Once Upon a Time in...Hollywood เป็นหนังที่แฟนคลับ Quentin ที่ติดตามมาโดยตลอดน่าจะต้องชอบกันแน่นอน (และเจ้าตัวยังคงใส่เอกลักษณ์ความเป็นตัวเองอยู่เต็มหนังไปหมด เช่นบุหรี่ Red Apple) แต่ไม่ใช่ทุกคนจะชอบ แต่อย่างน้อยเหมือนคุณได้เข้าไปนั่งดูกาลครั้งหนึ่งของมนต์เสน่ห์แห่งฮอลลีวู้ด เป็นความรักของ Quentin ที่อยากถ่ายทอดให้เราได้รับรู้ สรุปผลวิจารณ์หนัง
บทหนัง
9
การดำเนินเรื่อง
9
ดนตรีประกอบ
9
ฝีมือนักแสดง
9
กราฟฟิก
9
คะแนนเฉลี่ย
9
|
||
14 กันยายน 2562 10:49:14 (IP 184.22.106.xxx)
|
||
ONCE UPON A TIME IN HOLLYWOOD " กาลครั้งหนึ่ง..ถึงฮอลลีวู้ดในความทรงจำ " 161 min | Comedy/Drama | Directed by Quentin Tarantino Once Upon a Time in Hollywood คือเรื่องราวที่เกิดขึ้นในเมืองแห่งภาพยนตร์อย่างฮอลลีวู้ดในยุค 60 ริค ดาลตัน อดีตดาราหนุ่มชื่อดังและ คลิฟฟ์ บูธ สตั้นท์แมนคู่ใจที่เป็นดังเพื่อนสนิท พยายามจะดิ้นรนหาทางให้กลับมามีบทบาทและประสบความสำเร็จอีกครั้งในวงการภาพยนตร์ นี่คือผลงานเรื่องที่ 9 ของเควนติน ทารันทิโน่ ที่หยิบเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงอย่างเหตุการณ์ฆาตกรรมสุดสยองโดย ชาร์ล แมนสัน และลัทธิของเค้ามาเป็นแบ็คกราวสตอรี่ให้กับเรื่องนี้ ถึงแม้ว่าจะไม่ชิน กับการที่เควนตินมาในโหมดที่ไม่ได้ดุดัน รุนแรง แต่เน้นค่อยๆ ถ่ายทอดเรื่องราว รายละเอียดที่เกิดขึ้นกับฮอลลีวู้ดในช่วงนั้นจริงๆ ซึ่งน่าจะเป็นช่วงเวลาที่เควนตินแกเติบโตและชื่นชอบมากที่สุด (แหงล่ะ ถึงได้หยิบเรื่องนี้มาเล่าด้วย) แกเนิร์ด 60s ฮอลลีวู้ดถึงขั้นที่พยายามเก็บทุกเม็ดตั้งแต่บรรยากาศเล็กน้อยไปจนถึงรายการทีวีต่างๆ แถมยังสอดแทรกเรื่องราวหลังกองถ่ายไปด้วย เรียกได้ว่าแม้จะเรโทรหน่อยแต่หนังเรื่องนี้มีความเป็นฮอลลีวู้ดแบบเต็มเปี่ยม ถ้าจะให้ยกตัวอย่างง่ายๆ หนังเรื่องนี้เหมือนเราดูหนัง ชีวิตดาราตกอับอยากกลับมามีพื้นที่ให้เฉิดฉายอีกครั้ง ปนด้วยหนังถ่ายทอดเบื้องหลังวงการที่มีกลิ่นอายเหตุการณ์บ้านเมืองอย่างแมนสันแฟมิลี่ที่เกิดขึ้นในช่วงนั้นพอดี แม้ว่าหนังจะมีความยาวกว่า 2 ชั่วโมง 40 นาที และ pacing ของหนังก็ดูจะไม่ได้เร้าใจเหมือนงานก่อนๆของเควนติน แต่เอาเข้าจริงหนังมันก็ไม่ได้น่าเบื่อขนาดนั้น มันดูได้เรื่อยๆเลยแถมยังไม่ได้รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่ไกลตัวขนาดนั้น เพราะเอาเข้าจริงฮอลลีวู้ดในปัจจุบันเองก็อาจจะไม่ได้แตกต่างไปจากเดิมมากเท่าไหร่ แถมในช่วงที่เรารู้สึกว่าหนังมันเรื่อยๆ จนเราไม่ได้คาดหวังอะไรแล้ว เควนตินก็ยังเป็นเควนตินอยู่วันยันค่ำ จัดหมัดฮุคเด็ดด้วยไคลแม็กซ์ที่เป็นเอกลักษณ์ของแกมาให้แบบเต็มๆ แต่ที่เสียดายอย่างนึงก็คือการที่หนังไม่ได้เน้นตัวชารอน เทต เท่าใด ทำให้แอบเห็น มาร์โก้ ร็อบบี้น้อยไปหน่อย แต่ก็ทดแทนด้วยการเห็น แบรด พิตต์ แกกลับมาเท่อีกครั้ง แล้วเรื่องนี้ก็เล่นดีมาก โดยรวมแล้ว Once Upon a Time in Hollywood เป็นงานของเควนตินที่อาจจะไม่ได้เหมาะสำหรับทุกคน เพราะมันไม่ได้บู๊แมสหรือคอเมดี้จัดๆเหมือนหลายเรื่องก่อนหน้า แต่เป็นเหมือนการถ่ายทอดเรื่องราวของฮอลลีวู้ด สถานที่และช่วงเวลาที่แกรู้สึกหลงรักมากที่สุด ยุคที่คาวบอยยังฮิต ยุคที่เมืองเต็มไปด้วยพวกฮิปปี้ ถ้าใครที่สนใจเรื่องราวเหล่านี้ ต้องดู แต่ถ้าไม่ได้แคร์ว่าฮอลลีวู้ดช่วงปลาย 60 หน้าตาเป็นแบบไหน ก็สามารถผ่านไปได้ครับ สรุปผลวิจารณ์หนัง
บทหนัง
7.5
การดำเนินเรื่อง
8
ดนตรีประกอบ
8
ฝีมือนักแสดง
9.5
กราฟฟิก
8.5
คะแนนเฉลี่ย
8.3
|
||
11 กันยายน 2562 17:10:56 (IP 119.46.91.xxx)
|
||
Once Upon A Time in Hollywood ภาพยนตร์ที่สร้างมาเพื่อบูชาหนังฮอลลีวูด ในวงการฮอลลีวูดคงไม่มีใครที่อินดี้และติสเท่าผู้กำกับที่ชื่อเควนติน แทเรนติโน อีกแล้ว ไม่ว่าจะเป็นสไตล์การกำกับหนังของแก มีสไตล์งานที่เฉพาะตัวมาก รวมไปถึงการที่แกประกาศว่า จะสร้างหนังเพียงแค่ 10 เรื่องเท่านั้น แล้วแกจะลาวงการไปเลย ซึ่ง Once Upon A Time In Hollywood ถือเป็นผลงานเรื่องที่ 9 ของแกเข้าไปแล้ว ใครที่สงสัยหลังจากดูตัวอย่างหนังเรื่องนี้แล้วว่าเนื้อเรื่องจะเป็นแบบไหนนั้น ผมขอเล่าคร่าวๆคือ ย้อนไปเมื่อปี 1969 ริค ดัลตัน ดาราที่เคยดังกับ คลิฟฟ์ บูท สตั้นแมนคู่ใจ ที่ทั้งคู่เริ่มคิดได้ว่าเวลาในวงการมายานี้นั้นใกล้หมดลงแล้ว ต้องหาวิธีกลับมาดังอีกครั้งให้ได้ กลับกันในบ้างข้างๆริค ดัลตัน ได้มีดาราดังอย่าง ชารอน เทต ซึ่งกำลังเป็นดาราดังอยู่ใน ขณะนั้นหลายคนอาจจะจำไม่ได้ว่า เธอคือดาราที่มีตัวตนจริงๆ และได้เกิดเหตุสลดกับเธอ เมื่อเดือนสิงหาคมในปี 1969 เธอซึ่งกำลังตั้งครรภ์ได้ถูกฆ่าตกรรมอย่างทารุนจนเป็นข่าวโด่งดังไปทั่วในช่วงนั้น เรื่องราวของเธอได้ถูกหยิบยกมาเล่าในหนังด้วย แต่บทสรุปจะลงเอยแบบเรื่องจริงหรือไม่ต้องไปติดตามต่อในหนังได้นะครับ ส่วนตัวผมเองแล้วถึงแม้ว่าจะไม่ค่อยเข้าใจฉากที่ผู้กำกับเควนติน แทเรนติโนเค้าอ้างอิงถึงในฉากต่างๆในหนังเรื่องนี้ แต่ต้องยอมรับจริงๆว่าด้วยความที่เป็นหนังที่มีการเล่าเรื่องสไตล์เฉพาะตัวของเควนติน ทำให้ผมเองก็ดูได้เพลินๆ และพีคสุดในช่วงท้ายของเรื่องจริงๆ ซึ่งผมเองก็ไม่แนะนำคนทั่วไปให้มาชม เพราะมันเป็นหนังที่ค่อนข้างเฉพาะตัวเอามากๆ คนดูหนังทั่วไปอาจจะเบื่อก็เป็นได้เพราะตัวหนังเองนั้นยาว 2 ชั่วโมง 40 นาทีและไม่ได้มีฉากแอคชั่นหวือหวาตลอดทั้งเรื่อง 7.5/10 สรุปผลวิจารณ์หนัง
บทหนัง
7.5
การดำเนินเรื่อง
6.5
ดนตรีประกอบ
7
ฝีมือนักแสดง
8.5
กราฟฟิก
8
คะแนนเฉลี่ย
7.5
|
ยังไม่มีรีวิวหนังเรื่องนี้
ฟลุ๊คตี๋
14 มกราคม 2562 01:27:52 (IP 1.47.169.xxx)
|
||
GUEST |
นักแสดงสองคนนี้ ผมชอบมากอยากดูติดตามผลงานของเฮียแกมาเยอะหนังดีๆทั้งนั้นที่เฮียแกเล่น
|
ถูกใจ
ไม่ถูกใจ